BICK:

สวัสดีครับ ผมบิ๊กบุญ และนี่คือรายการ WhatDoYouSay พอดแคสต์สองภาษา รายสัปดาห์ที่ว่าด้วยเรื่องของการพูด ในเอพิโสด 0 นี้ เรามาแนะนำตัวและทักทายคุณผู้ฟัง อย่างเป็นทางการครับ

WhatDoYouSay มี co-hosts 3 คน นอกจากผม ยังมีอีกหนึ่งหนุ่ม หนึ่งสาว อยู่ด้วยกันตรงนี้แล้ว สวัสดีโบและเฟี้ยตครับ

รำลึกอดีตเรดิโอโนพร็อบเบลม

00:46

ผมรู้จักเฟี้ยตมาสิบกว่าปีแล้ว ตั้งแต่เขาเข้ามาเป็นดีเจหน้าใหม่ที่ เอไทม์ เฟี้ยตอยากเล่าถึงโมเมนต์ที่เราเจอกันครั้งแรกไหมครับ

FIAT:

จำได้ว่าตอนนั้นเข้ามาเป็นรุ่นบุกเบิกรายการสองภาษา แล้วพี่บิ๊กเนี่ย เป็นนักเรียนนอก จัดรายการด้วยเสียงสดใสร่าเริงตลอดเวลา (พี่บิ๊ก: ก..กูเคยเป็นอย่างนั้นจริงเหรอ) ใช่ ดูเป็นผู้ชายอบอุ่น ตอนเข้ามาใหม่ๆ ยังจัดรายการไม่ค่อยถูก ก็จะดูพี่ๆ เขาเป็นแนวทาง พี่บิ๊กนี่คือแพ็กคู่มากับพี่อ้อย คือเป็นพี่เลี้ยงดีเจใหม่ ดูแลรุ่นน้อง

BICK:

พี่อ้อยนี่เป็นเพื่อนตั้งกะอยู่ปีหนึ่งมหาวิทยาลัยเลยนะครับ พี่อ้อยเริ่มเข้ามาจัดรายการก่อน เรายังเรียนอยู่ พี่อ้อยดังไปแล้ว พี่ไก่สะมะดังไปแล้ว เราตามมาทีหลัง เข้ามาเริ่มจัดที่เรดิโอโนพร็อบเบลม ช่วงแรกนี่คือรับสายตอบคำถาม แล้วเขาก็จะเปลี่ยนคอนเซ็ปต์เป็นคลื่นสองภาษา ก็จะมีการอิมพอร์ตดีเจล็อตใหม่เข้ามา บุกเบิกโนพร็อบเบลมยุคไบลิงกวล มี วู้ดดี้ พีเค แล้วก็เฟี้ยตนี่แหละ

FIAT:

คือพีเคกับวู้ดดี้จะอเมริกันมาก แต่นี่คืออังกฤษแถบชายแดน สนุกดี ได้เจอคนในวงการสองภาษาด้วยกัน

BICK:

แต่เอาจริงๆ ตอนนั้นไม่คิดว่าเป็นรุ่นพี่เขาแล้วจะมีประสบการณ์มากกว่าเขาเลยนะ เพราะเรื่องการจัดรายการสองภาษาเนี่ยมันมาเริ่มพร้อมๆ กัน เท่ากันหมดแหละ ไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน อะ ยกเว้นพีเคกับวู้ดดี้ซึ่งคล่องมาก และสองคนนี้น่าชื่นชมตรงที่เขาพูดทั้งสองภาษาได้ชัดเป๊ะ

FIAT:

โดยไม่มีการไทยคำอังกฤษคำ

BICK:

เก่งว่ะ เก่งมาก เราเคยแต่จัดรายการภาษาไทย และจะประดักประเดิดมาก แบบ เฮ้ยต้องพูดสองภาษาจริงเหรอวะ มันตลกอะ แค่คิดก็หมั่นไส้ตัวเองแล้ว ดังนั้นพวกเราก็เข้ามาสู้ๆ ไปพร้อมๆ กันแหละ ช่วยกันคลำหาทางว่า เออ เอายังไงแค่ไหนดีวะ

FIAT:

ช่วยกันหาส่วนผสมและสัดส่วนที่ลงตัวว่า เอาแค่ไหนดี พูดอังกฤษมากไปไหม พูดอังกฤษน้อยไปไหม พยายามจูนกันมากที่สุดคือ ทำยังไงให้ไม่ดูกระแดะ เพราะคนจัดเป็นยังไง คนฟังก็จะเป็นยังงั้น ซึ่งตอนนั้นในที่สุดเด็กอินเตอร์ก็จะตามฟังคลื่นเรากันเยอะนะ

