วันนี้ (7 กุมภาพันธ์ 2568) ที่งาน Thailand Rule of Law Fair 2025 งานแฟร์เพื่อความแฟร์ นำโดยสถาบันเพื่อความยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (TIJ) และเครือข่าย ดร.มานะ นิติมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หนึ่งในวิทยากรบนเวทีแสดงวิสัยทัศน์ ‘ลงทุน’ กับหลักนิติธรรม หลักประกันอนาคตที่ยั่งยืน ชี้ว่า ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา จำนวนการคอร์รัปชันของประเทศไทยไม่ได้ลดจำนวนลง ทั้งยังมีดัชนีด้านการคอร์รัปชันที่ย่ำแย่แซงประเทศเพื่อนบ้าน ยกตัวอย่างกรณีการใช้งบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่มีความไม่ตอบโจทย์ด้านเศรษฐกิจ

ดร.มานะยกข้อมูลจาก ACT AI ซึ่งเป็นระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลที่สำคัญในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของภาคประชาชน ที่ให้ข้อมูลระหว่างปี 2558-2567 ว่า อบจ.ใช้วงเงินงบประมาณราว 3 แสนล้านบาท ไปกับการสร้างถนนและสะพาน คิดเป็นร้อยละ 63 ของงบประมาณของหน่วยงาน เฉพาะที่จังหวัดนครปฐมเพียงจังหวัดเดียวสูญงบประมาณไปกับการเสริมตลิ่งและถนนเลียบคลองมากกว่าร้อยละ 80 

การใช้งบประมาณไปกับการทำโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว ดร.มานะชี้ว่า มีความไม่สอดคล้องกับการใช้งบประมาณเพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และไม่เชื่อมโยงกับการพัฒนาท้องถิ่น ในขณะที่การส่งเสริมการพัฒนาประชากร เช่นการศึกษาพบว่า อบจ.แต่ละแห่งของประเทศใช้งบประมาณเพื่อการศึกษาต่อปีเฉลี่ยราว 1.7 ล้านบาทเท่านั้น ยกเว้นในบางจังหวัดเช่นระยองที่มีการใช้งบประมาณเพื่อการศึกษาปีละ 10 กว่าล้านบาท เนื่องจากมีโรงเรียนนานาชาติตั้งอยู่ในจังหวัด

ขณะที่ตัวเลขการใช้งบประมาณของ อบจ.กว่าร้อยละ 63 ที่ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันชี้ว่า ถูกใช้ไปกับโครงสร้างพื้นฐานอย่างถนนนั้น สัดส่วนการใช้งบประมาณไปกับการสร้างถนนจริงๆ อาจมากกว่าที่ข้อมูลของ ACT AI ตรวจสอบพบ เนื่องจาก อบจ.มีการเลี่ยงบาลีในการเขียนโครงการของบประมาณ

“ข้อมูลตัวเลขที่นำมาคุยให้ฟังไม่ครบถ้วนตามความเป็นจริง เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้การตรวจสอบยากหรือมองไม่เห็น ยกตัวอย่าง ในโครงการสร้างถนนแทนที่เขาจะเขียนอย่างตรงไปตรงมาว่า โครงการลงทุนนี้เป็นโครงการสร้างถนน แต่เขาไปเขียนเลี่ยงว่า โครงการนี้เป็นโครงการแก้ไขจุดเสี่ยงจราจร หรือเป็นโครงการความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นต้น เพราะฉะนั้นระบบเอไอก็ตรวจไม่พบจึงต้องอาศัยคนเข้าไปตรวจสอบจึงจะจับเจอ ตัวเลขนี้ 63% ยังเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความเป็นจริง” 

ดร.มานะให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากผลการสำรวจเสียงของประชาชนโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าก่อนหน้านี้ เปิดเผยว่า ประชาชนร้อยละ 95 รับรู้ว่า มีการคอร์รัปชันและเกิดความไม่โปร่งใสใน อบจ.แต่ไม่มีการเปิดให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ แต่เนื่องจากประชาชนไม่มีพลังมากพอในการคัดง้าง รัฐบาลมองแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่มีแนวทางการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน การคอร์รัปชันของประเทศไทยจึงยังไม่ลดลง 

“สิ่งที่ประเทศไทยเจอต่อมา คือดัชนีคอร์รัปชันย่ำแย่จนในทุกวันนี้ประเทศเพื่อบ้านทยอยแซงหน้าไปเรื่อยๆ ประชาชนตื่นตัวเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน แต่พลังของประชาชนที่จะคัดง้างกับปัญหาเหล่านี้ยังไม่มากพอ” ดร.มานะกล่าว

Tags: ,