1
ปี 2016 เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง เจ้าหน้าที่การทูตในสถานทูตอเมริกาประจำคิวบา ได้พบเจอกับเหตุการณ์ประหลาด เมื่อพวกเขาถูกอะไรบางอย่างจู่โจมเข้าใส่ ในเวลาไม่นานหลายคนเริ่มเจ็บป่วย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว เรื่องนี้สร้างความสับสนและสงสัยให้กับรัฐบาลอเมริกาเป็นอย่างมาก
จากนั้นในปี 2017 เจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยไมอามีได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่แจ้งถึงเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้ ทางมหาวิทยาลัยได้จัดแพทย์รักษานักการทูต 6 คนจากสถานทูตอเมริกาประจำคิวบาที่มีอาการป่วย จนต้องเดินทางขึ้นเครื่องมายังเมืองไมอามีเพื่อเข้ารับการรักษาโดยเร็ว
ทั้ง 6 คน ให้ข้อมูลว่าพวกตนถูกบางสิ่งคล้ายคลื่นเสียงจู่โจมเข้าใส่ จนมีอาการมึนหัว คลื่นไส้ ความทรงจำบางส่วนหาย ผู้ป่วยรายหนึ่งถึงขั้นสาหัส เพราะพบความผิดปกติของเลือด หลังถูกจู่โจมจากคลื่นนี้
สื่อมวลชนตั้งชื่อให้กับเหตุการณ์นี้ว่า ฮาวานาซินโดรม (Havana Syndrome) เพราะมันมีจุดเริ่มต้นที่ฮาวานา เมืองหลวงคิวบา อาการปริศนา และคลื่นเสียงที่จู่โจมใส่นี้ได้สร้างความตื่นตกใจให้กับรัฐบาลอเมริกาเป็นอย่างมาก
มันคือการปองร้ายเจ้าหน้าที่อเมริกันหรือไม่ และคลื่นนี้เป็นอาวุธอะไร ใครอยู่เบื้องหลัง
นี่เป็นคำถามมากมายที่หน่วยข่าวกรองอย่างซีไอเอสงสัย รวมถึงกระทรวงต่างประเทศก็ต้องการไขคำตอบ ในเวลาต่อมาฮาวานาซินโดรมไม่ได้จบลงที่คิวบา มันตามมาด้วยการก่อเหตุลักษณะนี้อย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ เป็นจำนวนกว่าพันครั้ง
แต่ถึงทุกวันนี้ มันก็ยังคงเป็นปริศนา และคำถามที่ตั้งไว้ ก็ยังไม่ได้รับคำตอบทั้งหมดแต่อย่างใด
2
เมื่อเกิดฮาวานาซินโดรมขึ้นในคิวบา รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทำการตอบโต้ ทั้งการขับไล่นักการทูตคิวบาที่มาประจำในอเมริกากลับประเทศ มีการตั้งหน่วยงานสอบสวนอิสระเพื่อสอบสวนเรื่องราวดังกล่าว โดยทางคิวบาไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย
ซีไอเอตรวจสอบที่เกิดเหตุ พวกเขางงเป็นไก่ตาแตก เพราะไม่พบหลักฐานใด ๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งอาวุธที่ก่อเหตุ ก็ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
ข้ามจากคิวบาไปจีน เจ้าหน้าที่อเมริการายหนึ่งเผยว่าตัวเองเกิดอาการไมเกรนขึ้น หลังถูกคลื่นบางอย่างโจมตีใส่ เจ้าหน้าที่หลายคนต้องลางานเพราะเจ็บป่วยกับเหตุการณ์ปริศนานี้
อาการป่วยแบบนี้ยังเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศที่ประจำการในจีนหลายคน พวกเขามีปัญหาการนอน ปวดหัว ลูกๆ ตื่นขึ้นมาโดยมีเลือดกำเดาไหล ในตอนแรกหลายคนคิดว่าเกิดจากฝุ่นควันในเมืองจีนที่สภาพอากาศเลวร้าย อย่างไรก็ดีปัญหานี้ไม่น่าจะทำให้ความทรงจำบางส่วนหายไป บางคนมีปัญหาในการจดจำเครื่องใช้ในที่ทำงานอีกด้วย
และไม่ใช่ว่าปรากฎการณ์ฮาวานาซินโดรมจะจบลงที่คิวบา หรือจีนเท่านั้น
แต่ในปีก่อนนี้เอง มีรายงานเจ้าหน้าที่ในสถานทูตโคลัมเบีย ทั้งสายลับ ทหาร นักการทูต ต่างเจอปรากฎการณ์ฮาวานาซินโดรมนี้โจมตีกว่า 200 คนเป็นเวลาเกือบปี จนบางคนได้รับบาดเจ็บ แม้กระทั่งในเวียดนามหรือในอินเดีย และบางประเทศในยุโรป เช่น ออสเตรีย ก็พบรายงานการโจมตีเจ้าหน้าที่อเมริกาด้วยคลื่นปริศนาด้วย
เอาเข้าจริงแล้วปรากฎการณ์ฮาวานาซินโดรม ยังเกิดกับนักการทูตของแคนาดา โดยมีการแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ของพวกเขาก็ได้รับผลกระทบจากคลื่นเสียงเหล่านี้ด้วย
3
ทีแรก พวกเขาคิดว่านี่คือการกระทำของรัสเซีย จนมีการข่มขู่ว่าหากมีหลักฐานพบว่ารัสเซียกระทำต่อเจ้าหน้าที่อเมริกัน มันจะต้องมีผลตามมาอย่างแน่นอน
สำหรับความเชื่อว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังนี้ มีที่มาจากในช่วงสงครามเย็น สหภาพโซเวียตเคยใช้คลื่นไมโครเวฟยิงเข้าใส่สถานทูตอเมริกาในมอสโกมาเป็นปี จนถูกร้องเรียนให้ต้องหยุดกระทำ ตอนนั้นอเมริกาคาดว่าโซเวียตต้องการเจาะเข้าดักฟังในสถานทูต และเจาะดักฟังข่าวสารที่ส่งจากสถานทูต ซึ่งครั้งนั้นไม่มีใครมีปัญหาสุขภาพหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด แต่ก็เป็นหลักฐานอย่างดีว่าเชื้อไฟก่อกวนจากโซเวียตน่าจะพัฒนาส่งต่อความรู้ไปยังรัสเซียได้
ยิ่งยุคสมัยนี้ภายใต้การปกครองของ ‘พระเจ้าซาร์องค์ใหม่’ วลาดิมีร์ ปูติน รัสเซียมีศักยภาพในการทำสงครามที่หลากหลายมากไปกว่าการบุกรบด้วยทหาร ปูตินพัฒนาหน่วยข่าวกรองรัสเซียให้เข้มแข็งมากขึ้น พวกเขาสามารถก่อกวนและสร้างสงครามทางไซเบอร์ ทั้งการบุกแฮกหน่วยงานรัฐ หรือการสร้างข่าวปลอมในโลกออนไลน์ได้เป็นอย่างดี จนสร้างความสับสนกันไปทั่วทั้งโลกมาแล้ว
ที่คาดกันว่าฮาวานาซินโดรมเป็นการกระทำของรัสเซียนั้น เพราะมีคนเสนอว่าปูตินต้องการสั่นคลอนรัฐบาลอเมริกาต่อการผูกมิตรกับคิวบาที่ริเริ่มมาตั้งแต่รัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา เพราะหลังเกิดเหตุการณ์นี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กลับลำทิศทางความสัมพันธ์การทูตกับคิวบาทันที
อย่างไรก็ดี แม้อเมริกาจะสงสัยรัสเซียแบบสุดๆ แต่ก็ไม่มีแม้แต่หลักฐานจะโยงไปถึงรัสเซียได้ ซีไอเอและคณะกรรมการสอบสวนไม่พบด้วยซ้ำว่า อาวุธที่ (คาดว่าจะ) ปล่อยคลื่นไมโครเวฟนี้คืออะไร
ยิ่งขุดค้นพบไปเท่าไหร่ ก็พบแต่ความว่างเปล่าและทางตัน ในที่สุดก็มีคนเสนอว่า เอาเข้าจริงอาการป่วยฮาวานาซินโดรมเหล่านี้ ไม่มีอะไรต้องแปลกใจมากนัก ไม่มีอาวุธคลื่นปริศนาอะไรที่ว่าหรอก
แต่เกิดจากความเครียดของเหล่าเจ้าหน้าที่อเมริกันซึ่งต้องทำงานในต่างแดนมากกว่า
การที่พวกเขาต้องเผชิญทั้งอากาศร้อน การปรับตัว หรือบางทีที่มึนหัวมีอาการแปลก ๆ นั้น ก็เกิดจากการสูดยาฆ่าแมลงเท่านั้น เมื่อผสมกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายในการทำงานต่างแดน จึงทำให้เกิดอาการเหล่านี้ขึ้น
ยิ่งเมื่อตรวจสอบเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอาการป่วยจากทั้งโลก พวกเขาพบว่าไม่ใช่ทุกคนที่ประสบกับการเจอฮาวานาซินโดรม แต่ทั้งหมดเกิดจากอาการทางจิตมากกว่า
แต่งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกาได้ตอบโต้และชี้ว่ามันไม่ใช่ปัญหาทางจิตแน่ เพราะเมื่อตรวจสอบวินิจฉัยจากแพทย์ ต่อเจ้าหน้าที่ข่าวกรองและเจ้าหน้าที่การทูตที่สมองได้รับบาดเจ็บจากฮาวานาซินโดรม พวกเขาพบว่าสาเหตุไม่ได้เกิดจากสภาพภายในร่างกายแน่นอน
แต่มาจากการกระทำจากปัจจัยภายนอก ซึ่งปัจจัยนี้มีความคล้ายคลึงกันมากในหลายกรณี
งานวิจัยนี้ช่วยพิสูจน์ว่า ฮาวานาซินโดรมเป็นเรื่องจริง
4
เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากปรากฎการณ์นี้หลายคน โวยวายต่อรัฐบาลที่ไม่กล้าเผชิญหน้าความจริง ดูเหมือนรัสเซียจะเป็นผู้ต้องสงสัยหลัก การยิงคลื่นเสียงประหลาดนี้ระดมทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งในโรงแรม อพาร์ตเมนท์ ที่พักของเจ้าหน้าที่การทูตและข่าวกรอง ถึงขนาดว่าแม่ของเจ้าหน้าที่ซึ่งมาเยี่ยมลูก ก็ยังถูกคลื่นเสียงยิงใส่ จนมีอาการอ้วกอาเจียน ล้มป่วยมาแล้ว
ในช่วงรัฐบาลทรัมป์นั้น ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับรัสเซีย ผู้นำต่อผู้นำเป็นไปอย่างดีงามมาก ดูเหมือนทรัมป์จะหลงใหลปูติน ที่มีภาพลักษณ์มั่นคง เข้มแข็ง ดุดัน ขวาจัด ซึ่งความสัมพันธ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นข้าราชการอเมริกันจำนวนมาก
ยิ่งการสืบสวนไม่พบว่ารัสเซียเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และดังที่กล่าวไปว่า มีคนโจมตีว่าอาการบาดเจ็บนี้ เป็นเรื่องป่วยทางจิตมากกว่า ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน จึงทำให้เกิดการโวยวายจากผู้ป่วยอย่างหนัก
“พวกเขาค้นไม่เจออะไร ก็เพราะไม่อยากจะให้เจออะไรมากกว่า”
ยิ่งไปกว่าความมืดบอดของปริศนานี้ มันคือการที่เจ้าหน้าที่จำนวนมากมีอาการเจ็บป่วยต่อสุขภาพระยะยาว หลายคนต้องลาออกจากงาน เพราะไม่สามารถทำงานต่อได้อีก เนื่องจากสภาพร่างกายเสียหายจากฮาวานาซินโดรม หลายคนไม่ได้รับเงินชดเชยจากหน่วยงาน เพราะถูกตีความว่าป่วยเอง ไม่ใช่จากการถูกโจมตี และบางคนถูกระบุว่าลาออกเพราะป่วยทางจิต
ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบรวมตัวกันเรียกร้องต่อทางการ เพราะสิ่งที่ทำให้พวกเขายุติเส้นทางรับใช้ประเทศ ไม่ใช่เพราะตัวเขาเอง แต่มาจากการกระทำจากศัตรู ที่ถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ใช้เครื่องมืออะไรเลย
ในที่สุดรัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดนก็ออกกฎหมายเยียวยาจ่ายเงินชดเชยเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับผลกระทบในเรื่องนี้
5
ล่าสุดในเดือนมกราคมที่ผ่าน ทางซีไอเอได้เปิดเผยข้อมูลการสอบสวนภายในที่รวบรวมเหตุการณ์คลื่นปริศนาที่กระทำต่อเจ้าหน้าที่อเมริกันจากทั่วทุกมุมโลก พวกเขาพบว่ามีทั้งหมด 1 พันเหตุการณ์ที่ไม่พบความเกี่ยวข้องจากการกระทำของประเทศอื่น โดยเชื่อว่าอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ เกิดจากบรรยากาศการทำงาน ความเครียดสะสมมากกว่า หาใช่จากอาวุธปริศนาของประเทศอื่นไม่
อย่างไรก็ดี มี 24 เหตุการณ์ที่ซีไอเอไม่อาจหาข้อสรุปได้ว่า การเจ็บป่วยนี้มาจากสาเหตุใดกันแน่ หรือเกิดอะไรขึ้น
แน่นอนว่าผลการสอบสวน สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากฮาวานาซินโดรมอย่างแน่นอน เพราะมันชี้ว่าพวกเขาป่วยไปเอง ไม่ได้ถูกกระทำจากคนอื่น และความไม่พอใจนี้ จึงนำไปสู่การชี้แจงจากซีไอเอว่า มันเป็นเพียงการสอบสวนข้อมูลแล้วได้ผลสรุปเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีเรื่องที่ต้องตรวจสอบอีกเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ทางกระทวงกลาโหมและสำนักงานสอบสวนกลาง เอฟบีไอยังคงตรวจสอบข้อมูลอย่างต่อเนื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และบางเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้นั้น มีปริศนาอะไรซ่อนอยู่หรือไม่