BICK:

แล้วทักษะในวันนั้นก็กลับมารับใช้เราอีกครั้งในวันนี้

คนไทยที่ไม่เคยไปอยู่ต่างประเทศนานๆ จะใช้ภาษาอังกฤษคล่องได้อย่างไร

03:57

FIAT:

เอาจริงๆ ทักษะภาษาช่วยให้เฟี้ยตมีงานเยอะมากเลยนะ เพราะเราใช้ภาษาอังกฤษได้ คือเราก็ไม่ได้เป็นนักเรียนนอก แต่พอดีว่าได้ทำงานกับองค์กรนานาชาติเยอะ

BICK:

ซึ่งมหัศจรรย์มาก เอาจริงๆ คือ อย่างโบเงี้ย ไปอยู่ตั้งแต่เกรดเจ็ดใช่ไหมครับ ก็ควรจะคล่องอะถูกต้องละ แต่เฟี้ยตนี่ เท่าที่พี่รู้ไม่เคยไปเรียนไปอยู่ยาวๆ ที่เมืองนอกมาก่อน แต่ก็ยังสามารถใช้ภาษาได้อย่างนี้ แจ๋วว่ะ

FIAT:

พอเวลาที่เราต้องไปทำงานกับหลายประเทศ ภาษาเราจะด้อยกว่าเขาไม่ได้ ไม่งั้นเราจะถกประเด็นของเราไม่ได้ ก็จะดูโง่ กลายเป็นว่า โอ๊ย ทำไมตัวแทนจากประเทศไทยโง่อย่างนี้ ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ เขาขอความคิดเห็นก็ถกกับเขาไม่ได้

BICK:

ไม่ใช่เขาถามว่า “What do you think?” แล้วตอบ “Yes”

FIAT:

สไตล์เด็กไทย แบบ นั่งเงียบๆ หลังห้อง

BICK:

ไม่สบตา ไม่ยกมือ ซึ่งไม่ใช่แนวของอเมริกันแน่ๆ ใช่ไหมครับ

เด็กไทยที่ไปอยู่เมืองนอกต้องฝ่าฟันอะไรบ้างเพื่อให้ภาษาแข็งแรง

05:14

BEAU:

ที่นู่นคือต้องแสดงความคิดเห็น ไม่งั้นไม่ได้คะแนน participation point อาจารย์เขาจะดูอยู่

FIAT:

ตอนโบไปอยู่ที่นู่นใหม่ๆ คงต้องปรับตัวกันพอสมควรเลยเนาะ เด็กเอเชียจะถูกมองเป็นกะเหรี่ยง จะโดนถาม เฮ้ย แกขี่ช้างไปเรียนหนังสือหรือเปล่า

BEAU:

จริง มีเรื่องขี่ช้าง และมีเรื่องเข้าใจว่าเราคือไต้หวัน โบต้องเอาลูกโลกมาชี้ว่า นี่ ไต้หวันอยู่นี่ ไทยแลนด์อยู่นี่ คนละไทกันนะยู แล้วตอนเราอยู่เมืองไทย เราคิดว่าแกรมมาร์เราแน่น คือเรียนคอนแวนต์ เราว่าเราต้องโอเค แต่พอไปเจอสำเนียงฝรั่ง งงอะ ตอนอยู่ไทยเรียนกับครูฟิลิปปินส์ไง สำเนียงอีกแบบ พอไปโน่นฟังไม่รู้เรื่องเลย ยังดีที่มีลูกพี่ลูกน้อง แต่ที่บ้านมีกฎห้ามพูดภาษาไทย ดังนั้นคือจดทุกอย่างที่ครูเขียนบนกระดาน และเปิดดิกทุกคำ ตั้งใจมาก ต้องทำการบ้านมากกว่าเพื่อนสองเท่า

BICK:

มันคือ Survivor mode อะพี่ว่า ไม่ทำไม่ได้ ไม่งั้นจะคุยกับใครไม่รู้เรื่องเลย

BEAU:

ในคลาส ESL (English as a Second Language) โรงเรียนโบจะมีครูที่พูดภาษาสเปนในห้อง แล้วพวกนักเรียนเม็กซิกันเนี่ย ฟังไม่ออกก็ขอให้ครูแปลให้เป็นสแปนิช ใช้ล่ามตลอด แต่เราไม่มีคนมาแปลให้ เลยต้องเอาตัวรอดเอง แต่นั่นทำให้โบออกจากคลาส ESL ได้เร็วกว่าทุกคน และได้เอทุกวิชา ภูมิใจในตัวเองมาก เดือนเดียวเท่านั้น

