การข้ามถนนนอกทางม้าลาย (Jaywalking) อาจเป็นเรื่องพบเห็นได้เป็นปกติ ทว่าในความเป็นจริง การกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย โดยเฉพาะประเทศที่มีการกฎหมายบังคับใช้อย่างเข้มงวด หากเดินข้ามถนนนอกทางม้าลายอาจถูกตำรวจเรียกให้จ่ายค่าปรับหรือถึงขั้นถูกจำคุกได้เลย 

ในสหรัฐอเมริกา การข้ามถนนนอกทางม้าลายเป็นมากกว่าอันตรายที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนน แต่กลายมาเป็นเหตุผลที่เอื้อให้ตำรวจเลือกปฏิบัติต่อคนดำอย่างกว้างขวาง จากการตรวจสอบของกรมตำรวจนิวยอร์กในปี 2019 พบว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของใบสั่งข้อหาข้ามถนนผิดกฎหมายหรือข้ามถนนอย่างไม่ปลอดภัย ถูกออกให้คนผิวดำและละตินอเมริกา ขณะที่เมืองแจ็กสันวิลล์ รัฐฟลอริดา ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ใบสั่งทั้งหมดที่เกี่ยวกับทางเท้าถูกออกให้คนดำกว่า 78 เปอร์เซนต์ แม้เมืองแห่งนี้จะมีสัดส่วนของคนดำเพียง 29 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเดินข้ามถนนผิดกฎหมายมักถูกเจ้าหน้าตำรวจใช้เป็นข้ออ้างในการหยุดคนที่ดูน่าสงสัย ซึ่งบางครั้งการเผชิญหน้ากันอาจบานปลายไปสู่การใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุของตำรวจได้ 

ตลอดทั้งปี 2021 หลายรัฐจึงประกาศยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ไม่ว่าจะรัฐเวอร์จิเนียที่ตั้งแต่เดือนมีนาคม ตำรวจไม่สามารถเรียกคนเดินข้ามถนนนอกทางม้าลายให้หยุดได้อีกต่อไป หรือเดือนพฤษภาคม เมืองแคนซัส มลรัฐมิสซูรี ก็ยกเลิกกฎหมายตามมาติดๆ เช่นเดียวกับรัฐเนวาดา รวมไปถึงรัฐเท็กซัส ที่เกิดกรณีชายผิวดำวัย 18 ปี ถูกจับกุมและจำคุกข้ามคืน เพียงเพราะเขาเดินอยู่บนถนนระหว่างพยายามกลับบ้านหลังเลิกงานท่ามกลางพายุหิมะ

ล่าสุด วุฒิสภาแคลิฟอร์เนีย รัฐที่มีประชากรมากที่สุดในสหรัฐฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนเสนอร่างกฎหมายยกเว้นความผิดสำหรับการข้ามถนนนอกทางม้าลายด้วย เพราะจากข้อมูลของ California Racial and Identity Profiling Act (RIPA) บ่งชี้ว่า คนดำในแคลิฟอร์เนียมีแนวโน้มที่จะถูกเรียกให้หยุดด้วยข้อหาข้างต้น มากกว่าคนขาวถึง 5 เท่า และ ในเดือนกันยายน 2020 ชายไร้บ้านคนหนึ่งถูกยิงเสียชีวิตระหว่างถูกตำรวจเรียกให้หยุดขณะเดินอยู่บนถนน 

เมื่อกฎหมายนี้ถูกยกเลิก หลายคนอดคิดไม่ได้ว่าถนนอาจไม่ปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม แต่ข้อมูลจากกรมขนส่งทางบก รัฐเวอร์จิเนีย แสดงให้เห็นว่า ช่วง 6 เดือนแรกนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย อัตราการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของคนเดินเท้าทั่วทั้งรัฐไม่ต่างไปจากเดิม และเป็นไปได้ว่าส่วนใหญ่ผู้อาศัยในรัฐเวอร์จิเนียไม่รู้ว่ากฎหมายมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว 

ที่สำคัญกว่านั้น การผลักภาระให้ความปลอดภัยบนท้องถนนขึ้นอยู่กับคนเดินเท้าเป็นหลัก ไม่สามารถใช้ได้ผลกับคนทุกกลุ่มในสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มคนเปราะบางอย่างผู้พิการ ผู้สูงอายุ และเด็ก 

นีล อาราสัน (Neil Arason) ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางจราจรของแคนาดาเขียนไว้ในหนังสือ No Accident ว่า สมองของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีปัญหาในการประมาณเวลาและความเร็วของรถได้ไม่แม่นยำนัก ดังนั้นการกำหนดว่า ‘ความปลอดภัย = ความรับผิดชอบส่วนบุคคล’ จึงไม่ได้ช่วยให้เด็กปลอดภัย ทั้งยังก่อให้เกิดการตีตรากล่าวโทษเด็กและครอบครัว 

การยกเลิกกฎหมายเหล่านี้จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อวิธีคิดเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย ความรับผิดชอบ อำนาจ และสิทธิความเป็นเจ้าของพื้นที่สาธารณะ เนื่องจากยังมีวิธีอื่นอีกมากมายในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน

รัฐอาจเริ่มลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานให้ดีขึ้น กำหนดการใช้ถนนให้ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้งานของผู้คนจริงๆ ไปจนถึงบังคับผู้ผลิตรถยนต์ให้ติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และระบบตรวจจับคนข้ามถนนที่มีศักยภาพช่วยชีวิตผู้คนได้หลายร้อยหรือหลายพันคนต่อปี มากกว่าผลักความรับผิดชอบให้คนเดินเท้าแต่เพียงผู้เดียว

ที่มา: 

https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-09-22/why-california-needs-to-decriminalize-jaywalking

https://www.planetizen.com/news/2021/09/114769-california-set-decriminalize-jaywalking

Tags: , , ,