หาร้านอาหารญี่ปุ่นนั้นไม่ยาก หาร้านอาหารไทยยังยากกว่า
หาร้านอาหารญี่ปุ่นตามเส้นรถไฟฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ถ้าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นในงบ 150 บาท และอยู่ตามเส้นรถไฟฟ้าล่ะ
คุณภาพที่มาพร้อมความพิถีพิถัน
“อิรัชชัยมาเสะ”
เสียงกล่าวต้อนรับจากชายชาวญี่ปุ่นท่าทางเป็นมิตรดังกึกก้องไปทั่วห้องขนาด 1 คูหา ขณะเดินผ่านประตูไม้บานเลื่อนแบบญี่ปุ่นเพื่อเข้าสู่ภายในร้าน ด้านหลังบานเลื่อน ความเป็นญี่ปุ่นที่แฝงอยู่แทบทุกจุดสัมผัสรอเราอยู่ ทั้งฝาผนังที่ประดับด้วยแผ่นไม้ขีดเขียนเมนูภาษาญี่ปุ่นเหมือนที่เคยเห็นในภาพยนตร์และซีรีส์ญี่ปุ่น ชั้นหนังสือเรียงแน่นด้วยหนังสือการ์ตูนภาษาญี่ปุ่น เคาน์เตอร์แบบครัวเปิดที่ผนังด้านหลังตกแต่งด้วยรูปคนดังอย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ, หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ หรือ เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ ที่เคยมาชิมรสอาหารของร้านนี้
Sendai Ramen Mokkori ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ ย่านที่ร้านแพงๆ เรียงแน่นแบบร้านชนร้าน จนไม่น่าเชื่อว่าเราจะอิ่มท้องได้ด้วยเงิน 150 บาทในย่านนี้
แต่ Lunch Menu ของ Sendai Ramen Mokkori คือคำตอบสำหรับเรา
อาหารญี่ปุ่นจาก 18 เมนูคุณภาพ เช่น ราเมน ข้าวแกงกะหรี่ ยากิโซบะ หรือคัตสึด้ง (ข้าวหน้าหมูทอด) ที่เลือกได้แบบไม่ต้องรักพี่เสียดายน้อง เพราะในราคาเพียง 150 บาท เราเลือกได้ถึง 2 เมนู ในปริมาณและคุณภาพที่เกินราคา
ดา-ภรรยาคนไทยของคิมูระซัง-เจ้าของร้านชาวญี่ปุ่น เล่าให้ฟังอย่างเป็นกันเองว่า
“คิมูระซังย้ายมาอยู่เมืองไทยสิบกว่าปีแล้ว หลังอยู่มาสองสามปีก็เปิดร้านนี้ขึ้นมา ตอนนี้เรามี 5 สาขา ทั้งที่ไทยและญี่ปุ่น แต่สาขาที่เมืองเซ็นไดจะใช้ชื่อต่างออกไปว่า อากะโอริ”
แม้ว่าสาขาในไทยจะเป็นเพียงร้านเล็กๆ แต่ดาภูมิใจกับร้านนี้มาก เธอเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้มว่า “มีลูกค้าหลายรายรู้จักร้านของเราโดยการค้นหาในกูเกิลด้วยคำว่า…ร้านราเมนที่อร่อยที่สุด”
อาหารญี่ปุ่นของร้าน Sendai Ramen Mokkori เป็นสไตล์เซ็นไดตามชื่อร้าน โดยสไตล์อาหารญี่ปุ่นแบบเซ็นไดมีความพิเศษในรสชาติที่จัดจ้านและเข้มข้นคล้ายอาหารไทย โดยอาหารเกือบทุกเมนูในร้าน โดยเฉพาะราเมน จะใส่พริกลงไปปรุงเพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งแตกต่างจากราเมนทั่วไปที่รสชาติมักจะค่อนข้างจืด
หากมาร้านนี้ ขอแนะนำเมนูราเมนที่จะทำให้ประสบการณ์การกินราเมนของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
Sendai Ramen Mokkori อยู่ห่างจาก BTS ทองหล่อ เพียงเดินเท้าแค่ 5 นาที
Lunch Menu ของ Sendai Ramen Mokkori
เริ่มตั้งแต่ร้านเปิด 11:00 น. ถึง 15:00 น. แต่ร้านเปิดจนถึง 01:00 น.
คุณภาพที่มาพร้อมกับกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น
แต่หากอยากสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นสไตล์โอะกินะวะด้วยราคา 150 บาท ขอแนะนำร้านอาหารญี่ปุ่นย่านพระโขนง
จาก BTS พระโขนง เดินเข้าซอยสุขุมวิท 69 ไม่ถึง 3 นาที จะได้พบกับร้านที่ตกแต่งด้วยสีเหลืองสดใสอยู่ทางด้านขวามือ ชื่อ Okinawa Kinjo
ร้านชั้นล่างตั้งโต๊ะไม้และเก้าอี้นั่งในแบบร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป แต่หากไม่รีบร้อน แนะนำให้ขึ้นชั้น 2 เพื่ออิ่มเอมกับบรรรยากาศที่เหมือนกินข้าวในบ้านของเพื่อนชาวญี่ปุ่น โต๊ะแต่ละตัวกั้นด้วยระแนงไม้แบบโปร่ง บนกำแพงประดับด้วยโคมกลมสีแดง รูปภาพ และป้ายโฆษณาต่างๆ จากญี่ปุ่น เพิ่มความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้นด้วยไม้ไผ่ที่ผูกมัดไขว้กันเป็นตารางอยู่บนเพดาน และนั่งกินบนเบาะรองนั่งแบบชาวญี่ปุ่น ใครชอบยั่วใจเพื่อนผ่านเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรม มาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน ยิ่งถ้าใส่แคปชั่นสักหน่อยว่า ‘มาญี่ปุ่น’ รับรองว่าเนียน
เมนูในราคา 150 ของร้านนี้ หากเป็นสายรักสุขภาพ ขอแนะนำให้จับคู่ข้าวแกงกะหรี่หมูญี่ปุ่น ในราคา 69 บาท กับฮิยะ-ยักโกะ (เต้าหู้เย็นญี่ปุ่น) 70 บาท หรือมะระทูน่า 80 บาท หากไม่ใช่สายคลีน แนะนำให้จับคู่ข้าวแกงกระหรี่หมูญี่ปุ่นกับหมูสามชั้นชาชู ในราคา 90 บาท (ยอมเพิ่มงบเป็น 160 บาท) เพื่อลองลิ้มชิมรสหมูสามชั้นเนื้อหนาที่หมักด้วยเครื่องปรุงอย่างดีจนเนื้อเปื่อยนุ่มจนแทบละลายในปาก ซึ่งเป็นเมนูเด็ดของร้าน
สำหรับสายกินที่สั่งทะลุงบ 150 เรามีทางเลือกพิเศษ เพียงแค่โหลดแอปพลิเคชันของร้าน ก็ได้รับส่วนลดทันที 10% หรือจะเพลิดเพลินกับชุดอาหารเซ็ตโคะโระเกะ (มันฝรั่งบดทอด) ที่ราคาจริง 160 บาท ก็จะอิ่มอร่อยในงบไม่เกิน 150 บาทได้เช่นกัน
นอกจากอิ่มท้องถึงใจแล้ว ที่ร้านยังมีคอร์สเติมอาหารสมองให้ด้วย โดยร้าน Okinawa Kinjo มีการเปิดสอนภาษาญี่ปุ่นจากเซนเซชาวญี่ปุ่นในวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งรับจำนวนจำกัด และเปิดเป็นรอบๆ หากสนใจก็สอบถามรายละเอียดจากทางร้านได้เลย
Okinawa Kinjo
เปิด 11:30 น. ถึงเที่ยงคืน
คุณภาพที่มาพร้อมกับสังคมของผู้ชื่นชอบความเป็นญี่ปุ่น
ในช่วงพักเที่ยงย่านสาทร ที่หมายของอาหารญี่ปุ่นรสออริจิแห่งหนึ่งของชาวออฟฟิศในย่านนี้คือ The Japan ร้านอาหารของสมาคมญี่ปุ่นในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของอาคารสาธรธานี ลงจาก BTS ช่องนนทรีย์ เดินสัก 3 นาทีก็ถึงบรรยากาศในร้านตกแต่งด้วยพื้นไม้และโต๊ะไม้สไตล์อบอุ่น แม้ไม่เข้มข้นเมดอินเจแปนทุกมุมมอง แต่คุณจะรู้สึกอินเจแปนได้ไม่ยากจากผู้คนที่กระทบไหล่อยู่ภายในร้าน
หากมาถึงร้านในช่วงเที่ยงอาจต้องรอคิวเล็กน้อย แต่การรอคอยนั้นช่างคุ้มค่า เพราะจะได้สัมผัสกับอาหารคุณภาพดี สดใหม่ และราคาไม่แพง แต่หากเป็นคนไม่ชอบการรอคอย แนะนำให้มาหลังบ่ายสองโมง บรรยากาศของร้านจะเริ่มเงียบสงบ เพื่อให้ได้ดื่มด่ำกับอาหารคุณภาพดีอย่างเต็มที่แบบไม่ต้องรีบร้อน นอกจากนั้นยังเลือกรับชาเขียวที่หอมใบชาแบบร้อนหรือเย็นก็ได้ในแบบรีฟิล
จุดเด่นของอาหารร้านนี้คือความสดใหม่ของวัตถุดิบ ดังนั้น เมนูอาหารราคา 150 ที่อยากแนะนำคือเมนูข้าวหน้าปลาดิบ ข้าวญี่ปุ่นที่อัดแน่นไปด้วยปลาโอ ปลากะพง หมึก กุ้ง และไข่หวานที่ล้วนสดใหม่และชิ้นใหญ่คุ้มค่าคุ้มราคา และหากเป็นคนที่ชื่นชอบปลาแซลมอน เพิ่มงบอีกเพียง 20 บาท ก็จะได้แซลมอนชิ้นอวบที่ทั้งสดและหวานมาลิ้มลอง
The Japan
เปิด 11:00 น. ถึง 21:30 น.
ภารกิจหมายเลขหนึ่งของเราเสร็จสิ้นแล้ว ต่อจากนี้ เราก็ไม่ต้องรอกินอาหารญี่ปุ่นคุณภาพดีตอนสิ้นเดือนอีกต่อไป เพราะมีเซ็ตเมนูอาหารญี่ปุ่นราคาย่อมเยาให้เลือกลิ้มลองได้ตลอดทั้งเดือน
FACT BOX:
- Sendai Ramen Mokkori และ The Japan มีบริการน้ำชาฟรี
- ทั้ง 3 ร้านไม่มี Service Charge