BICK:

เดือนเดียวเองอะ เร็วมาก

FIAT:

เธอปรับตัวได้เร็วมาก นี่คนหรือกิ้งก่า

Co-hosts ทั้งสามของเราใครทำอะไรอยู่บ้าง

08:20

BICK:

แล้วตอนนี้เฟี้ยตทำอะไรอยู่บ้างครับ

FIAT:

จัดรายการวิทยุที่ กรีนเวฟ ทำรายการทีวีช่องสาม ปากว่ามือถึง ของเอกกี้ รายงานข่าวบันเทิงตอนเช้าของช่องทรู รายการสอนภาษาอังกฤษผ่านอาชีพของ ThaiPBS แล้วก็มีละครบ้างนิดหน่อย

BICK:

ส่วนโบ เพิ่งได้เจอเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง โบอยากเล่าถึงโมเมนต์ที่เพิ่งได้รู้ว่ามีพี่อยู่บนโลกนี้เป็นครั้งแรกไหมครับ ว่า เอ๊ะ ตานี่เป็นใครวะ

BEAU:

มีวันหนึ่งแท็บบี้ (AF6) โทรมา บอกว่า พี่บิ๊ก บ.ก.อะบุ๊กอยากทำพอดแคสต์ภาษาอังกฤษ แล้วพี่เขาไปเห็นพี่โบใน รายการพี่ลูกกอล์ฟ เลยอยากชวนมาทำ โบสนไหม นี่ไม่คิดอะไรเลย ตอบทันที “สนใจ!” จากนั้นก็นัดเจอพี่บิ๊กที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

FIAT:

เห็นหน้าแล้วรู้สึกว่าเขาเป็นคนน่าไว้วางใจไหมคะ

BEAU:

น่าไว้วางใจสิคะ! คือเจอกันครั้งแรกแต่คุยเหมือนรู้จักกันมานาน มันคลิกกันได้ง่ายมาก ทั้งเรื่องที่คุยกัน มัน on the same page เอ้า นี่ไง ไทยคำอังกฤษคำ แบบนี้จัดเริดิโอโนพร็อบเบลมไม่ได้นะคะ! คือ มันจูนกันได้ง่ายมาก คุยภาษาเดียวกันนั่นแหละ เลยบอกพี่บิ๊กว่า อยากทำมาก อยากเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์นี้

BICK:

ผมก็ดีใจฮะ อะตัดภาพกลับมาที่ฝั่งนี้ ครั้งแรกคือ โอ ผู้หญิงคนนี้ พี่เห็นแล้วชอบเลย ชอบวิธีคิด ชอบวิธีพูด ชอบเสียง เสียงเพราะ พูดภาษาอังกฤษเพราะ เจ๋งว่ะคนนี้ เสิร์ชเลย นี่ใครวะ แล้วพอเห็นคำว่า AF ก็คิดถึงแท็บบี้ทันที คือแท็บบี้นี่เป็นภรรยาของโจ้ และโจ้เป็นบ.ก.ของอะบุ๊ก เราก็บอกว่า แท็บบี้ ว่างๆ ฝากคุยให้พี่หน่อยแล้วกันน้า แต่แค่สิบนาทีให้หลัง แท็บบี้เดินมาบอกละว่าโบสนใจ เร็วไปไหน! เนี่ยรู้ตัวอีกทีก็มานั่งกันอยู่สามคนตรงนี้แล้ว

FIAT:

แล้วตอนนี้พี่บิ๊กทำอะไรอยู่บ้าง

BICK:

เป็นบรรณาธิการสำนักพิมพ์ครับ ดูแลแบรนด์ a book และ everyday นอกจากนั้นก็เป็นนักเขียนด้วย

BEAU:

หนังสือพี่บิ๊กเยอะมาก ส่วนใหญ่ไม่ได้เขียนสอนทฤษฎี แต่เขียนให้คนที่ไม่ได้อยากนั่งเรียนในห้องเรียนอ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย

BICK:

เพราะเราไม่ได้คิดว่าเราเป็นครู ที่พี่พูดเรื่องภาษาอังกฤษ ก็เหมือนบางคนที่เขาชอบการเมือง จะคุยอะไรก็วกไปการเมือง ใครชอบบอล คุยอะไรก็วกไปเรื่องบอล นั่นล่ะ เหมือนกัน สำหรับพี่คือภาษาอังกฤษ เคยคิดแวบๆ เมื่อหลายปีก่อนว่า หรือว่าควรไปเป็นครูให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยวะ แต่เอาจริงๆ มันไม่ใช่ฟีลเลย เรามองตัวเองว่าเป็นนักเขียน คอนเทนต์ของเราคือภาษาอังกฤษ ก็เท่านั้นเอง

