‘ถ้าคุณมัวแต่ดูเกมฟุตบอล คุณจะไม่เห็นเซร์คิโอ บุสเก็ตส์ แต่ถ้าคุณดูเซร์คิโอ บุสเก็ตส์ คุณจะเห็นทั้งรูปแบบการเล่นของเกมฟุตบอล’

หากใครเป็นแฟนคลับของเจ้าบุญทุ่ม ‘บาร์เซโลนา’ ยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกาสเปนมาตลอดกว่า 10 ปี คงจะเคยได้ยินคำชมดังกล่าวของ บิเซนเต เดล โบสเก (Vicente del Bosque) อดีตผู้จัดการทีมชาติสเปนที่กล่าวชื่นชมของกองกลางร่างโย่งผู้ปิดทองหลังพระผู้นี้เป็นแน่ 

ทำไมหากเราดูแค่เกมถึงจะไม่เห็นเขา ทำไมหากดูเพียงแค่เขา เราถึงจะเห็นทั้งเกม Game On สัปดาห์นี้ขอพาทุกท่านไปล้วงลึกถึงเทคนิคและศิลปะการเล่นฟุตบอลในรูปแบบของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (Sergio Busquets) ที่จะทำให้คุณได้เห็นถึงมุมมองการเล่นฟุตบอลด้วยสมองอันเฉลียวฉลาด จนทำให้เขากลายเป็นกองกลางเบอร์ต้นๆ ที่ยังคงโลดแล่นจนถึงปัจจุบัน          

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ เติบโตมาในฐานะเด็กลูกหม้อของบาร์เซโลนา ก่อนจะถูกเปป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีมในขณะนั้น ผลักดันให้เขาลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 19 ปี โดยบุสเก็ตส์ถูกวางเป็นตัวตายตัวแทนของ ยาย่า ตูเร (Yaya Touré) กองกลางผู้คอยปัดกวาดช่วยกองหลัง และลำเลียงบอลให้กับเหล่ากองหน้ามหาประลัยในยุคนั้นได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง 

สิ่งเหล่านั้นทำให้เขาถูกตั้งคำถามอย่างหนักในช่วงแรกของการค้าแข้งว่า เจ้าเด็กคนนี้มีอะไรดีถึงจะมาทดแทนรุ่นพี่อย่างยาย่าได้  เพราะด้วยร่างกายที่สูงโย่งถึง 189 เมตร แต่มีน้ำหนักแค่ 70 กว่ากิโลกรัม จึงเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะมาเติมเต็มทีมบาร์เซโลนาในตำแหน่งกองกลางตัวรับ ที่ต้องคอยปะทะกับแนวรุกทีมตรงข้าม และลำเลียงบอลให้กับบาร์เซโลนา ทีมที่ขึ้นชื่อว่ามีความเคี่ยวในการรับ-ส่งบอลมากที่สุดแห่งหนึ่งในวงการฟุตบอล 

“บุสเก็ตส์เล่นฟุตบอลด้วยหัว ขาของเขาเป็นแค่เพียงตัวช่วย” โยฮัน ครัฟฟ์ (Johan Cruyff) อดีตกุนซือทีมเจ้าบุญทุ่มพูดถึงผลงานของบุสเก็ตส์ที่ทำได้อย่างดีเยี่ยม จนสามารถยึดตัวจริงจากยาย่าได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 ฤดูกาลเท่านั้น และยังคงเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน ในวันที่เขาอายุ 32 ปี วันที่คำครหาดังกล่าวได้ถูกตอบกลับด้วยฝีเท้าอันยอดเยี่ยม การันตีด้วยการกวาดแชมป์ร่วมกับบาร์เซโลนามากมาย ทั้งแชมป์ลาลีกา 8 สมัย แชม์ฟุตบอลถ้วยโกปาเดลเรย์ 6 สมัย และแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอีก 3 สมัย

ภายใต้ฝีเท้าอันยอดเยี่ยมของเซร์คิโอ บุสเก็ตส์ เขาแสดงให้เห็นถึงทักษะอันโดดเด่นอยู่ 3 อย่างด้วยกัน 

 

รับ-ส่งบอล ทักษะของพระเจ้าที่ใช้ในการเล่นฟุตบอล

“เทคนิคเดียวที่ผมจำเป็นต้องมีในการเล่นคือความฟิตในการวิ่งเท่านั้น”