โดยทางอเมริกายังไม่ตัดความเป็นไปได้ว่า คลื่นเสียงเหล่านี้ เกิดจากการกระทำของต่างชาติ หรือเป็นอาวุธที่จ้องโจมตีหวังผลใส่เจ้าหน้าที่อเมริกันเอง
ไม่เพียงหน่วยงานของรัฐเท่านั้นที่ทำการสืบสวนปริศนานี้ แต่ทางผู้ได้รับผลกระทบจากคลื่นเสียง ก็ทำการสืบสวนควบคู่กันไปด้วย เพราะต้องอย่าลืมว่าผู้ป่วยหลายคน เป็นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่างประเทศ เป็นสายลับ ทำงานข่าวกรอง เป็นเจ้าหน้าที่กองทัพ ดังนั้นพวกเขาจึงรวมตัวรวบรวมข้อมูล เพื่อค้นหาว่า สิ่งที่เกิดกับพวกเขานั้น เกิดจากสาเหตุใดกันแน่
ทั้งนี้การสอบสวนของผู้ได้รับผลกระทบชี้ว่า ที่ซีไอเอระบุว่า 24 เหตุการณ์ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ แต่พวกเขาพบว่ามีถึง 200 เหตุการณ์ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ตัวเลขแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
จนถึงขณะนี้ มหาอำนาจอย่างอเมริกายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาวุธชนิดนี้หน้าตาเป็นอย่างไร จึงไม่สามารถฟันธงอะไรได้ ยังไม่นับว่ารัฐบาลทรัมป์มีการกีดกันการสอบสวน โดยไม่ให้เข้าถึงข้อมูลลับบางประเภทด้วย ถึงวันนี้ คนบางส่วนในรัฐบาลอเมริกา ก็เชื่อว่าฮาวานาซินโดรมเป็นเพียงอาการป่วยทางจิตเท่านั้น ไม่มีอาวุธใดๆ และรัสเซียไม่ได้อยู่เบื้องหลังในครั้งนี้
การสืบสวน และการหาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการดูแลผู้บาดเจ็บ นี่ยังคงเป็นการสืบสวนที่ยาวนานเพื่อค้นหาว่าฮาวานาซินโดรมมีจริงหรือไม่ ซึ่งทุกคนก็หวังว่าปริศนานี้จะได้รับการคลี่คลายในสักวัน
หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบและยังคงสืบสวนฮาวานาซินโดรมด้วยตัวเองได้พูดกับนักข่าวอย่างมีความหวังว่า
“เราใช้เวลา 10 ปีในการตามล่าอุซามะห์ บิน ลาดิน ผมจึงอยากให้ทุกคนใจเย็น และติดตามการสืบสวน ทั้งจากข่าวกรองและกระทรวงกลาโหมต่อไป”
อ้างอิง
https://www.nytimes.com/2022/01/20/us/politics/havana-syndrome-cia-report.html
https://www.nytimes.com/2020/10/19/us/politics/diplomat-attacks-havana-syndrome.html
https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/2738552
https://www.nytimes.com/1979/05/30/archives/soviet-halts-microwaves-aimed-at-us-embassy.html
https://www.nytimes.com/2021/12/02/us/politics/havana-syndrome.html
https://www.nytimes.com/2021/08/08/us/politics/havana-syndrome-attacks-mystery.html
https://www.nytimes.com/2017/08/11/world/americas/cuba-united-states-embassy-diplomats-illness.html
https://www.nytimes.com/2021/10/12/us/politics/havana-syndrome-colombia.html
https://apnews.com/article/health-government-and-politics-51ebd4f82664aacc5394c1863cd6a5f2
Tags: Havana Syndrome, ฮาวานาซินโดรม, The Politician in Crime