FIAT:

แค่ชอบเล่าเรื่อง เป็น storyteller

จากการทำหนังสือ เดินทางมาสู่การทำพอดแคสต์อย่างไร

13:38

BEAU:

แล้วจากการเขียนหนังสือและเป็นบ.ก. มาทำพอดแคสต์ได้ยังไงคะ

BICK:

มันเริ่มมาจากการฟังออดิโอบุ๊กก่อนครับ เอาจริงๆ ตอนนั้นเพราะสุขภาพตาเริ่มแย่ เรามีของต้องอ่านเยอะมาก ตรวจต้นฉบับนักเขียน ทำหนังสือให้ชาวบ้าน เขียนหนังสือของตัวเอง ไหนจะหนังสืออื่นๆ ต่างๆ ที่ควรต้องอ่านเพื่อเอาความรู้เข้าตัวเพราะกลัวโง่ ต้องทำการบ้าน แล้วมาวันนึงตาไม่ไหวละ ปวดมาก

FIAT:

แล้วคุณยายโอเคไหมคะ

BICK:

เสียไปแล้วครับ

BEAU:

ไม่ใช่ค่ะ! ทุกคนกลับมาค่ะ!

BICK:

ตอนนั้นมีนิยายอยากอ่านอยู่เล่มนึง ก็ไปลองซื้อมาฟัง เฮ้ยมันโอเคเหมือนกันนะ เพลิน โชคดีด้วยที่ได้ narrator เก่ง เป็นประสบการณ์ใหม่ ก็ฟังมาเรื่อย จนในที่สุดก็มาเจอพอดแคสต์ ก็เริ่มฟัง ฟังมาจนวันนึง เอ๊ะ เดี๋ยว พอดแคสต์นี่มันเหมาะกับเราเหมือนกันนะ เพราะคอนเทนต์เราคือภาษา ซึ่งปกติเราเขียนให้คนอ่าน แต่ถ้ามันมีเสียงด้วยมันจะครบ ฟัง พูด อ่าน เขียน เออน่าจะเหมาะ ถามต่อ เป็นไปได้ไหมที่เราจะจัดพอดแคสต์ อ๊ะ แต่เราเคยจัดรายการวิทยุมาเหมือนกันนะ อืม งั้นมันก็อาจจะเป็นไปได้ เลยลองคิดดูแบบจริงจังครับ

ทำไมเลือกทำพอดแคสต์สองภาษา ไทย-อังกฤษ

15:43

FIAT:

And why must it be in English?

BICK:

Why in English? Because I think I used to be a lot better at speaking English. It has been over ten years, no, it has been almost twenty years since I’ve moved back. Ever since then I don’t have any opportunities to use the language as often as I want. And you know what they say, you use it or lose it. You have to keep practicing you have to keep using. But nowadays it’s like three times a year, when I travel to, like, Japan and talk to my friends in English. That’s it. That’s all. แล้วพอเวลามีคนอ่านมาถามว่า พี่บิ๊กขา ทำยังไงภาษาอังกฤษจะดี เราก็จะตอบว่า น้องครับ น้องต้องใช้มันบ่อยๆ สิครับ ต้องพูดบ่อยๆ นะครับ แต่พอหันกลับมาดูตัวกูเองนั้น ก็ไม่มีโอกาสพูดเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เอาจริงๆ I make this podcast for myself. I need to speak English. I need to speak with someone, and that’s where you guys come in.

“Use it, or lose it”
ทักษะเป็นสิ่งที่ถ้าไม่ใช้แล้วมันจะหายไป

FIAT:

แล้วโบล่ะ ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาได้ใช้ภาษาอังกฤษเยอะไหม

BEAU:

ไม่เยอะมากแต่ก็ใช้คะ เพราะได้พูดกับเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนทำไม้แขวนเสื้อด้วยกันเนี่ย ก็พูดภาษาอังกฤษกัน… ไทอิน ไทอิน

BICK:

หนอย ขายของ

FIAT:

ไม้แขวนเสื้อที่สะบัดยังไงเสื้อก็ไม่หลุดอะนะ

BEAU:

ใช่ค่ะ มันดีมากเลย

FIAT:

แล้วถ้าสนใจจะตามซื้อได้ที่ไหนคะ

BEAU:

เดี๋ยวรอติดตามทางไอจีนะคะ

BICK:

เป็นสปอนเซอร์รายการนี้เลยมั้ยอะ

FIAT:

นี่ไงอีกหนึ่งบทบาทของเธอ นอกจากร้องเพลงเล่นละครแล้ว ยังทำธุรกิจอีกด้วย เธอชื่ออะไร จอยใช่มั้ย

BEAU:

ว้ายแรง! อย่าพูดสิ เราจะไม่บอกใครว่าได้แรงบันดาลใจมากจากเขา

ต่อให้ภาษาอังกฤษใช้การได้แล้ว
เราจะทำอย่างไรให้มันดีอยู่อย่างนั้น
หรือดีขึ้นเรื่อยๆ

17:57

BICK:

So did it ever occur to you that once you moved back here your English would get rusty?

BEAU:

Yes! I always find that I’m talking to myself, like, when I’m driving. I’d pretend that I’m on the radio or something, or I’m in an interview with Oprah, and I’d pretend to answer questions in English. Sometimes I’d be acting, pretending to be some characters from the series I’m into. That’s how I practice my English. I just talk to myself. I’m crazy. I’m an only child so I have a wild imagination.

BICK:

เฟี้ยตล่ะครับ ได้ใช้ภาษาอังกฤษแค่ไหน แล้วทำไมภาษาอังกฤษถึงคล่อง

FIAT:

จริงๆ ภาษาอังกฤษเฟี้ยตตอนนี้แย่กว่าเมื่อก่อนนะ เฟี้ยตเนี่ยได้ภาษาจากการดูการ์ตูนแต่เด็กเลย การ์ตูนดิสนีย์นี่แหละ แล้วจินตนาการตัวเองว่าเป็นเจ้าหญิงต่างๆ And I practice from songs and movies, that’s how I learned my English. I also got to work with people from different countries ภาษาอังกฤษของเราอาจจะฟังไม่เป็นอเมริกันหรืออังกฤษ แต่ตราบใดที่คุยกับคนรู้เรื่องก็โอเคนะ

BEAU:

And I really wanna get it out there. I wanna encourage anyone who wants to use English. You don’t have to speak perfectly. As long as you try and if you can communicate and people understand you. That’s the fun of speaking English. You don’t have to sound like a native speaker.

BICK:

เอาจริงๆ แล้วทุกวันนี้คือโอกาสที่เราจะได้พูดคุยกับคนที่พูดอังกฤษแบบอเมริกันหรือบริติชจริงๆ ยังไม่เยอะเท่าโอกาสที่เราจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากแถวๆ นี้เลยนะ เพื่อนพี่ส่วนใหญ่ที่พูดภาษาอังกฤษกันคือญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน เขาก็พูดด้วยสำเนียงของเขา ไม่ได้เป๊ะอะไรมากมาย ในชีวิตจริงไม่มีใครมานั่งให้คะแนนหรือหักคะแนนกันหรอกว่า หวาย แกออกเสียงคำนี้ผิดนะ เพราะเราใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารไง สื่อสารกันครบก็จบ ก็สนุกละ

FIAT:

เราไม่ได้เรียนเป็นนักภาษาศาสตร์เนอะ

แล้วสำหรับคนที่อังกฤษยังไม่แข็งแรง จะฝึกอย่างไรให้เก่งขึ้น

21:48

BICK:

นี่เป็นอีกเหตุผลที่พี่คิดว่า โบและเฟี้ยตเป็นส่วนผสมที่ดี คนหนึ่งก็อเมริกันจ๋ามาก อีกคนก็เป็นคนไทยที่ผสมสำเนียงตัวเองขึ้นมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคำกล่าวหนึ่งของ Arthur Ashe เป็นนักเทนนิสอาชีพ เขาบอกว่า “Start where you are. Use what you have. Do what you can.” มันปัดข้อแก้ตัวกระเด็นหมดเลยนะ หนึ่ง ‘Start where you are’ ต้องได้ไปอยู่ต่างประเทศก่อนภาษาถึงเก่ง ไม่จริง อยู่ไหนก็ฝึกได้ เก่งได้ ดูเฟี้ยตสิ นี่เป็นหลักฐานเลย สอง ‘Use what you have’ มีอะไรก็ใช้ยังงั้นแหละ มีซีรีส์มีหนังฝรั่งให้ดู มีเพื่อนชาวฮ่องกงที่พูดภาษาอังกฤษแบบจีนๆ ของมันนี่แหละ ก็คุยกับมันไป มีอะไรใช้อย่างนั้น ส่วน ‘Do what you can’ ก็แค่เริ่มทำ No excuse! พี่ว่าเป็นปรัชญาที่ดีมากในการสนับสนุนให้ใครๆ ใช้ภาษา ผิดๆ ถูกๆ ใช้ไปเถอะ เดี๋ยวก็ได้เอง