บุสเก็ตส์เคยออกมาเปิดเผยถึงเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้การเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองกลางของเขายอดเยี่ยมอยู่เสมอ เพราะเมื่อพิจารณาจากแผนการเล่นของทีมบาร์เซโลนา โดยเฉพาะในยุคของ เปป กวาร์ดิโอลา รูปแบบการเล่นที่โดดเด่นและมักเห็นในแทบทุกการแข่งขันคือการเล่นแบบติกิ-ตากา (Tiki-taka) หรือการต่อบอลแบบ Box to Box เพื่อให้ลูกฟุตบอลเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา 

หน้าที่ของกองกลางในตำแหน่งนี้คือ การจำลองว่าตัวเองกำลังเล่น ‘ลิงชิงบอล’ ในขนาดเท่าสนามฟุตบอล เพื่อรอให้ลูกบอลเคลื่อนไปอยู่ในจุดที่สามารถส่งขึ้นไปข้างหน้าต่อได้ ดังนั้นสิ่งที่บุสเก็ตส์จำเป็นต้องทำในการเป็นกองกลางคือการวิ่งรับ-ส่งบอลกับเพื่อนร่วมทีม ก่อนที่จะหาจังหวะและช่องว่าง เพื่อส่งบอลขึ้นไปให้กับกองหน้าในการทำประตู 

ด้วยแผนดังกล่าว ทำให้บุสเก็ตส์กลายเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางที่มีทักษะในการแก้ไขจังหวะบอลที่กำลังเสียเปรียบ เขาไม่ใช่นักเตะที่เก็บลูกบอลเอาไว้กับตัว แต่จะพยายามเล่นให้ง่ายมากที่สุด คอยเร่งหรือดึงจังหวะเกมรอเพื่อนเข้าประจำตำแหน่ง และหน้าที่สุดท้ายคือส่งบอลไปข้างหน้า โดยอาจจะเป็นการจ่ายทะลุช่อง (Killer Pass) หรือส่งให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นต่อ ซึ่งอัตราการผ่านบอลสำเร็จโดยเฉลี่ยสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นสถิติที่น้อยคนนักที่จะเทียบเคียงได้

แต่ที่สุดยอดไปกว่านั้นคือ ในบางครั้งเขาสามารถทำทั้งหมดนี้ได้ภายในการแตะบอลครั้งเดียวเท่านั้น 

 

รุกดี รับต้องดีกว่า

หากพูดกันตามตรง สโมสรบาร์เซโลนามีสไตล์ที่ถนัดเล่นเกมรุก และมักมีแผนให้ผู้เล่นในตำแหน่ง วิงแบ็ก (Wing Back) เติมเกมขึ้นไปด้านบนจนสุดริมเส้น ดังนั้นเวลาทีมโดนสวนกลับจึงเป็นงานหนักของกองหลัง รวมไปถึงกองกลางตัวรับอย่างบุสเก็ตส์ในการหามีวิธีหยุดหรือทำลายเกมรุกของคู่แข่ง

แน่นอนว่าด้วยสัดส่วนและรูปร่างของเขา การเข้าปะทะคงไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมเท่าไรนัก หลายครั้งเราจึงเห็นบุสเก็ตส์มักจะเข้าสกัดบอลในจังหวะที่มั่นใจจริงๆ ว่าจะได้รับลูกบอลคืนมา โดยหลีกเลี่ยงการปะทะมากที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นการอ่านจังหวะของเกมรุก อ่านสายตาของคู่แข่ง ประเมินความเสี่ยงของการเข้าสกัดแต่ละครั้ง 

จึงเป็นเหตุผลให้บุสเก็ตส์มีอัตราการเข้าสกัดที่ต่ำมากเพียงแค่ 65 เปอร์เซ็นต์ และมีการทำฟาวล์ในแต่ละฤดูกาลไม่เกิน 30 ครั้งเท่านั้น

“รู้ไหม ฟุตบอลในแบบฉบับของผม ทุกครั้งที่คุณเข้าสกัดแปลว่าคุณเพิ่งทำพลาดไปตรงไหนสักจุดก่อนหน้านี้ ดูบุสเก็ตส์เป็นตัวอย่างสิ เจ้าหนูคนนี้เข้าสกัดแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้นต่อเกม บางเกมผมก็ไม่เห็นเขาเข้าสกัดคู่แข่งแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็สามารถแย่งบอลกลับมาได้ เพราะอะไรเหรอ ก็เพราะการอยู่ให้มันถูกที่แล้วก็ถูกเวลาน่ะสิ จังหวะเวลาคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เร็วหรือช้าเกินไป ทุกอย่างจบทันที”  โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานฟุตบอลชาวดัตช์กล่าวถึงการแย่งบอลของบุสเก็ตส์

 

