“The last thing you want to ask chef to do is bake a cake” เชฟเดช คิ้วคชา จาก Kyo Bar และ Kyo Roll En พูดถึงการเริ่มโปรเจกต์ที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำในการชักชวนเชฟที่ถนัดการทำอาหารให้หันมาทำเค้ก แน่นอนว่าเขาซึ่งเป็นเพรสตี้เชฟเพียงคนเดียวต้องเป็นตัวกลาง
แต่ด้วยสถานการณ์ของวงการร้านอาหารในตอนนี้ ทำให้เพื่อนๆ กลับสนุกไปด้วยกันกับเชฟเดชในการทำโปรเจกต์ Social Distancing ด้วยกัน ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปด้วยกัน “ด้วยความเป็นเพื่อนกัน ผมเห็นเพื่อนเชฟต้องพยายามมากขึ้นให้ธุรกิจร้านอาหารผ่านไปได้ โดยเฉพาะพยายามให้ทีมงานยังคงอยู่ได้ เมื่อเราคุยกันและตัดสินใจทำร่วมกันมันจึงกลายเป็นการจับมือและ Collaborate ร่วมกันในโปรเจกต์ Keep Rolling Project #เราจะโรลไปด้วยกัน”
ไม่เพียงเท่านั้น Keep Rolling Project ยังเป็นความท้าทายกับ Social Distancing ถึงจะเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนานแต่การต้องอยู่ไกลกันมันเป็นเรื่องที่ยากมากในการทำอาหารหนึ่งเมนูร่วมกัน “เราเดาไม่ออกว่าเชฟอีกคนกำลังคิดอะไร เพราะพูดคุยกันผ่านแชทและวีดีโอคอลเท่านั้น”
เชฟคนแรกที่ทำโปรเจกต์นี้กับเชฟเดชก็คือ เชฟกากัน อนันต์ เจ้าของร้านอาหาร Gaggan Anand อดีตร้านอาหารอันดับหนึ่งของเอเชียที่นำเอาเมนูซิกเนเจอร์อย่าง “Lick it up” ที่ให้คนกินเลียจานมาทำให้เวอร์ชั่น Social Distancing ที่คนใส่ใจเรื่องความสะอาดมากขึ้น จึงกลายเป็น “Pick it up” โดยนำเอา Signature Roll Cake ของ Kyo Roll En มาทำใหม่ โรลเค้กส้มยูซุสอดไส้พุดดิ้งมะม่วงและชีสเค้ก ซึ่งขายจำกัดเพียงวันละ 50 ชิ้น เป็นเวลา 1 สัปดาห์
และล่าสุดเริ่มขายมาตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน โดยรอบนี้เชฟเดชชวนเชฟต้น – ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร จากร้านอาหาร Le Du มาร่วมโปรเจกต์ โดยทั้งคู่เคยจับมือกันทำอาหารมาแล้วในโปรเจกต์ Cook Japan Project จึงพอจะคุ้นเคยมือกันอยู่บ้าง ทำร่วมกันที่ญี่ปุ่นรอบแรก และทำที่ Le Du อีกครั้ง ครั้งนี้แตกต่างออกไปหน่อย เพราะไม่ได้เข้าครัวด้วยกันด้วย Social Distancing แต่อาศัยพูดคุยกัน
เชฟเดชพูดคุยจนได้วัตถุดิบท้องถิ่นอย่าง “โกโก้เชียงใหม่” เพราะเชฟต้นชอบการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ที่สำคัญเชฟต้นคือคนที่แนะนำให้เชฟเดชรู้จักกับโกโก้ท้องถิ่น ทำให้เพรสตี้เชฟอย่างเชฟเดชจดจำเรื่องนี้ได้และคิดว่าแสดงถึงตัวตนของเชฟต้นได้ดี ส่วน “ขนุน” คือผลไม้ที่เชฟต้นชอบมาก แต่สำหรับเชฟเดชแล้วนี่คือ คอมบอเนชั่นที่ค่อนข้างยากเหมือนกัน ด้วยความเสี่ยงเรื่องกลิ่นของขนุนที่หลายคนอาจจะไม่ชอบ แต่สุดท้ายก็ได้โรลเค้กพันชั้นที่ทำจากโกโก้เชียงใหม่ที่ม้วนเลเยอร์ด้วยมือกับขนุนและครีม ราดด้วยซอสขนุน ให้กลิ่นรสของขนุนหลากหลายเนื้อสัมผัส โรลนี้รสไม่หวาน
เชฟเดชยังบอกว่าด้วยความที่ตัวเองเป็นเพรสตี้เชฟเพียงคนเดียวของกลุ่มเพื่อนสนิท ทำให้เขารับหน้าที่นี่ไปเต็มๆ แน่นอนว่าโปรเจกต์นี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีก เกือบ 3 สัปดาห์ ตอนนี้สามารถสั่งโรลเค้กที่เชฟเดชร่วมทำกับเชฟต้นได้ ส่วนสัปดาห์ที่ 3 และ 4 เชฟเดชก็บอกมาแล้วว่าเป็นเชฟคนไหน เพียงแต่ยังขออุบเอาไว้ก่อนว่าจะทำโรลเค้กอะไรออกมาร่วมกัน แต่ความจริงให้เราเดาน่าจะอยู่ในระหว่างพูดคุยกัน เนื่องจากเชฟเดชเองก็เหลือผู้ช่วยทำเพียง 2 คน และทำโรลเค้กด้วยมือทั้งหมด น่าจะใช้เวลาเกือบทั้งวันทำโรลเค้กส่งกว่าจะได้คุยก็น่าจะมีเวลาไม่มาก
เชฟคนต่อไปที่จะมา Keep Rolling Project #เราจะโรลไปด้วยกัน เป็นเชฟพี่น้องฝาแฝด เชฟ Thomas และเชฟ Mathias จากร้านอาหาร Suhring เราเชื่อว่าเชฟทั้งคู่น่าจะส่งผ่านไอเดียเกี่ยวกับของหวานสไตล์เยอรมันมาให้เชฟเดช และเชฟคนสุดท้ายที่น่าจะปิดโปรเจกต์นี้เป็น เชฟไอซ์-ศุภักษร จงศิริ จากร้านศรณ์ ร้านอาหารใต้คิวยาว ถ้าให้เดาเชฟไอซ์น่าจะขอให้เชฟเดชทำของหวานอะไรที่สื่อความเป็นปักษ์ใต้ หรือไม่ก็ใช้ผลไม้บางอย่างในภาคใต้ที่คนไม่ค่อยรู้จัก เพราะเชฟไอซ์ชอบทำของฝากให้คนกินนำกลับบ้านและผลไม้กระป๋องก็คือหนึ่งในนั้น แต่ทั้งหมดคือการคาดเดาของเรา
อยากรู้ว่า #เราจะโรลไปด้วยกัน ในสัปดาห์ต่อไปจะเป็นเมนูอะไรคงต้องลุ้นผ่าน https://www.facebook.com/KyoRollEn/ เพราะเป็นเมนู Limited ที่จำกัดเพียงวันละ 50 ชิ้น เท่านั้น แต่หลังจากเชฟไอซ์แล้วจะมีเชฟคนไหนมา #เราจะโรลไปด้วยกัน อีกคงต้องรอลุ้นกันต่อไป
Tags: Keep Rolling Project, Kyo Roll En