“Start where you are.
Use what you have.
Do what you can.”
-Arthur Ashe
อยู่ที่ไหนก็เริ่มตรงนั้น
มีอะไรก็ใช้สิ่งนั้น
แล้วทำเต็มที่ เท่าที่ทำได้

WhatDoYouSay จะช่วยอะไรคุณผู้ฟังของเราได้บ้าง

23:42

ทีนี้พี่อยากถามเฟี้ยตกับโบบ้าง
Can you explain, in your own words, what this show is all about?

BEAU:

We pretty much discuss how to deal with different situations that people may be wondering about in everyday life. Our purpose is to have a fun podcast in English where Thai people who want to use and practice English, or want to learn different lingos can come to.

FIAT:

Relationship is all about communication, and communicating is a skill. A lot of time maybe you can speak the language but you don’t have a skill to bond with people. This is where you come to.

“Relationship is all about communication,
and communicating is a skill…”
ความสัมพันธ์จะดี ต้องคอยสื่อสารกันให้ดี
และการสื่อสารนั้นเป็นทักษะ
ซึ่งแปลว่า มันหัดและฝึกฝนกันได้

BICK:

ตอนแรกคิดอยู่เหมือนกันครับ คือถ้าจะจัดหมวดรายการของเรา มันก็ดูเหมือนจะอยู่ในหมวด ภาษา หรือเปล่า เพราะมันใช้ภาษาอังกฤษทำรายการ แต่มาคิดดูอีกที พี่ว่าไม่ใช่แค่เรื่องภาษาแล้วนะ เพราะเราใช้ภาษาเพื่ออะไร เราใช้ภาษาเพื่อสื่อสาร และเราใช้ภาษาเพื่อรักษาและสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบตัว เลยมาคิดใหม่ว่า ที่จริงมันคือโชว์ที่เกี่ยวกับ communication และ relationship มากกว่า มันไม่ใช่รายการ แบบ “สอนภาษา!” ดังนั้นเราก็จะไม่มานั่งเน้นกันว่า “น้องลืมเติม -s นะครับ!” หรือ “มันต้องเติม -ed นะครับน้อง!” เราก็จะไม่มีความดุในส่วนนั้น ดังนั้น พูดๆ ไปเหอะ ผิดๆ ถูกๆ ทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้พูดถูกร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน

What Do You Say แปลว่าอะไร
มีความหมายพิเศษอะไรหรือไม่
จึงกลายมาเป็นชื่อของพอดแคสต์

25:27

BEAU:

How did you come up with the name, ‘What do you say’?

BICK:

When we do the search on Google, we often use the keyword, “what do you say when…” เพื่อค้นหาคำพูดที่ควรใช้ในสถานการณ์ต่างๆ แล้วนอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งความหมาย เช่น “What do you say we go to the beach this weekend?” เป็นการถามความเห็นว่า ทำยังงั้นยังงี้กันดีไหม คำมันจำง่ายดีด้วยครับ

 

คุณเป็นผู้ฟังที่เหมาะกับ What Do You Say หรือไม่

26:15

FIAT:

Who do you think the audience would be?

BICK:

I would imagine our audience to be someone who’s already speaking English. Maybe they have the same problem as I do. You know, I want to use the language but I don’t have the outlet. I don’t have anybody to talk to. I don’t have the opportunities to actually use the language. So I think that would be our main target audience. They’re already use the language. They enjoy using the language. แล้วเราก็คิดว่า นอกจากพอดแคสต์แล้ว ก็น่าจะมีกิจกรรมอื่นๆ ที่จะช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมทางภาษาให้คนเหล่านี้มาใช้ภาษาอังกฤษกับเราด้วย หรือคนฟังสามารถมีส่วนร่มกับเราโดยการแนะนำไอเดียสำหรับรายการ เช่น สิ่งที่เราเคยคุยกัน คุณอาจเคยเจอ แค่คุณไม่ได้พูดแบบนี้ หรือคุณไปเจอเรื่องอะไร แล้วพูดอะไรถึงเกิดปัญหา อาจจะอยากแชร์ สามารถมาแลกเปลี่ยนกันได้ครับ

FIAT:

แล้วโบคิดว่าคนฟังน่าจะเป็นใคร และเขาจะได้อะไรจากพอดแคสต์ของเรา

BEAU:

I think our audience would be someone who’s pretty familiar with using English and wants a source to keep it up. They might want to be able to listen and interact by speaking English. And in the future we might have a chance for all you listeners out there to be in the environment with people speaking English to one another.