รู้ว่าการเป็นกองกลางที่ดีต้องทำอย่างไร 

หน้าที่ของกองกลางตัวรับคือการตัดเกมรุกของฝั่งตรงข้าม แต่สำหรับบาร์เซโลนา ตำแหน่งดังกล่าวถูกคาดหวังไว้มากกว่านั้น 

ตำแหน่งกองกลางของบาร์ซาต้องการรูปแบบการเล่นที่เอื้อกับเกมรุกมาเป็นพิเศษ อย่างที่กล่าวไปว่าแผนติกิ-ตากาต้องการการเคลื่อนที่ของบอล และผู้เล่นเพื่อสร้างโอกาส และจังหวะในการทำประตูมากยิ่งขึ้น ในเกมรุก บุสเก็ตส์ในฐานะกองกลางตัวรับจึงต้องมาร่วมเล่นลิงชิงบอลกับชาบี เอร์นันเดซ (Xavi Hernandez) และอันเดรส อินิเอสตา (Andrés Iniesta) 2 ห้องเครื่องแดนรุกด้วยเช่นกัน 

หากเทียบตามสถิติแล้ว อัตราการจ่ายบอลสู่แดนหน้าของบุสเก็ตส์น้อยกว่าเอ็นโกโล่ ก็องเต้ (N’Golo Kanté) กองกลางร่างเล็กจากสโมรเชลซีด้วยซ้ำ ฟังดูอาจเป็นเรื่องที่แย่ แต่เมื่อเทียบกับรูปแบบการเล่นของทีมบาร์เซโลนาแล้ว บุสเกสต์ทำหน้าที่ตามตำแหน่งได้เป็นอย่างดี เพราะต้องอย่าลืมว่าอัตราการส่งบอลและการส่งบอลสำเร็จของเขานั้นยังสูงอยู่ เพียงแต่เขาไม่ได้ส่งไปข้างหน้าเท่านั้น บุสเก็ตส์ยังมีลูกเล่นในการส่งกลับหลัง หรือส่งเพื่อนกองกลางคนอื่นๆ ช่วยสร้างรูปแบบของเกมรุกให้มีความหลากหลาย ทั้งส่งบอลสั้น เล่นบอลยาว ช่วยให้แดนกลางและเกมรุกของบาร์เซโลนาวูบวาบขึ้นมาถนัดตา 

สถิติที่หลายคนมักหยิบขึ้นมาโจมตีบุสเก็ตส์ว่าลงเล่นไปกว่า 640 นัด แต่ยิงได้แค่ 17 ประตู จึงไม่ใช่สิ่งที่ควรหยิบยกขึ้นมาในการพิสูจน์ถึงความเก่งกาจในตำแหน่งกองกลางแม้แต่น้อย สถิติดังกล่าวควรถูกนำไปอ้างอิงกับนักฟุตบอลในตำแหน่งกองหน้ามากกว่า   

หากพูดกันในฐานะกองกลาง บุสเกสต์มีสถิติในการผ่านบอลและเข้าสกัดได้อย่างยอดเยี่ยม และยังยอดเยี่ยมได้มากขึ้นไปอีกในฐานะกองกลางของบาร์เซโลนาที่เล่นตามแผนติกิ-ตากาได้ไม่ขาดตกบกพร่อง 

“จำคำผมเอาไว้เลยนะ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์จะก้าวขึ้นเป็นกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลก เขาคือผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในเชิงเทคนิค และเขาจะมีความสำคัญกับบาร์เซโลนามากขึ้นไปอีก ในอนาคตเขาจะเดินตามรอย การ์เลส ปูยอล (Carles Puyol) และ ชาบี เอร์นันเดซ (Xavi Hernandez) รู้อะไรไหม ถ้าผมสามารถกลับไปค้าแข้งได้อีกครั้ง ผมอยากจะเล่นให้ได้เหมือนเขา” คำอธิบายจาก เปป กวาร์ดิโอลา ถึงเหตุผลที่เขาได้ยกตำแหน่งกองกลางตัวรับให้กับเด็กอายุ 19 ในวันนั้น 

ปัจจุบันบุสเกต์ยังคงค้าแข้งกับบาร์เซโลนาอย่างต่อเนื่องด้วยผลงานที่สม่ำเสมอ แม้อายุอานามจะไม่น้อยแล้ว แต่ก็น่าจับตาดูว่าในอนาคตเขาจะสร้างความสำเร็จร่วมกับบาร์เซโลน่าและในฐานะกองกลางเพิ่มเติมได้มากน้อยขนาดไหน จนกว่าวันที่การแขวนสตั๊ดมาถึง

Tags: , , ,