หลังจากมีข่าวตั้งแต่เดือน มิ.ย. ว่า After You ได้ยื่นไฟลิงขายหุ้น IPO ครั้งแรก 240 ล้านหุ้น ล่าสุด แม่ทัพ ต.สุวรรณ กรรมการ บจก. อาฟเตอร์ ยู เปิดเผยว่า บริษัทจะเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) วันที่ 23 ธ.ค. นี้ โดยคาดว่าจะทราบราคาขายวันที่ 13 ธ.ค. 59
และเตรียมเปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ จำนวนไม่เกิน 165 ล้านหุ้น (22.8% ของหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน) ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เตรียมขายหุ้นเดิม หรือ ‘บิ๊กล็อต’ จำนวน 52.5 ล้านหุ้นในการซื้อขายวันแรก
อิสสระ หวั่งหลี หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บล.บัวหลวง และที่ปรึกษาทางการเงินของ After You ระบุว่า บิ๊กล็อตที่เปิดขายให้กับนักลงทุนสถาบันนั้น คิดเป็น 7% ของหุ้นทั้งหมด ส่วนเหตุผลหลักของการขายครั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นในกระดานเดิม
อย่างไรก็ตาม จำนวนหุ้นดังกล่าวไม่รวมกับการเสนอขายหุ้น IPO สำหรับประชาชนทั่วไป เพราะมองว่าจะทำให้บริษัทได้รับเงินทุนเกินจำเป็น และจะกำหนดการกระจายหุ้นให้กับธีรพงษ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ กรรมการ บจม. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU เพื่อตอบแทนที่เคยสนับสนุนด้านเงินทุนกับบริษัทในช่วงตั้งต้นของธุรกิจ
เปิดแผนการขายหุ้นครั้งแรก After You กำลังจะทำอะไร?
ก่อนหน้านี้ The Momentum ได้พูดคุยกับ เมย์-กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ เจ้าของธุรกิจ เกี่ยวกับการเข้าตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ว่าจะส่งผลต่อการขยายตลาดและชี้ชะตาอนาคตของแบรนด์อย่างไรบ้าง
เมย์บอกกับเราว่าการเข้าตลาดหุ้นนับเป็นจังหวะที่ลงตัวกับการเติบโตของ After You ในวันนี้
“โดยหลักๆ เป็นความต้องการของคุณพ่อ เขาบอกว่าควรจะเข้าตอนที่ธุรกิจค่อยๆ โต ไม่ใช่เข้าตอนที่อิ่มตัวแล้ว ซึ่งธุรกิจส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้น
“มันเป็นอีกสเต็ปหนึ่งที่เราคิดว่าถึงเวลาแล้ว จากที่ไม่คิดจะขยายเลย เราก็พยายามเปิดร้านให้เยอะที่สุด ไม่อยากให้ลูกค้าต้องรอคิวนานหรือกระจุกตัวกันอยู่ที่เดียว
“จริงๆ มีคนมาขอหุ้นเยอะมากตั้งแต่วันแรกที่เปิด แซวว่าให้เอาเข้าตลาดเลย เขาอยากจะเป็นเจ้าของด้วย แต่เรารอให้ธุรกิจค่อยๆ โตไปด้วยกัน”
ความท้าทายใหม่ของ After You ในวันที่ธุรกิจเป็นมากกว่าร้านขนมคาเฟ่ยอดนิยม
ทางเว็บไซต์ Money Channel รายงานว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นครั้งนี้ไปปรับปรุงโรงงานใหม่ ชำระหนี้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน นอกจากนี้ ยังวางแผนการดำเนินงานในอนาคต เช่น การเปิดร้านขนาดเล็กเพื่อขายขนมแบบ Take Away ตามสถานที่ต่างๆ อาทิ มหาวิทยาลัย สำนักงาน และโรงพยาบาล เป็นต้น
นอกจากนี้ เอกสารแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ยังระบุว่า After You มีแผนจะสร้างสำนักงานแห่งใหม่ สถานที่ฝึกอบรมพนักงาน และศูนย์กระจายสินค้า เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท ด้วยงบประมาณก่อสร้าง 60-70 ล้านบาท โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. 2560
After You ยังตั้งเป้าว่าในปี 2561 จะขยายสาขาเพิ่มเป็น 30 สาขา จาก 20 สาขาในปัจจุบัน ด้าน แม่ทัพ ต.สุวรรณ มองว่าจะขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดและต่างประเทศ ซึ่งมีศักยภาพที่จะเติบโตในระยะยาว