BICK:

So stay tuned!

FIAT:

At this point, we have recorded four episodes, I wanna know how you like it so far. Okay, I’ll share mine first. I like working with P Bick because he’s funny. He’s a fun person, too. I also like to work with new people and I’ve never done podcast before even though I’ve done some videos on YouTube. I think it’s groundbreaking. Especially the plan that we’ll do later. That’s even more exciting. I can’t wait to tell you guys!

BICK:

Me too. I sooo want to share, but it’s not that time yet.

BEAU:

Me too, I’m having a great time doing this. This is my first time working with the both of you and after having done this four times I feel that it’s better than I expected. I’m so excited and I think it’s about time Thailand has a podcast like this. It’s entertaining and you’ll learn a thing or two out of it, too.

FIAT:

Especially the kind of things we talk about on the show, most people just wouldn’t say it. They will not talk about it as if nothing happens. That’s why we’re like, let’s talk about it!

BICK:

I’ve told one of our writer friends about the podcast we were planning to do, and ask to interview him to use on the show. Then I asked him bunch of hard and awkward questions แล้วเขาก็บ่นว่า พี่ ทำไมคำถามพี่มันยากจังวะ! And I told him that this is exactly why we do this program. Because it’s a difficult thing to say. It’s a hard thing to say. It’s awkward. That’s all the more reason for us to try to talk about it. ก็เพราะมันพูดยากไง ถึงยิ่งต้องมาช่วยกันคิดว่าจะพูดยังไงดี

BEAU:

To be honest a lot of these topics and questions I’ve never thought about it before of how to say it. And when I see these questions I was like, what would I say? I don’t know. I had to think about it a little bit.

BICK:

Basically communication is the key. You can make or break relationship. I think that’s one of the most important things.

 

วิธีการฟังพอดแคสต์อย่างง่ายที่สุดคืออะไร

30:53

BEAU:

What would be the easiest way to listen to our podcast?

BICK:

Go to our website, whatdoyousay.co หาเอพิโสดที่คุณอยากฟัง กดดาวน์โหลด And that’s it! You just download the files onto any of your devices. And listen to it like you listen to your music on your devices. And it’s free. It will be forever free, I can promise you that. And if you’re a mac user or if you own an iPhone, you just go to the PODCAST app ไอ้แอพสีม่วงๆ ที่เราไม่เคยกดเลยนั่นแหละ คือสงสัยมาตลอดว่า เอาไว้ทำไมวะ บางคนซ่อนไปเลย แต่ตอนนี้คุณมีเหตุผลแล้วที่นจะไปควักเจ้าแอพตัวนี้กลับมาใช้ เอาไว้หน้าหนึ่งเลยนะครับทีนี้ That would take you to the podcast directory on iTunes, you could easily search for our show, WHATDOYOUSAY, then subscribe. DONE! The new episodes would be sent automatically to the app on your device, ready for you to enjoy

BEAU:

What about Android users?

BICK:

For android users, I’d recommend the apps called STITCHER and PODBEAN which is the one I use. It’s one of the best ones. It work pretty much like the iTunes Podcast app on the IOS. Very easy to use. Or if you already use SoundCloud, you can find us there by searching WHATDOYOUSAY. Also, very easy. So, subscribe, pleaseee… 😀

=========================
After-show notes:
บันทึกหลังการฟังเอพิโสดแรกของรายการตัวเอง
By Bickboon

หลังจากฟังเอพิโสดแรกจบไป อืม กระผมพูดจาตะกุกตะกักสิ้นดี นี่เคยจัดรายการวิทยุมาจริงปะเนี่ย (แม้จะสิบกว่าปีมาแล้วก็ตาม) และกระทำสิ่งที่ตนเกลียดออกไปรัวๆ นั่นคือการพูดไทยคำอังกฤษคำ ตอนนี้น่าจะมีคุณผู้ฟังแอบด่ามากมาย แน่ใจเลย เพราะเราก็ด่าตัวเองอยู่เหมือนกัน

