คนเหล่านี้หมกมุ่นกับเบียร์มากเสียจนเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเบียร์ลงนิตยสารได้ถึง 40 ฉบับเลยหรือ! 

นี่คือสิ่งแรกที่คิดในใจเมื่อได้นิตยสาร Froth (แปลว่าฟอง ซึ่งในที่นี้หมายถึงฟองเบียร์) มาไว้ในมือครั้งแรก Froth ฉบับที่ยี่สิบสี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ของเบียร์ เราหยิบนิตยสารเล่มบางนี้มาจากบาร์ที่ชื่อกัปตันเมลวิลล์บนถนนแฟรงคลินด้วยความอยากรู้ “ดำมืดเหมือนค่ำคืนที่ไร้ดวงจันทร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์คลาสสิกนี้รสดีเหมือนกาแฟจากร้านปาเดร คอฟฟี่ ด้วยองค์ประกอบของรสชาติเมล็ดกาแฟคั่วที่สัมผัสได้เต็มปากและการจบลงด้วยรสสัมผัสแห้งๆ ที่ทำให้คุณอยากจิบต่อ” พับผ่าสิ นี่คือการเขียนรีวิวเบียร์เหรอนี่ เราจ้องหน้ากระดาษด้วยความทึ่ง

Froth เรียกตัวเองว่าเป็นนิตยสารอิสระที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคราฟต์เบียร์ในออสเตรเลีย เนื้อหามีตั้งแต่ข่าวอัปเดตเกี่ยวกับเบียร์ รีวิวเบียร์และบาร์สำหรับนั่งดื่มเบียร์ ปริศนาอักษรไขว้ที่ไม่ใช่ครอสเวิร์ดแต่เขาเรียกว่าฟรอธเวิร์ด ซึ่งมีคำใบ้อย่าง “เบียร์อะไรที่มักมีรสชาติเหมือนช็อกโกแลตหรือกาแฟ” หรือคำถามเกี่ยวกับเบียร์ อย่าง “โรงเบียร์ไหนในบริสเบนที่ตั้งชื่อตามเครื่องบิน” นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับสูตรอาหารที่มีเบียร์เป็นส่วนผสม อย่างเค้กกล้วยหอมที่ใส่เบียร์ดำรสเมเปิล รวมถึงเรื่องสั้นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเบียร์ ภาพการ์ตูนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเบียร์ ความเรียงที่บอกเล่าความรู้สึกของเจ้าของโรงเบียร์ในวันบ่มเบียร์ (“ไม่มีวิธีที่ถูกต้องหรอก แต่วิธีที่ผิดนั้นมีเพียบ คุณต้องหาเองว่าวิธีไหนที่ได้ผล ผงเมล็ดข้าวฟุ้งในอากาศ เราสูดมันเข้าไปประหนึ่งว่านี่เป็นพิธีกรรมเล็กๆ ของวันบ่มเบียร์”) จนถึงสกู๊ปพิเศษตามธีมของแต่ละฉบับ รวมทั้งมีโฆษณาเบียร์ที่เล่นมุกขายของได้เฉียบขาดอีกต่างหาก

คงไม่แปลกที่คอคราฟต์เบียร์จะเป็นแฟนเหนียวแน่นของนิตยสารเล่มนี้ แต่ที่น่าสนใจคือ แม้แต่คนที่ไม่ดื่มเบียร์บางคนก็ยังชอบอ่านนิตยสาร Froth สำหรับคนชอบดื่มเบียร์ที่ได้มีโอกาสไปเยือนเมลเบิร์น สิ่งหนึ่งที่แนะนำก็คือให้ไปหยิบ Froth มาจากบาร์สักแห่ง เดาว่าคุณคงจะเพลิดเพลินกับการอ่านรีวิวเบียร์และลองดื่มคราฟต์เบียร์ท้องถิ่นตามรีวิวในนิตยสาร แต่ถ้าหากคุณไม่ใช่คอเบียร์ก็สามารถเพลิดเพลินกับการอ่านคอลัมน์รีวิวเบียร์สนุกๆ อย่างเช่น

“เมืองบาลลารัตอาจกลายมาเป็นบรัสเซลล์แห่งที่สองเนื่องจากเบียร์ออกใหม่ที่ชื่อดอลลาร์บิล โรงเบียร์จากดินแดนเหมืองทองแห่งนี้ออกเบียร์รสเปรี้ยวจี๊ดเมื่อปลายปี 2017 และทุกคนก็จะ คนพวกนี้เป็นใครกันนี่ทำไมเบียร์ขวดแรกที่ออกมาถึงเป็นเบียร์เปรี้ยวที่บ่มในถังไม้รสชาติยอดเยี่ยมขนาดนี้ให้ตายเหอะ”! 