ด้านเมย์ มองว่าการขยายสาขาเพิ่มขึ้น จะช่วยแก้ปัญหาการต่อคิวรอในแต่ละสาขา พร้อมลงทุนเร่งพัฒนาระบบการบริหารจัดการร้านค้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“สาขาที่กรุงเทพฯ ยังถือว่าน้อยมาก และเราตั้งใจจะไปต่างจังหวัดปีหน้าอยู่แล้ว เรื่องไปเปิดในเมืองนอก เราเคยคุยกับพาร์ตเนอร์ตั้งแต่ 2-3 เดือนแรกที่เปิด แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะดีลกับใคร เพราะเรายังไม่ได้ไป
“ทุนไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือการจัดการระบบให้นิ่งมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้” เธอกล่าว
ถึงแผนดำเนินการครั้งนี้จะเป็นการปรับสเกลครั้งใหญ่ แต่ After You ก็ยังคงให้ความสำคัญกับการคิดค้นเมนูขนมใหม่ๆ ออกมาเอาใจลูกค้าเช่นเคย โดยตั้งเป้าว่าจะทำผลิตภัณฑ์ใหม่ปีละ 6-8 เมนู และจะออกเมนูใหม่ 1 เมนูทุกเดือน
วิเคราะห์โครงสร้างธุรกิจ After You ก่อนเข้าตลาดหุ้น
กลับมาที่เรื่องการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 165 ล้านหุ้น ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 23 ธ.ค. นี้ (คาดว่าจะตกราคาพาร์หุ้นละ 10 สตางค์) เราเชื่อว่าคนที่ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด ยังสงสัยว่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มหรือไม่
อันที่จริง After You ไม่ได้เป็นแค่ธุรกิจร้านคาเฟ่ขนมหวานที่เปิดให้บริการ 20 สาขาเท่านั้น แต่เป็นธุรกิจขนมหวานและเบเกอรีครบวงจร ภายใต้แบรนด์ After You และ Maygori โดยมีบริษัทย่อยคือ ออรั่ม แอนด์ ออรั่ม ดำเนินธุรกิจซื้อขาย-นำเข้าวัตถุดิบและอุปกรณ์ด้านการผลิตด้วย
หากพิจารณาในเชิงโครงสร้างทางธุรกิจแล้ว โครงสร้างหลักของบริษัทแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ธุรกิจร้านขนมหวาน และธุรกิจบริการจัดงานนอกสถานที่และรับจ้างผลิตให้แก่ร้านอาหารและงานเลี้ยง
จากเอกสารแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ยังระบุว่า After You มีแผนจะสร้างสำนักงานแห่งใหม่ สถานที่ฝึกอบรมพนักงาน และศูนย์กระจายสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันและรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท โดยมีงบประมาณก่อสร้าง 60-70 ล้านบาท และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. 2560
หากพิจารณาผลดำเนินงานย้อนหลังของ After You นั้น จะพบว่า After You มีกำไรสุทธิตลอด ตั้งแต่ปี 2556
ปี 2556 มีรายได้รวม 189 ล้านบาทมีกำไรสุทธิ 5.6 ล้านบาท
ปี 2557 มีรายได้รวม 311.6 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 45.8 ล้านบาท
ปี 2558 มีรายได้รวม 415 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 57.5 ล้านบาท
งวด 9 เดือนแรกของปีนี้ (2559) มีรายได้รวม 441 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 75 ล้านบาท
ส่วนเรื่องคุ้มค่าหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาผลตอบแทนในระยะสั้นและระยะยาว
แล้วทิศทางธุรกิจ After You หลังเข้าตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร คุ้มค่ากับการลงทุนไหม? The Momentum จะมาวิเคราะห์ต่อในบทความหน้า
ขอบคุณข้อมูลจาก: Money Channel
ภาพประกอบ: Karin Foxx
อ้างอิง:
– ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย