เมื่อวันที่ 28 เมษายน ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งฉุกเฉินโดยใช้กฎหมายป้องกันการผลิตสั่งให้โรงงานเปิดตามปกติ ท่ามกลางความกังวลของสหภาพแรงงานที่ต้องการให้มีมาตรการคุ้มครองพวกเขา ระหว่างการทำงานในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
บริษัทผู้ผลิตเนื้อสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นสมิธฟิลด์ ฟู้ดส์ อิงค์ คาร์กิลล์ อิงค์ หรือไทสัน ปิดโรงฆ่าสัตว์และโรงงานแปรรูปประมาณ 20 แห่งในอเมริกาเหนือเนื่องจากคนงานป่วย ก่อนหน้านี้จอห์น เอช ไทสัน ประธานไทสัน ฟู้ดส์กล่าวว่า ห่วงโซ่การผลิตอาหารกำลังจะขาด และเตือนว่าอาจจะมีการขาดแคลนเนื้อสัตว์
ในคำสั่งที่ทรัมป์ลงนามไปแล้วนั้นระบุว่า การปิดโรงงานเนื้อวัวขนาดใหญ่เพียงแค่แห่งเดียวก็อาจจะกระทบต่อการกินเนื้อสัตว์ของคน 10 ล้านคนต่อวัน การปิดโรงงานเช่นนี้กระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของเนื้อสัตว์และสัตว์ปีกระดับชาติ รวมทั้งทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน
คำสั่งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้บริษัทได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย ซึ่งมาพร้อมกับการคุ้มครองความรับผิดชอบในกรณีที่ลูกจ้างอาจจะติดเชื้อระหว่างทำงานที่เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลจะแจ้งแนวปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงต่อคนทำงาน เช่น ให้คนงานที่อายุมากกว่าหรือคนที่มีโรคเรื้อรังอยู่บ้าน หรือการให้พนักงานในสายการผลิตอยู่ห่างกัน 6 ฟุต
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับสื่อขณะที่เขาลงนามในคำสั่งฉุกเฉินว่า เพื่อแก้ปัญหาความรับผิดชอบทางกฎหมาย และเรายังทำงานร่วมกับเกษตรกร ยังมีอาหารสำรองอีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงานไม่พอใจกับคำสั่งนี้ เกษตรบางคนกล่าวว่า คำสั่งนี้มาช้าเกินไป เพราะตอนนี้หมูถูกฆ่าหมดแล้ว โดยที่ไม่ได้ป้อนเข้าสู่ตลาด UFCW สหภาพแรงงานของคนงานบรรจุเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็น เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ จัดหาอุปกรณ์ป้องกันขั้นสูงที่สุดให้กับคนงานในโรงฆ๋าสัตว์ และตรวจหาเชื้อทุกวัน
ตอนนี้มีพนักงานในโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์และอาหารติดเชื้อแล้วมากกว่า 6,500 คน และเสียชีวิตแล้ว 20 คน
ที่มา:
https://www.cbsnews.com/news/trump-defense-production-act-meat-processing-plants-open-coronavirus/
ภาพ: REUTERS/Carlos Barria
Tags: โดนัลด์ ทรัมป์, โควิด-19