เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ปาร์กกึนเฮ (Park Geun-hye) ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ประกาศผ่านโทรทัศน์ว่า เธอยินดีจะลาออกจากตำแหน่ง และได้บอกให้รัฐสภาเป็นผู้ตัดสินใจว่าเธอควรจะลงจากตำแหน่งเมื่อไหร่ และอย่างไร หลังจากประชาชนชาวเกาหลีใต้ได้ชุมนุมประท้วงให้เธอลาออกจากตำแหน่งอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2016 ในกรณีที่เธอปล่อยให้ ชเวซุนซิล (Choi Soon-sil) เพื่อนสนิทเข้ามาแทรกแซงกิจการของรัฐ และก่อทุจริตคอร์รัปชัน
อย่างไรก็ตาม พรรคฝ่ายค้านยืนยันว่า จะเดินหน้ายื่นร่างญัตติลงโทษประธานาธิบดีต่อรัฐสภา เพื่อให้มีการลงคะแนนเสียง ซึ่งญัตติลงโทษจะผ่านก็ต่อเมื่อได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภานิติบัญญัติ 200 เสียง
พรรคฝ่ายค้านยังคงเดินหน้าเอาผิดประธานาธิบดีเกาหลีใต้
ด้านพรรคฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ยืนยันจะเดินหน้าเอาผิดประธานาธิบดีปาร์กกึนเฮ ด้วยการยื่นร่างญัตติลงโทษที่พรรคฝ่ายค้านร่วมร่างต่อรัฐสภา แม้เธอจะประกาศว่ายินดีลาออกจากตำแหน่ง
ปาร์กจีวอน (Park Jie-won) ผู้นำพรรค People’s Party ระบุว่า พรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติต่อรัฐสภาภายในวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า จะเปิดให้ลงคะแนนเสียงเมื่อไหร่
พรรคฝ่ายค้านจำเป็นต้องได้คะแนนเสียงจากพรรคแซนูรี (Saenuri) พรรคของประธานาธิบดีปาร์กกึนเฮอย่างน้อย 28 เสียง เพื่อให้มีคะแนนเสียง 200 เสียง จากทั้งหมด 300 เสียง หรือ 2 ใน 3 ของสภานิติบัญญัติ ญัตติลงโทษประธานาธิบดีจึงจะผ่านและมีผลบังคับใช้
ก่อนหน้านี้บรรดาพรรคฝ่ายค้านได้ร่างญัตติเพื่อเอาผิดประธานาธิบดีปาร์กกึนเฮ ในข้อหาไม่เคารพรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ด้วยการปล่อยให้นางชเวซุนซิลเข้ามามีบทบาทในกิจการของรัฐ ซึ่งขัดต่อหลักการประชาธิปไตยของประเทศ
นอกจากนี้ยังล้มเหลวในการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการบังคับให้กลุ่มธุรกิจบริจาคให้กับกองทุนของคนที่สนิทกับเธอ อย่างกองทุน Mir และ K-Sports ซึ่งนับว่าเป็นการติดสินบน และยังปล่อยให้ชเวซุนซิลเข้ามาแก้ไขบทสุนทรพจน์ ซึ่งนับว่าเป็นการเปิดเผยข้อมูลลับของประเทศแก่คนอื่น
พรรคฝ่ายค้าน Democratic Party เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีปาร์กกึนเฮจะมีโทษจำคุก หากญัตติลงโทษนี้ผ่านสภา “ประธานาธิบดีอาจจะโดนจำคุก 45 ปี หากศาลตัดสินจำคุกเธอ หรืออย่างน้อยเธอน่าจะโดนจำคุก 10 ปี” ยุนโฮจอง (Yun Ho-jung) สมาชิคพรรค Democratic Pary ให้สัมภาษณ์กับ Yonhab News
ปาร์กกึนเฮประกาศยินดีให้รัฐสภาตัดสินอนาคตทางการเมืองของเธอ
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปาร์กกึนเฮประกาศผ่านโทรทัศน์ว่าเธอยินดีจะลาออกจากตำแหน่ง และได้ถามรัฐสภาว่าเธอจะสามารถลงจากตำแหน่งได้เมื่อไหร่และอย่างไร
“ฉันจะปล่อยให้รัฐสภาเป็นผู้ตัดสินอนาคตทางการเมืองของฉัน รวมถึงการลดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของฉันด้วย” ประธานาธิบดีประกาศผ่านโทรทัศน์
การตัดสินใจของปาร์กกึนเฮนั้นทำให้เกิดความขัดแย้งภายในสภา เพราะหากเธอลาออก และศาลรัฐธรรมนูญอนุมัติบทลงโทษ จะทำให้สภาต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน เพื่อหาตัวแทนลงสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีให้ดำรงตำแหน่งให้ครบ 5 ปี โดยระหว่างนี้ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำประเทศไปก่อนเป็นการชั่วคราว
และช่วงเวลาระหว่างการหาประธานาธิบดีคนใหม่นั้น นักวิเคราะห์มองว่า พรรครัฐบาลอาจซื้อเวลาเพื่อให้พรรคยังอยู่ในอำนาจ เพราะกว่าที่รัฐสภาจะเสนอวิธีการให้ประธานาธิบดีลาออกได้อย่างไรนั้น อาจต้องใช้เวลาหลายเดือน
ขณะที่พรรคฝ่ายค้านมองว่า ประธานาธิบดีปาร์กกึนเฮประกาศลงจากตำแหน่ง เพราะต้องการหลีกเลี่ยงการรับโทษ และผลักให้รัฐสภาทำหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการลาออกของเธอ “เธอถามรัฐสภาให้เลือกวันที่เธอควรจะลาออก ซึ่งเธอรู้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้ทุกอย่างช้าออกไป ทั้งๆ ที่เธอสามารถลาออกได้เลย” ปาร์กควังอน (Park Kwang-on) สมาชิกพรรค Democratic Party ให้สัมภาษณ์กับ Reuters
แรงกดดันจากประชาชนเกาหลีใต้กว่าล้านคน
ประชาชนเกาหลีใต้ออกมาประท้วงให้ประธานาธิบดีปาร์กกึนเฮลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่เดือนตุลาคม 2016 แม้เธอจะออกมาขอโทษต่อสาธารณชนแล้วก็ตาม ในกรณีที่เธอปล่อยให้นางชเวซุนซิล เพื่อนสนิทเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของรัฐ ตั้งแต่การเลือกคนมาดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐบาล จนถึงการแก้ไขบทสุนทรพจน์ทั้งบนเวทีในประเทศและต่างชาติ ซึ่งรวมไปถึงบทสุนทรพจน์ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ยังบังคับให้บริษัทรายใหญ่ของประเทศบริจาคเงินเข้ากองทุนที่เธอตั้งขึ้น ซึ่งเรื่องอื้อฉาวดังกล่าวทำให้คนเกาหลีใต้มองว่า ประธานาธิบดีปาร์กกึนเฮเป็นหุ่นเชิดให้เพื่อนสนิทของเธอเอง
ประธานาธิบดียอมรับว่าชเวซุนซิลคือเพื่อนสนิทของเธอ ที่เคยอยู่กับเธอในช่วงเวลาที่ ปาร์กชองฮี (Park Chung-hee) อดีตประธานาธิบดี หรือบิดาของเธอถูกลอบสังหารในปี 1979
เมื่อวันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2016 ประชาชนได้ออกมาชุมนุมในช่วงสุดสัปดาห์ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 โดยผู้ประท้วงระบุว่า มีประชาชนกว่า 1.5 ล้านคนออกมาชุมนุมครั้งนี้ ขณะที่รัฐบาลระบุว่า มีเพียง 260,000 คนที่เข้าร่วมการชุมนุม
โพลสำรวจ Gallup Korea เปิดเผยว่า คะแนนความนิยมของเธอลดลงไป 4% ซึ่งนับว่าเป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งที่มีคะแนนความนิยมต่ำที่สุดของเกาหลีใต้
Cover: POOL New, Reuters/profile
อ้างอิง:
– http://english.yonhapnews.co.kr/national/2016/11/30/0301000000AEN20161130001751315.html
– http://www.reuters.com/article/us-southkorea-politics-idUSKBN13O093
– http://english.yonhapnews.co.kr/national/2016/11/29/33/0301000000AEN20161129004152315F.html