หลักๆ น่าจะเป็นเพราะประหม่า เพราะตอนมานั่งฟังทีหลังก็นึกออกหมดว่าคำทั้งหลายที่ใช้ออกไปเป็นภาษาอังกฤษนั้น ควรใช้ภาษาไทยว่าอะไร แต่ตอนนั้นมันนึกไม่ออกจริงๆ

กราบยี่สิบครั้งครับ กราบขออภัย ตอนนี้เรากำลังปรับประสาทกันอยู่ แต่จะพยายามที่สุดให้มันออกมาเหมาะสมกว่านี้นะครับ เพราะความตั้งใจของการทำรายการสองภาษาก็คือ จะไม่พูดไทยคำอังกฤษคำ จะพูดภาษาอะไรก็ว่าไปเป็นปึกๆ มันยากครับ แต่ยืนยันอีกครั้งว่าเราจะพยายาม

อีกอย่าง ร ล นี่ไม่ได้เรื่องเลย จำได้ว่าสมัยจัดรายการวิทยุทุกวัน ได้หัดจนพูดสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติพอสมควร แต่พอห่างไปจากไมโครโฟน มันเลยเลิกพูดชัดไปโดยปริยาย เอาล่ะ ก็ต้องกลับไปตั้งใจใหม่

มันก็แค่อีกเรื่องที่ต้องฝึกฝนและพยายาม เท่านั้นเอง
อนึ่ง โบและเฟี้ยตทำได้ดีมาก คิดถูกจริงๆ ที่ชวนสองคนนี้มา
เคยได้ยินคำกล่าวว่า

“If you’re the smartest person in the room,
find a different room”
-Michael Dell

การเป็นคนฉลาดน้อยที่สุดและเก่งน้อยที่สุดในกลุ่ม ทำให้เราสามารถเรียนรู้จากคนอื่นได้ ในกรณีนี้ผมได้เรียนรู้จากโค-โฮสต์ทั้งสองอย่างมากมาย และผมมั่นใจว่าเราทั้งหมดจะดีขึ้น ทั้งเรื่องการทำรายการ ทั้งเรื่องการพูดจาให้รู้เรื่องและลื่นไหลน่าฟังกว่านี้ ในทั้งสองภาษา

อย่างหนึ่งที่สบายใจคือ ในที่สุดก็ได้เริ่มลงมือทำมันลงไปแล้ว สิ่งที่แพลนอยู่ในหัวและบนกระดาษมาประมาณแปดเก้าเดือน ในที่สุดก็ออกมา และผลงานของเราในวันนี้ แน่นอนว่ามันจะเป็นชิ้นที่แย่ที่สุด เพราะต่อจากนี้มันต้องมีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่เราตั้งใจจะเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง และไม่เลิกล้มเพียงเพราะก้าวแรกของเรายังไม่ดีพอ

สำหรับเอพิโสดนี้ของ วดยซ. ผม บิ๊กบุญ อยากขอบคุณเป็นการส่วนตัวครับ

  • ขอบคุณ Themomentum.co ที่เป็น podcast network ของรายการเรา
  • ขอบคุณพี่โหน่ง พี่ปิงปอง พี่ป๊อป ผู้บริหารเดย์โพเอทส์ ที่ให้งานผมทำ
  • ขอบคุณพี่ฉอด ที่ให้วิชาจัดรายการวิทยุกับผมและดีเจเฟี้ยต
  • ขอบคุณ AF ที่ทำให้โบ-สาวิตรีเป็นที่รู้จักของประชาชน และขอบคุณรายการ English Room ของครูลูกกอล์ฟ ที่ทำให้ผมได้รู้จักโบ
  • ขอบคุณทีมงานอะบุ๊กที่ตั้งใจดูแลงานผลิตหนังสือ ทำให้ผมมีเวลามาผลิตพอดแคสต์
  • ขอบคุณทีม post-production ปุ๊ก ป๊อกกี้ แพท ที่ทำให้แต่ละเอพิโสดออกมาน่าฟัง
  • ขอบคุณไบรอันเทพ เสียงของคุณทำให้พอดแคสต์ของพวกเราซาวนด์อินเตอร์ยิ่ง
  • และสุดท้าย ขอบคุณพอดแคสต์ 3 รายการ ที่ช่วยสอนให้ผมรู้ว่าพอดแคสต์นี่เขาทำกันยังไง นั่นคือรายการ The ShowrunnerThe Podcast Dude และ The Podcast Method นอกจากนั้นยังมีคลิปบนยูทู้บจำนวนนับไม่ถ้วนที่ช่วยให้ความรู้ความมั่นใจ จนผมกล้าลุกขึ้นมาเริ่มทำรายการ
Tags: