ในแวดวงของอุตสาหกรรมบล็อกเชน (Blockchain) และคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) มีหนึ่งคำที่กลายมาเป็นวลีฮิตหรือ Buzzword ที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน ก็คือคำว่า ‘เมตาเวิร์ส’ (Metaverse) หรือ ‘โลกเสมือน’ ซึ่งเป็นโลกจำลองที่ถูกสร้างขึ้นผ่านฝีมือมนุษย์ ที่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งโดยเฉพาะเฟซบุ๊ก เชื่อว่าจะกลายมาเป็นเทคโนโลยีที่สร้างแรงกระเพื่อมแก่โลกนี้ได้ ทั้งยังมีเงินจำนวนมหาศาลที่ไหลเข้ามา เช่นเดียวกับการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต (Internet) ในอดีต
ถึงแม้ว่า Cryptonian จะเคยกล่าวถึงนิยามของเมตาเวิร์ส ในแวดวงของบล็อกเชนไปแล้ว (https://themomentum.co/cryptonian-metaverse) แต่สาเหตุที่ทำให้คำว่า ‘เมตาเวิร์ส’ ถูกพูดถึงอย่างมากในแวดวงของบล็อกเชน ก็เพราะว่าการมาถึงของ Game-fi หรือ NFT Game ซึ่งเป็นระบบเกมที่สามารถยืนยันความเป็นเจ้าของ (Proof of Transaction) ของเหล่าไอเทม อุปกรณ์ และเงินในเกม ผ่านการบันทึกข้อมูลลงบล็อกเชนที่ปลอดภัยในระดับที่ว่า แม้แต่ทีมผู้สร้างก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับสินทรัพย์ส่วนตัวของผู้เล่นได้
ในเมื่อเกมเหล่านี้สามารถหาไอเทม NFT ภายในเกมได้ และมีสกุลเงินเป็นของตัวเอง เราจึงสามารถหารายได้จากการเล่นเกม NFT พร้อมเรียกระบบเกมเหล่านี้ว่า Play-to-Earn ที่ผู้เล่นสามารถลงทุนด้วยเงินจริง เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ที่มากขึ้นจากตัวเกม
สิ่งหนึ่งที่กลายมาเป็นปัจจัยหลักที่ผู้สร้างเกมต้องคำนึงถึงก็คือ ระบบเศรษฐกิจภายในเกม หรือ Tokenomic ที่ต้องออกแบบให้สามารถดึงดูเงินจากโลกจริงเข้ามาสู่โลกของเกมที่พวกเขาสร้างขึ้นมาให้ได้
ปัจจุบัน มิติของบล็อกเชนได้ขยายขอบเขตกว้างไกลเกินกว่าที่จะเรียกว่าการลงทุนไปแล้ว เพราะเงินที่จะได้จากการเล่นเกม NFT ยังสามารถนำไปเข้าไปทำธุรกรรมในระบบ DeFi อันเปรียบดั่งธนาคารไร้ตัวกลาง เพื่อเพิ่มพูนมูลค่าของคริปโตเคอร์เรนซีที่ได้มาให้มากขึ้นไปอีก
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า การมาถึงของเมตาเวิร์สนั้นจะสร้างผลกระทบในวงกว้างได้ในระดับเดียวกับการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต ถึงขั้นที่บริษัทผู้ที่เป็นเจ้าของกระดานแลกเปลี่ยนอันดับหนึ่งของโลกอย่าง ไบแนนซ์ (Binance) ลงทุนเงินจำนวน 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อรวบรวมนักพัฒนาเกมชื่อดังทั่วโลก จากสตูดิโอเกมอย่าง Epic Games, Riot Games หรือแม้กระทั่ง Blizzard Studio เพื่อสร้างโลกเมตาเวิร์สของตัวเองในเกม NFT ที่ชื่อว่า ‘Big Time’ มันเป็นเกมที่เปรียบเสมือนโลกอีกใบให้ผู้เล่นได้เข้าไปสำรวจและสร้างตัวตนในโลกที่ไบแนนซ์สร้างขึ้น
สาเหตุหลักที่ผู้คนหันมาเล่นเกม NFT นั้น ส่วนใหญ่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างรายได้จากการเล่นเกม หากลองคำนวณว่า ในปัจจุบันเงินที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดเกมเพื่อความบันเทิงนั้นมีมูลค่าสูงถึง 152 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลองจินตนาการว่าหากเรามีเกมที่สามารถสร้างทั้งรายได้และความบันเทิง เงินจะหลั่งไหลเข้ามาได้มากขนาดไหน
นอกเหนือไปจากเกมที่เล่นเพื่อความเพลิดเพลินและสร้างรายได้แล้ว ก็ยังมีการขายที่ดินในโลกเสมือนอย่าง Sandbox หรือ Decentraland เพื่อให้เหล่าผู้เล่นได้ครอบครองเป็นเจ้าของสินทรัพย์ในโลกดิจิทัลอย่างแท้จริง โจทย์ต่อไปของการสร้างโลกเมตาเวิร์สคงจะเป็นการที่จะทำอย่างไรให้สามารถรวมโลกของแต่ละเกมเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งจะทำอย่างไรให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์ของเมตาเวิร์สได้มากกว่านี้ และเมื่อนั้น เมตาเวิร์สจะไม่ต่างอะไรไปจากอินเทอร์เน็ตที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้แน่นอน
ที่มา
https://cointelegraph.com/…/the-metaverse-play-to-earn…
https://www.binance.com/…/1ebc83192ada4a2b90ce1a67044be60f
Tags: Metaverse, NFT101, Sandbox, Decentraland, Bigtime, Cryptonian