หากได้ลองอ่านแล้วคุณก็จะเหมือนเราที่ตะลุยเก็บนิตยสาร Froth ตามผับบาร์ต่างๆ ในเมลเบิร์น และก่อนที่คุณจะอำลาจากเมืองแห่งนี้ คุณก็ต้องหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาเอมิลี่ เดย์ (Emily Day) บรรณาธิการและผู้ก่อตั้ง Froth เพื่อที่จะบอกเธอว่า “ฉันร้ากกนิตยสารของคุณทั้งๆ ที่ฉันไม่ดื่มเบียร์เลยด้วยซ้ำ!”

นั่นทำให้เย็นวันศุกร์วันหนึ่ง ขณะที่ท้องฟ้าของเมลเบิร์นยังมีแสงสว่าง เรากับเอมิลี่มานั่งตากอากาศเย็นๆ หน้าบาร์ Bar 303 บนถนนไฮสตรีท ย่านนอร์ธโคตเพื่อพูดคุยถึง Froth และคราฟต์เบียร์กัน 

เป็นไงมาไงคุณถึงได้เริ่มทำนิตยสารเกี่ยวกับคราฟต์เบียร์

ฉันทำงานเป็นบรรณาธิการตรวจต้นฉบับ ฉันชอบนิตยสารเล่ม แล้วก็ชอบคราฟต์เบียร์มาก ตอนนั้นไม่มีนิตยสารเล่มเกี่ยวกับคราฟต์เบียร์เลย เลยคิดว่าน่าสนุกถ้าจะทำนิตยสารแบบนี้สักเล่มเพื่อเป็นการแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับคราฟต์เบียร์

คุณชอบอะไรเกี่ยวกับเบียร์

ฉันชอบรสชาติของเบียร์ การได้ดื่มเบียร์สักเหยือกใต้แสงอาทิตย์เป็นสิ่งที่รื่นรมย์ ฉันยังชอบเรื่องราวเบื้องหลังการทำเบียร์ โรงเบียร์แต่ละโรงมีเรื่องราวน่าสนใจ นอกจากนี้ฉันยังชอบประวัติศาสตร์ของเบียร์ซึ่งมีมากกว่า 5,000 ปี แล้วก็มีเรื่องวิทยาศาสตร์ของเบียร์ การออกแบบฉลาก คือพูดง่ายๆ เบียร์มีหลายแง่มุม ไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม คุณสามารถหาเรื่องราวและสไตล์ของเบียร์แต่ละแบบมาเขียนได้ไม่รู้จบ

เล่าให้ฟังถึงการเริ่มทำนิตยสารช่วงแรกๆ หน่อยได้ไหม

ฉันทำงานสายสื่อสารมวลชน เขียนหนังสือได้ ตรวจต้นฉบับได้ วางเลย์เอาต์และถ่ายรูปได้ ดังนั้นแม้จะไม่มีใครช่วยทำนิตยสารเลย ฉันก็ยังสามารถทำงานเกือบทุกส่วนเองได้ แต่โชคดีที่ได้คนหลายคนมาช่วย เพราะพอถึงเวลาทำจริงๆ แล้วเป็นงานที่หนักมาก 

คุณเขียนคอลัมน์ต่างๆ ใน Froth ฉบับแรกคนเดียวเลยหรือเปล่า

ฉันเขียนหลายคอลัมน์ในนั้น ซึ่งเป็นงานที่เหนื่อยมาก ไม่แนะนำให้ใครทำอย่างนั้นนะ (หัวเราะ)

สิ่งหนึ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับ Froth ก็คือภาษาและวิธีการเขียน ซึ่งสนุกและเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน

ใช่ ฉันอยากให้มันดูไม่ซีเรียส ฉันเคยตรวจต้นฉบับให้เซคชั่นหนึ่งของหนังสือพิมพ์ดิเอจ (The Age) สไตล์การเขียนซีเรียสมากทั้งๆ ที่มันมีเนื้อหาเกี่ยวกับกาแฟ ฉันก็รู้สึกแบบ เพลาๆ หน่อยนะ นี่คุณกำลังเขียนเรื่องเครื่องดื่ม ฉันไม่ต้องการให้นิตยสารเกี่ยวกับเบียร์ออกมาเป็นแบบนั้น หรือยกตัวอย่างการเขียนเกี่ยวกับไวน์ซึ่งมักกีดกันคนอื่นๆ อย่างคุณต้องรู้คำศัพท์ที่ใช้เรียกไวน์ ไม่งั้นคุณก็ลองชิมไวน์ไม่ได้ ซึ่งการได้แม่ของฉันมาช่วยเขียนรีวิวเบียร์ทำให้ Froth ดูเป็นกันเองและทำให้คนรู้สึกว่านี่เป็นเครื่องดื่ม ทุกคนมีสิทธิลองชิมและแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่ว่าคุณจะต้องเป็นคนพิเศษถึงจะเข้าใจมันได้ ฉันเกลียดอะไรแบบนั้นมาก เมลเบิร์นเก่งในเรื่องนี้ ในเรื่องการทำสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องเก๋ให้ดูเก๋ อย่างกาแฟ เป็นต้น

/

แม่ของเอมิลี่หรือซิลเวีย เดย์ (Silvia Day) ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือครูสอนวิชาภาษาอังกฤษผู้มีคอลัมน์รีวิวเบียร์ประจำที่ชื่อ Sh*t My Mum Says About Beer สไตล์การเขียนรีวิวของเธอก็ประมาณว่า “เบียร์นี้มีสีแดงเข้ม เหมือนเลือดข้นที่ถูกเทออกมาและมีโฟมหนาลอยอยู่ข้างบน ซึ่งต่างจากเบียร์แบบอื่นๆ ที่ฟองจะหายไปเร็วมาก ถ้าการนึกถึงเลือดทำให้คุณไม่สบายใจละก็ เราก็อาจบรรยายเบียร์ชนิดนี้เสียใหม่ว่าเป็นโยเกิร์ตสมูทตี้ที่ทำจากผลแบล็กเคอร์แรนต์” 

ฉันคาใจเรื่องคอลัมนิสต์รับเชิญคนนี้มาพักใหญ่ จึงถามกับเอมิลี่

/

คุณเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารหนึ่งว่า คุณพาแม่ซึ่งเป็นคนเกลียดเบียร์ไปเทศกาลเบียร์โดยไม่เต็มใจเพื่อหวังจะให้แม่เป็นคอลัมนิสต์รับเชิญ คำถามก็คือ หลังจากที่เขียนรีวิวเบียร์มาสามสิบกว่าฉบับ ตอนนี้แม่ของคุณหายเกลียดเบียร์แล้วหรือยัง

ยัง (หัวเราะ) 

หมายถึง ทุกวันนี้แม่ของคุณก็ยังต้องชิมเบียร์เพื่อที่จะเอามาเขียนให้นิตยสารของคุณ?

ตอนแรกฉันก็บอกแม่แบบขำๆ แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องบอกเธอแล้วว่าต้องทำยังไง แม่หาเบียร์มาชิมและเขียนรีวิวเอง จากนั้นก็ส่งบทความมาให้ แต่เธอแค่จิบเบียร์เพียงไม่กี่จิบเท่านั้นแหละ มีเบียร์บางชนิดที่เธอบอกว่าโอเค น่าจะเป็นเบียร์ราสพ์เบอร์รี่เปรี้ยวหรืออะไรสักอย่าง แต่เธอไม่ชอบความขมของเบียร์

ก่อนที่ฉันจะเริ่มทำนิตยสาร Froth ฉันกับพ่อไปเทศกาลเบียร์ แม่ไปในฐานะคนขับรถ เธอลองเบียร์สองสามชนิดแล้วจู่ๆ ก็หยิบสมุดขึ้นมาและเริ่มเขียนบันทึก ฉันคิดว่าตอนนั้นแม่น่าจะเบื่อสุดๆ เธอเริ่มเขียนบรรยายเกี่ยวกับเบียร์ซึ่งออกมาฮามาก ฉันจึงคิดว่าบางทีแม่น่าจะเขียนอะไรสักหน่อย เสียงตอบรับที่ได้รับจากคนอื่นๆ ก็คือ “ฉันชอบรีวิวที่แม่คุณเขียน” หรือไม่ก็ “โรงเบียร์นี้ให้เบียร์มา ช่วยเอาไปให้แม่คุณลองหน่อยได้ไหม” ฉันชอบรีวิวที่แม่เขียนเพราะว่าคนเขียนรีวิวเบียร์ส่วนใหญ่จะเป็นพวกผู้ชายไว้หนวดที่เขียนแต่อะไรซ้ำๆ ฉันจึงคิดว่าการที่มีผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งมาทำอย่างนั้นบ้างก็คงจะดี และฉันพูดได้เลยว่าความเห็นของเธอก็มีความชอบธรรม คุณไม่จำเป็นต้องรู้คำศัพท์ที่ถูกต้องเกี่ยวกับฮอปส์ คุณอาจจะเป็นแม่คนธรรมดาๆ คนหนึ่งและความคิดเห็นของคุณก็ยังสำคัญ

นักเขียนรับเชิญของ Froth มีใครอีกบ้าง

ส่วนใหญ่เป็นเพื่อน ฉันโพสต์ลงเฟซบุ๊กว่ามีใครอยากจะเขียนลงนิตยสารเกี่ยวกับคราฟต์เบียร์บ้างและมีหลายคนติดต่อมา แต่หลังจากที่ฉันเข้ามาวนเวียนอยู่ในโลกของเบียร์มากขึ้น ฉันก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ในวงการและหลายคนก็เขียนหนังสือดีทีเดียว มีหลายคนที่อยากเขียนเกี่ยวกับเบียร์แต่ไม่มีแพลตฟอร์มให้พวกเขา บางคนอาจมีบล็อก แต่ทุกคนตื่นเต้นที่จะได้เห็นงานเขียนของตัวเองตีพิมพ์ลงในนิตยสาร

แล้วการทำงานร่วมกับนักเขียนเหล่านั้นเป็นอย่างไร คุณแจกจ่ายหัวข้อให้พวกเขาหรือแค่บอกว่าอยากเขียนอะไรก็เขียน

ส่วนใหญ่พวกเขามีไอเดียอยู่แล้ว มักเป็นไอเดียดีๆ ที่ฉันอาจจะนึกไม่ถึงด้วย บางคนติดต่อมาหาและบอกว่าอยากเขียนเกี่ยวกับเบียร์ในแง่มุมนั้นแง่มุมนี้ เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ซึ่งส่วนใหญ่ฉันก็จะตอบพวกเขาว่า โอเค เอาเลย ฉันอยากให้คนเขียนในสิ่งที่เขาอยากเขียน มีเพียงแค่สองครั้งเท่านั้นที่ฉันตอบกลับไปว่าเขียนแบบนั้นอาจไม่เข้ากับนิตยสารเท่าไหร่ บางครั้งฉันมีไอเดียแต่ไม่มีเวลาเขียน ฉันก็จะติดต่อคนที่ฉันรู้ว่าเขียนหนังสือดีให้ช่วยเขียนให้ 

คุณต้องบอกสไตล์การเขียนแก่พวกเขาไหม เช่น ต้องเขียนให้ออกมาตลกนะ

ไม่เลย ฉันจะบอกให้พวกเขาเขียนในแนวของตัวเอง เขียนให้เป็นธรรมชาติที่สุด อย่าบังคับตัวเอง ถ้าอยากเขียนให้ตลกคุณก็ทำได้ ที่ผ่านมานักเขียนส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องโทนการเขียน มีน้อยครั้งมากที่ฉันต้องมาปรับสไตล์การเขียน

ในบรรดาคนที่มาเขียนให้ Froth คุณมีนักเขียนคนไหนที่ชอบเป็นพิเศษหรือเปล่า

ซูซี่ โอเวน ซึ่งเป็นเพื่อนของฉันเอง เธอเขียนหนังสือตลกมากแต่ขณะเดียวกันงานเขียนของเธอก็ผ่านการสืบค้นข้อมูลมาอย่างมาก เธอเขียนถึงประวัติศาสตร์แต่นำเสนอออกมาในแนวตลกขบขัน

คุณทำนิตยสารเล่มนี้มาก็หลายปี เมื่อมองย้อนกลับไปที่ผลงานทั้งหมดที่ผ่านมา คุณรู้สึกอย่างไร

