คุณเชื่อในพลังของต้นไม้ไหม?

แค่ได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ เราจะรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ก้อนล่องหนบนบ่าดูจะสลายน้ำหนักไปอย่างน้อยก็ชั่วครู่ เหมือนพลังของสีเขียวช่วยขับไล่ความกังวลออกไปโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว

ความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้นในวันหนึ่งที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ (The Museum of Floral Culture) วันที่อากาศไม่เป็นใจ วันที่ถนนของกรุงเทพฯ ยังแน่นไปด้วยรถ สถานที่ทุกแห่งยังอลหม่าน คับคั่งไปด้วยเสียงของเมือง

เป็นเหมือนโอเอซิสกลางกรุง การได้หลบเข้ามาที่นี่คือการปิดสวิตช์

พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ก่อตัวขึ้นที่นี่มาหลายปีแล้ว ต้นกร่างเก่าแก่ขนาดใหญ่ยืนต้นน่าเกรงขามอยู่กลางลานหน้าบ้าน เรือนไม้อายุนับร้อยปีแห่งนี้ ร้อยเรียงเรื่องเล่าผ่านเรื่องราวของดอกไม้ด้วยศิลปะการร้อยถักและจัดวาง ทั้งของไทยและหลายชาติในเอเชีย เปิดให้เข้าชมเป็นรอบในทุกๆ วันที่เปิดทำการ

รอบตัวบ้านคือหมู่ต้นไม้เขียวครึ้ม เหมือนป่าที่พลัดมาอยู่กลางเมือง นอกจากต้นกร่างขนาดใหญ่ ยังมีมะขามที่มีเฟิร์นสไบนางเกาะตัวอยู่พร้อมห้อยใบระย้า มีปาล์มแทรเวลเลอร์ (Traveller’s Palm) หรือที่มีชื่อไทยว่า ‘กล้วยพัด’ ยืนต้นสูงลิ่ว ต้นประดู่ที่มีนกมาเกาะอาศัย เหล่านี้คือต้นไม้เก่าแก่ที่มีอยู่เดิม จนเมื่อ ‘คุณสกุล อินทกุล’ นักออกแบบและจัดดอกไม้เลื่องชื่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้น ก็นำไม้อีกหลายพันธุ์เข้ามาปลูกเสริม บางพันธุ์เป็นพันธุ์หายากหรือออกดอกยาก เช่น กรรณิการ์ พู่ระหง สร้อยสายเพชรหรือแก้วระย้า รวมถึงดอกรัก ดอกแก้ว พวงชมพู อัญชัน บางชนิดซึ่งเป็นดอกไม้กินได้ ก็กลายมาเป็นส่วนประกอบของเมนูอาหารและเครื่องดื่ม ที่ Café Botanica คาเฟ่ที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ในพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้แห่งนี้ด้วย

เดิมที ที่พิพิธภัณฑ์มีร้านชาไว้คอยเสิร์ฟผู้เข้ามาเยี่ยมและเยือนพิพิธภัณฑ์อยู่แล้วคือ Dok Mai Thai Salon du Thé ซึ่งเปิดมาพร้อมกับพิพิธภัณฑ์ มีมุมจิบชาอยู่ที่ระเบียงด้านข้างและกลางสวน จนถึงวันหนึ่ง เริ่มไม่เพียงพอที่จะรองรับคนที่เข้ามาพึ่งไอเย็นดับร้อน จึงดัดแปลงส่วนที่เคยเห็นเป็นห้องเก็บของเดิมมาเป็นคาเฟ่นั่งสบาย และเพิ่มเมนูให้มีตัวเลือกมากขึ้น ทั้งอาหารจานเดียวที่อิ่มท้อง และของหวานกับเครื่องดื่มที่หลายเมนูมีดอกไม้เป็นส่วนประกอบของรสชาตินั้น

ความเป็นศิลปินที่ช่างเก็บ เมื่อเดินทางไปที่ไหนแล้วชอบใจกับข้าวของในท้องถิ่นหรือในประเทศนั้นๆ คุณสกุลจะซื้อข้าวของชิ้นนั้นติดมือมาด้วย ไม่ว่าจะงานผ้า ข้าวของตกแต่ง หรืองานคราฟต์ทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ และงานเหล่านั้นก็กลายมาเป็นส่วนผสมของ Café Botanica ที่ให้กลิ่นอายแบบเอเชีย ไม่ว่าจะผ้าคลุมโต๊ะผืนลายสีจัดจ้าน โคมไฟสานเหนือเพดาน ไปจนถึงร่มหลากสีแบบเมืองเหนือที่ประดับอยู่

บนโต๊ะของเราถูกยึดพื้นที่ด้วยเมนูของว่างที่เจาะจงไปว่า อยากลองชิมเมนูดอกไม้ เพราะไหนๆ ก็มาถึงที่ทั้งทีแล้ว ขนมไทยจัดเสิร์ฟมาเป็นอย่างแรก วางบนพานที่รองด้วยตองสีสด ประดับจานแบ่งมาด้วยดอกบานไม่รู้โรย มีขนมนิยมของคนที่ชอบกินขนมไทยอย่างลูกชุบ ขนมต้ม ถั่วแปบ เป็นตัวยืน นอกจากนั้น ก็สับเปลี่ยนไปบ้าง เช่นวันนี้เป็นขนมกล้วย พรุ่งนี้อาจเป็นขนมมัน มีขนมเปี๊ยะแบบอินเดียที่เข้ากันดีนักกับชาร้อน ที่เราเลือกชากลีบบัวมาจิบให้ร่างกายอุ่น เป็นชาที่คุณสกุลหอบหิ้วมาจากเวียดนามเพราะติดใจในรสและกลิ่นอ่อนๆ ของบัว เป็นหนึ่งในอีกหลายๆ ตัวที่เขามักนำติดกลับมาด้วย เช่น ชาซากุระจากญี่ปุ่น ชาสไปซ์มิลค์ทีจากแคชเมียร์ ชาทับทิมจากตุรกี ฯลฯ

สิ่งที่เราพลาดในวันนี้ คือมาไม่ทันสโกนที่จัดว่าเป็นเมนูเด่นของที่นี่ ทราบมาว่าความดีงามนั้นมีที่มาจากการคิดสูตร ที่กว่าจะลงตัวมาเป็นสโกนที่เสิร์ฟมากับคลอตเต็ดครีมและแยม และใช้เวลาอบอยู่นานจนได้เนื้อสโกนที่ออกจะร่วนหน่อย เอาเป็นว่าคราวหน้าถ้าอยากจะลองรสชาติของสโกนต้องมาให้เร็วยิ่งกว่านี้

แต่แล้วชีสเค้กญี่ปุ่นก็ดับความเสียดายทั้งหมดของเราได้ ด้วยรสชาติเปรี้ยวเค็มหวานที่คำว่า ‘กำลังดี’ นั้นให้คำจำกัดความได้ไม่เท่าคำว่า ‘อร่อย’ ชีสเค้กจานนี้หน้าตาน่าเอ็นดู ด้วยพวงชมพูกลีบดอกจิ๋วหลิวที่วางประดับอย่างง่ายๆ และกินได้ด้วย ส่วนของหวานอีกถ้วยนั้นเป็น Rose Jelly Frozen Yogurt ตัวเยลลีมีส่วนผสมของกุหลาบที่ให้กลิ่นและสีชมพูระเรื่อ ไอศกรีมโยเกิร์ตทำเองรสชาติไม่หวานจัด ท็อปมาด้วยกราโนล่าเนื้อกรุบๆ ที่ถ้าชอบกลิ่นกุหลาบแล้ว ควรจัดกุหลาบโซดามาคู่กันอีกสักแก้ว แต่ถ้าอยากได้รสและกลิ่นอื่นๆ บ้าง ก็ยังมีอัญชัน น้ำผึ้งมะนาว หรือส้มยูซุมาแทนก็ได้

ส่วนใครที่คิดว่าของหวานดูจะเบาเกินไป Café Botanica มีเมนูจานเดียวที่เสิร์ฟพร้อมข้าวหุงด้วยน้ำอัญชัน อย่างข้าวไก่คั่วสมุนไพร ข้าวหมูต้มเค็ม กับข้าวง่ายๆ สไตล์โฮมคุกกิ้ง ที่ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรนัก แต่ถ้าอยากได้ความพิเศษกว่านั้น ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่นี่จัด ‘Midnight Moon’ ที่พิเศษไปตั้งแต่บรรยากาศของดินเนอร์ ซึ่งตกแต่งและออกแบบโดยคุณสกุล ผู้เลือกสรรเองทุกอย่างตั้งแต่ผ้าปูโต๊ะ แจกัน การจัดดอกไม้ลงแจกัน จนถึงเมนูอาหารที่เสิร์ฟทั้งหมดเจ็ดคอร์ส โดยแต่ละเมนูก็จะมีเรื่องเล่าซึ่งเป็นเรื่องราวที่มาของเมนูที่เจ้าตัวผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมา และไม่ซ้ำกันในแต่ละคืน

เรียกว่า ถ้ามีเวลาทั้งวัน ก็สามารถใช้เวลาทั้งบ่ายจรดค่ำไปถึงค่อนคืนได้ ส่วนความเหนื่อยล้าที่แบกเอาไว้ รสชาติของอาหารและโอเอซิสกลางกรุงจะเยียวยาเราเอง

Fact Box

Café Botanica ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ เลขที่ 315 ซอยสามเสน 28 แยกซอยองครักษ์ 13

นอกจากจะจิบชา กินของหวาน หรือจัดมื้อเที่ยงจนถึงดินเนอร์ในวันปลายสัปดาห์แล้ว ยังสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวัฒนธรรมดอกไม้ ซึ่งมีทั้งการจัดและร้อยดอกไม้ในราชสำนักของไทย และการจัดดอกไม้ในวัฒนธรรมเอเชีย รวมถึงมีเวิร์กช็อปงานดอกไม้ที่จัดขึ้นสม่ำเสมอ โดยสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.facebook.com/TheMuseumofFloralCulture

เปิดทำการวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น. โทร. 02-669-3633-4 www.floralmuseum.com

Tags: , ,