ฉันคิดว่ารางวัลในการทำนิตยสารเล่มนี้คือการได้มีผลงานที่จับต้องได้ออกมา ไม่ใช่การเขียนบนโลกออนไลน์ที่เปลี่ยนไปมาได้ตลอดเวลา ถ้าฉันไปที่ผับสักแห่งแล้วเห็นคนอ่าน Froth อยู่ ฉันก็จะแอบดูพวกเขาเหมือนคนโรคจิต ดูว่าพวกเขาสนุกกับการอ่านหรือเปล่า บางทีคนก็เดินเข้ามาหาฉันแล้วถามว่า คุณคือมิส Froth หรือเปล่า (หัวเราะ)

Froth ฉบับไหนที่คุณชอบหรืออยากพูดถึงเป็นพิเศษ

ฉบับเฟมินิสต์หรือ Fem-ale (ซึ่งเป็นการเล่นคำจากคำว่า fem ที่แปลว่าผู้หญิงและ ale ซึ่งเป็นเบียร์ชนิดหนึ่งกับคำว่า female ที่แปลว่าผู้หญิงเช่นกัน) เพราะว่าวงการเบียร์ถูกครอบงำโดยผู้ชาย ไม่ค่อยมีผู้หญิงทำงานอยู่ในวงการนี้เท่าไหร่ คือมันจะเป็นแบบว่า ถ้ามีผู้หญิงคนหนึ่งทำงานอยู่ที่บาร์และมีลูกค้าผู้ชายเดินมาถามคำถามกับเธอ ลูกค้าคนนั้นก็จะไปถามบาร์เทนเดอร์ที่เป็นผู้ชายต่อและพูดว่า พนักงานหญิงคนนั้นไม่รู้อะไรเลย ฉันอยากจะแสดงให้เห็นว่ามีผู้หญิงเก่งๆ อีกมากที่ทำงานเป็นคนผลิตเบียร์ เป็นคนปลูกฮอปส์ และอื่นๆ เบียร์ไม่ใช่เครื่องดื่มของผู้ชาย มันเป็นแค่เครื่องดื่มชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง

ฉันชอบฉบับวิทยาศาสตร์ด้วย ฉันไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับด้านที่เป็นวิทยาศาสตร์ของเบียร์ แต่ได้คนที่รู้จริงมาเขียนเรื่องเหล่านี้ให้ ทำให้ได้รู้ว่ารสชาติทำงานอย่างไร กระบวนการบ่มเบียร์เป็นอย่างไร รวมทั้งได้รู้ว่าน้ำที่ใช้หมักเบียร์มีผลต่อรสชาติของเบียร์ที่ออกมาอย่างมาก น้ำไม่ใช่แค่น้ำ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำไมโรงเบียร์แต่ละโรงถึงผลิตเบียร์ออกมาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับแหล่งน้ำที่ใช้ บางทีโรงเบียร์ต้องใส่แร่ธาตุลงไปในน้ำ แต่ละเดือนฉันได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จากงานเขียนของคนเหล่านี้

คุณจ่ายค่าตอบแทนให้นักเขียนอย่างไร

สำหรับนักเขียนบางคน เราจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงิน เราไม่มีทุนมากนัก ปกติแล้วเราจะจ่ายเงินให้นักเขียนที่เขียนบทความเชิงลึก แต่สำหรับบทความรีวิวเบียร์ นักเขียนเหล่านี้ยินดีที่จะได้เบียร์เป็นค่าตอบแทน ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะการทำเงินจากนิตยสารกระดาษนั้นไม่ง่าย มันมีค่าใช้จ่ายสูงทั้งค่าพิมพ์และค่าจัดส่ง

แล้วคุณล่ะ คุณได้เบียร์ฟรีกับเขาด้วยหรือเปล่า

ได้สิ โรงเบียร์มักจะเอาเบียร์มาหย่อนที่บ้านของฉัน ซึ่งฉันชอบ ฉันมักบอกคนที่โรงเบียร์ว่าให้เบียร์กับฉันเถอะ ฉันจะได้เอาเบียร์ไปให้คนเขียนบทความ

Froth ในเชิงธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนี้นิตยสารอยู่ได้ด้วยตัวเอง รายรับพอที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าพิมพ์ ค่าผู้จัดส่ง ค่าจ้างนักออกแบบ และนักเขียนบางคน แต่มันยังไม่พอจ่ายค่าจ้างฉัน นั่นเป็นหนึ่งในเป้าหมายของฉัน แต่ฉันยังมีงานประจำอยู่ Froth ดำเนินมาสามปีแล้ว ฉันอยากจะเผยแพร่ Froth ไปยังที่ต่างๆ มากขึ้น เช่น ซิดนีย์ อยากให้ได้ตีพิมพ์สักหนึ่งหมื่นฉบับ ตอนนี้ยอดพิมพ์ของ Froth อยู่ที่ 7,000 ฉบับต่อเดือน ฉันรู้สึกว่าตัวเลขหนึ่งหมื่นจะดูดีถ้าเรานำไปขายผู้ซื้อโฆษณา

แผนต่อไปสำหรับ Froth คืออะไร

ฉันอยากจะทำ Froth ฉบับออนไลน์ให้คนอ่านบนเว็บไซต์ด้วยเหมือนกัน

คุณทำอะไรบ้างเวลาที่ไม่ได้ดื่มเบียร์หรือเขียนเกี่ยวกับเบียร์

ฉันเล่นกับหมา อ่านหนังสือ เดินเล่น ไปดูคอนเสิร์ต ไปเที่ยวบ้าง ความจริงหมาคืองานอดิเรกของฉัน 

คุณดื่มเบียร์เยอะแค่ไหนในหนึ่งสัปดาห์

(หัวเราะ) ฉันไม่เคยนับ เอาเป็นว่าดื่ม ‘เยอะประมาณหนึ่ง’ แล้วกัน ฉันดื่มประมาณหนึ่งแก้วถึงหนึ่งร้อยแก้วต่อสัปดาห์ ที่จริงแล้ว เป้าหมายตอนนี้ของฉันคือดื่มเบียร์ให้น้อยลง ความจริงนี่เป็นธีมใน Froth ฉบับสุขภาพ ซึ่งพูดถึงเบียร์ที่เข้มระดับกลาง เบียร์ที่ไม่มีกลูเตน และเบียร์กับสุขภาพจิต ฉันเคยไปที่ร้านแดน เมอร์ฟี (ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นที่นิยมในออสเตรเลีย) และซื้อเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ 0% มาลองชิมด้วย

คุณมีเบียร์โปรดจากประเทศอื่นๆ ไหม

ฉันชอบเบียร์เยอรมันเอามากๆ ชอบเริ่มชอบเบียร์จากการได้ดื่มเบียร์เยอรมันนี่แหละ ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ที่เยอรมันและเขียนบทความวิจัยเกี่ยวกับวรรณกรรมเยอรมัน ฉันพบว่าเบียร์มีรสชาติดีได้ ซึ่งตรงข้ามกับเบียร์ออสเตรเลียในตอนนั้น

วงการคราฟต์เบียร์ที่เยอรมันเป็นอย่างไรบ้าง

ที่เยอรมันไม่มีคราฟต์เบียร์เพราะเบียร์ที่นั่นมีพัฒนาการมายาวนาน เยอรมันมีกฎเรื่องความบริสุทธิ์ของเบียร์ ว่าเบียร์จะมีส่วนประกอบได้แค่น้ำ ฮอปส์ และมอลต์ คุณไม่ควรจะใส่อะไรต่อมิอะไรลงไป เช่น ราสพ์เบอร์รี่หรืออะไรก็ตาม โดยเฉพาะทางตอนใต้อย่างในมิวนิก คนที่นั่นจะแบบว่า อย่ามายุ่งกับเบียร์ เราผลิตเบียร์มาเป็นสิบศตวรรษแล้ว แต่วงการคราฟต์เบียร์กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ในเบอร์ลิน ซึ่งน่าสนใจ

ฉันอยากกลับไปเยี่ยมเมลเบิร์นอีกในช่วงฤดูใบไม้ผลิหน้า คุณมีเบียร์ที่เหมาะกับฤดูใบไม้ผลิแนะนำไหม

ตอนนี้ฉันกำลังสนใจเบียร์ที่เข้มระดับกลาง ใน Froth ฉบับสุขภาพนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือเรื่องเบียร์ประเภทที่มีแอลกอฮอล์ 3% แต่ยังคงด้วยรสชาติ โดยทั่วไปเบียร์จะมีแอลกอฮอล์ประมาณ 5% ตอนนี้โรงเบียร์บางโรงออกเบียร์ประเภท 3% มา หลายคนอยากดื่มเบียร์สักขวดสองขวดและยังสามารถกลับบ้านไปทำอย่างอื่นโดยที่ยังมีสติสตางค์ดีอยู่ ร้านขายเบียร์ร้านหนึ่งแถวนี้ขายเบียร์ 1% จากนิวซีแลนด์ซึ่งมีรสชาติเข้มข้น น่าตื่นเต้นที่กระแสคราฟต์เบียร์กำลังไปในทางนี้ เพราะในอดีตมันเคยไปในทางตรงกันข้าม มันเคยเป็นเหมือนการแข่งสงครามว่าใครจะผลิตเบียร์ที่แรงที่สุดอย่างเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ 12% ได้ เหมือนสิ่งที่เรียกว่าการแข่งวัดขนาดจู๋ ฉันรู้สึกว่าความเป็นชายของออสเตรเลียผูกอยู่กับการดื่ม การดื่มน้อยไม่ใช่สิ่งที่เจ๋ง น่าสนใจที่ตอนนี้เรามีเบียร์ทางเลือกมากมายออกมาและมันก็ยังมีรสชาติดี อย่างคาร์ลตัน ดราฟต์และไฮเนเก้นก็เพิ่งออกเบียร์ 1% ออกมาเมื่อเร็วๆ นี้

สรุปว่าคุณเห็นว่าเบียร์ระดับเข้มข้นปานกลางเหมาะสำหรับฤดูใบไม้ผลิ

ใช่ มันเป็นเพราะว่าอากาศดีเหมาะกับการนั่งกับเพื่อนและดื่มเบียร์เสียหน่อย แต่ถ้าฉันนั่งรับแสงแดดและดื่มเบียร์ปกติ ฉันก็ต้องกลับบ้านไปนอนกลางวันเพราะมันทำให้ง่วง การมีเบียร์ 3.5% จึงเป็นเรื่องดี ถ้าคุณชอบเบียร์ที่มีรสเปรี้ยวละก็ มีเบียร์ราสพ์เบอร์รี่ที่ชื่อ Miss Pinky ที่มีแอลกอฮอล์ 3.5% มีรสชาติเหมือนราสพ์เบอร์รี่และมีสีชมพูสวย

/

หลังจบบทสนทนา จะมีอะไรน่าอิจฉาไปกว่าการที่มีบรรณาธิการนิตยสารเบียร์เลี้ยงเบียร์คุณขณะที่เรานั่งคุยกันเรื่องเบียร์และการทำนิตยสารในวันที่อากาศเมลเบิร์นไม่แปรปรวน เราลาจากเอมิลี่มาพร้อมกับลิสต์เบียร์สำหรับคนที่ไม่ชอบเบียร์ขม รายชื่อเบียร์ที่ว่ามีดังนี้

  • เบียร์ที่รสชาติคล้ายช็อกโกแลตหรือกาแฟ
    • Temptress (โรงเบียร์ Holgate) 
    • Mornington Brown Ale (โรงเบียร์ Mornington Peninsula Brewery)

 

  • เบียร์แบบ NEIPA (New England IPA)
    • Jedi Juice (โรงเบียร์ Hop Nation) 
    • The Matriarch (โรงเบียร์ CoConspirators) 

 

  • เบียร์รสเปรี้ยว
    • Miss Pinky (โรงเบียร์ Boatrocker)

 

ตัวอย่างความสนุกในนิตยสาร Froth

ตัวอย่างบทความที่มีเนื้อหาวิทยาศาสตร์จาก Froth ชิ้นนี้เล่าว่าทำไมเบียร์บางประเภทถึงมีกลิ่นคล้ยอึเด็ก แอปเปิ้ล บัตเตอร์สก็อตช์ หรือกระทั่งกลิ่นตัวสกังค์!

บทความแนะนำประเภทของแก้วที่เหมาะกับเบียร์แต่ละชนิด

บทความรีวิวเบียร์

อัปเดตข่าววงการเบียร์

คอลัมน์แนะนำสูตรอาหารที่ใช้เบียร์เป็นส่วนผสม

บทความแนะนำเบียร์ที่มีกาแฟเป็นส่วนผสม

ความเรียงบอกความในใจของเจ้าของโรงเบียร์ในวันบ่มเบียร์

Tags: ,