คงไม่ต้องพูดอะไรมากเกี่ยวกับวงการหนังโป๊ญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า Adult Video (AV) ที่สามารถยืนหยัดอยู่ในโลกธุรกิจความบันเทิงได้โดยมีเอกลักษณ์ส่วนตัวที่แตกต่างจากฝั่งตะวันตก อันสื่อถึงมุมมองและวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นต่อเรื่องเซ็กซ์ ในขณะเดียวกันมันก็กลายมาเป็นบทเรียนบทที่หนึ่งในชีวิตของเด็กหนุ่มหรือแม้กระทั่งเด็กสาวอีกหลายคนในเอเชีย
หนึ่งในผู้ที่เปลี่ยนโฉมหน้าวงการหนังเอวีของญี่ปุ่นให้เติบโตและมีคาแรกเตอร์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากโลกตะวันตกก็คือโทรุ มูรานิชิ ผู้กำกับหนังเอวีจากสตูดิโอ Crystal-Eizou ที่ต่อมาออกมาเปิดค่ายของตัวเองในชื่อ Diamond Visual ในปี 1988
ทั้งแนวคิดใหม่ในการทำหนังเอวี การขับเคลื่อนวงการหนังเอวี ไปจนถึงเรื่องความฉาว ความสำเร็จและความล้มเหลวในชีวิต ทำให้ชื่อของ โทรุ มูรานิชิ โดดเด่นจนได้รับฉายาว่า ‘ราชาหนังโป๊‘ และเรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยดราม่าชั้นเลิศในโลกสีเทานี่เอง ที่ทำให้เน็ตฟลิกซ์ตัดสินใจนำชีวประวัติของเขามาสร้างเป็นซีรีส์ขนาด 10 ตอน เรื่องล่าสุด ‘The Naked Director’ โดยนำเรื่องราวมาจากหนังสือ ‘Zenra Kantoku Muranishi Toru Den‘ ของ โนบุฮิโระ โมโตะฮาชิ
ใครคือโทรุ มูรานิชิ
โทรุ มูรานิชิ เกิดและเติบโตที่ฟุกุชิมะ หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมก็ย้ายมาอยู่ที่โตเกียว ทำงานเป็นเซลส์แมน เหมือนดังที่เราเห็นในตัวอย่างซีรีส์ ในช่วงต้นยุค 80s ซึ่งถือเป็นช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟูของญี่ปุ่น ที่ผู้คนมีกำลังซื้อมหาศาล และพร้อมจับจ่ายในราคาที่สูงเพื่อแลกกับคุณภาพที่ดีที่สุด มีอัตราการว่างงานเพียง 4% ซึ่งถือว่าต่ำมาก แต่โทรุ มูรานิชิ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพเซลส์แมนขายสารานุกรม ในขณะที่ตัวซีรีส์สร้างเรื่องราวการเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตหนังเอวีของของเขาไว้ว่าเกิดขึ้นเพราะภรรยานอกใจ (ซึ่งอาจจจะจริงหรือเป็นเพียงกิมมิคของหนังที่ต้องการหาจุดหักเหที่ดราม่า) แต่ในการเป็นเซลส์แมนขายสารานุกรมของเขานั้นก็ทำให้เขาได้เข้ามาทำความรู้จักและเข้าไปเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ และอุตสาหกรรมบันเทิง
โทรุ มูรานิชิ เข้าไปทำงานที่สตูดิโอ Crystal-Eizou ในปี 1984 ซึ่งเป็นสตูดิโอหนังเอวีที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาในปีนั้น ก่อนจะมีผลงานเดบิวต์เรื่องแรกในฐานะผู้กำกับในปี 1986 กับนักแสดงเอวีสาว คาโอรุ คุโรกิ ซึ่งต่อมากลายเป็นซูเปอร์สตาร์นักแสดงเอวีหญิงที่มีค่าตัวสูงที่สุดคนหนึ่งของวงการ
แต่ใช่ว่าก่อนการก่อตั้ง Crystal-Eizou ญี่ปุ่นจะไม่รู้จักหรือไม่มีหนังโป๊เลย อุตสาหกรรมหนังโป๊ญี่ปุ่นก่อตัวขึ้นในยุค 1960s เรียกว่า ‘Pink Film’ ซึ่งส่วนมากเป็นหนังทุนต่ำจากค่ายอิสระเล็กๆ อย่าง Daiei, Nikkatsu, Shochiku, Toei และ Toho ซึ่งจะเรียกว่าหนังโป๊ก็คงไม่ถูกต้องมากนัก เพราะเป็นหนังที่มีเรื่องราวการแสดงปกติเพียงแต่มีฉากเซ็กซี่วาบหวามอยู่ด้วยเท่านั้นเอง หรือจะเรียกว่าหนังอีโรติกก็ได้
ในปี 1971 บริษัทโซนี่ ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในขณะนั้นออกวิดีโอบันทึกเทปที่เรียกว่า U-Matic Video Cassette Recorder ซึ่งสามารถเล่นย้อนหลังได้หลังจากที่บันทึกภาพ แต่ด้วยความที่มีราคาสูงจึงยังไม่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมหนัง ใช้แต่เพียงในสตูดิโอโทรทัศน์ และงานจำพวกข่าว ในขณะที่อุตสาหกรรมบันเทิงของญี่ปุ่นในตอนนั้นก็กำลังสูญเสียตลาดให้กับหนังฮอลลีวูด ทาคาชิ อิตะโมชิ ประธานค่าย Nikkatsu ซึ่งเป็นสตูดิโอภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นจึงตัดสินใจลงทุนทำหนัง Pink Film เพื่อหาตลาดคนดูใหม่ๆ เปิดตัวด้วยซีรีส์เรื่องแรก ‘Apartment Wife’ ซึ่งเป็นหนังซอฟต์คอร์อีโรติกที่มีการลงทุนสูงไม่ต่างจากหนังทั่วไปและฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วไป ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งในแง่ตัวเงินและคำวิจารณ์ ทำให้ Nikkatsu หันมาทำหนังอีโรติกเพียงอย่างเดียว โดยมีหนังออกเฉลี่ยเดือนละ 3 เรื่องตลอด 17 ปี
การประสบความสำเร็จของค่าย Nikkatsu ที่หันมาเอาดีทางด้านหนังอีโรติกนี้ ทำให้ค่ายใหญ่ๆ ต่างก็เบนเข็มมาสู่ตลาดหนังอีโรติกเช่นเดียวกัน ทั้งค่าย Shintōhō Eiga และ Million Films แต่ค่าย Nikkatsu ก็ยังครองส่วนแบ่งในตลาดหนังอีโรติกสูงที่สุดของญี่ปุ่นกว่า 70% ตลอดยุค 1970s
การก่อตัวของวงการหนังเอวีญี่ปุ่น
ในปี 1972 ค่ายวิดีโอสามค่ายที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นทั้ง Nikkatsu, Toei Video และ Nihon Bikotte จับมือกันสร้างองค์กรเพื่อตรวจสอบและสร้างกฏเกณฑ์จริยธรรมในการสร้างหนังเอวี โดยใช้ชื่อว่า The Adult Video Independent Ethics Regulatory Cooperative (AVIERC) ซึ่งถือว่าเป็นก้าวสำคัญในวงการหนังเอวีญี่ปุ่นเลยทีเดียว ต่อมาในปี 1975 โซนี่ทำเทปคาสเซ็ตต์วิดีโอรุ่น Betamax ซึ่งถูกกว่ารุ่น U Matic ออกมา และขายให้แก่ประชาชนทั่วไปในการซื้อไปใช้ที่บ้านได้ด้วย แต่จุดเปลี่ยนจริงๆ เกิดขึ้นเมื่อปี 1976 ที่ JVC ออกวิดีโอคาสเซ็ตต์ที่เรียกว่า VHS ออกมา ซึ่งเปลี่ยนแปลงวงการวิดีโอทั้งในญี่ปุ่นและโลกนับจากนั้นเป็นต้นมา
ในปี 1977 องค์กร AVIERC เปลี่ยนชื่อเป็น Nihon Ethics of Video Association หรือ NEVA ได้ออกกฎให้หนังเอวีต้องทำภาพโมเสกปิดบริเวณของสงวนและขนในส่วนนั้นของชายและหญิง และต้องมีตราประทับขององค์กร NEVA จึงจะสามารถออกสู่ตลาดได้
ความนิยมและการแข่งขันในตลาดเอวีหรือหนังโป๊แบบวิดีโอเริ่มสูงขึ้นในช่วงต้นยุค 1980s อันเป็นผลพวงมาจากเครื่องเล่นวิดีโอเทปและวิดีโอคาสเซ็ตต์ VHS ของ JVC ทำให้หลายค่ายลงมาสู่สนามเอวีมากขึ้น ทั้งบริษัท Kuki Inc ที่ผลิตนิตยสารสำหรับผู้ใหญ่ก็เปิดตัวหนังเอวีเรื่องแรกของค่าย ดาราหนังโป๊ฮาร์ดคอร์เรื่องแรกของญี่ปุ่น (เรื่อง Daydream ในปี 1981 ของผู้กำกับ เท็ตสึจิ ทาเคชิ) ที่ฉายในโรงภาพยนตร์อย่าง เคียวโกะ อิโซเมะ ก็ลงมาเล่นหนังเอวี และกลายเป็นเอวีไอดอลคนแรกๆ ของวงการหนังเอวีเลยก็ว่าได้ มีค่ายใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่าง Cosmos Plan ค่าย Samm Video ที่ทำเอวีแบบ S&M ซึ่งกลายมาเป็นประเภทของเอวีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงต้นยุค 1980s แม้แต่ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Nikkatsu ก็ยังหันมาทำเอวีแบบ S&M
การเกิดขึ้นของวิดีโอคาสเซ็ตต์ VHS ทำให้ร้านเช่าวิดีโอเริ่มบูมมากขึ้นในญี่ปุ่น และเกิดค่ายเอวีเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งเกือบทุกค่ายก็เข้าร่วมองค์กร NEVA แทบทั้งสิ้น โดยหนังเอวีที่มีให้เช่าในร้านเช่าวิดีโอนั้นจะต้องมีตราประทับของ NEVA เสมอ ในปี 1982 เอวีเรื่อง ‘Ken-chan, the Laundry Man’ กลายมาเป็นเอวีที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยยอดขายกว่า 2 แสนม้วน ส่งผลให้อุตสาหกรรมหนังเอวีคึกคักมากขึ้น ทั้งการเดบิวต์ของดาราใหม่ๆ ร้านเช่าวิดีโอ และยอดขายคาสเซ็ตต์วิดีโอ VHS
ต่อมาในปี 1984 รูปแบบของวิดีโอคาสเซ็ตต์ VHS ก็ได้เผยแพร่ไปสู่สหรัฐอเมริกา ด้วยการนำเข้าของบริษัท Orchid International Company และในปีเดียวกันนี้ก็มีหนังเอวีแบบแอนิเมชั่นเรื่องแรกออกมาให้ดูจากค่าย Wonder Kids เรื่อง ‘Lolita’ ซึ่งได้รับความนิยมมากเสียด้วย ทำให้บริษัทใหญ่อย่าง Nikkatsu หันมาผลิตแอนิเมชั่นหรือการ์ตูนวิดีโอโป๊บ้าง
จุดเปลี่ยนวงการเอวีของญี่ปุ่น
ในปี 1984 เกิดค่ายใหม่ชื่อ Crystal-Eizou หลังจากนั้นไม่นานโทรุ มูรานิชิ ก็เข้ามาทำงานที่ Crystal-Eizou ในฐานะผู้กำกับ และในช่วงนั้นเองที่วงการหนังพิงก์ฟิล์มในโรงภาพยนตร์เริ่มตกต่ำ จากนโยบายอันเข้มงวดของคณะกรรมการการจัดเรตภาพยนตร์ของญี่ปุ่นหรือ Eirin
โทรุ มูรานิชิ คือคนตัดริบบิ้นคาโอรุ คุโรกิ ซึ่งต่อมากลายเป็นซูเปอร์สตาร์นักแสดงเอวีหญิงของวงการ ด้วยเอวีเรื่องแรก ‘Love of SM Poi’ ออกในเดือนตุลาคม 1986 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงสร้างชื่อให้ทั้งคาโอรุ คุโรกิและโทรุ มูรานิชิ เช่นเดียวกันกับค่ายน้องใหม่อย่าง Crystal-Eizou โดยเฉพาะ โทรุ มูรานิชิ ซึ่งถือว่านำความแปลกใหม่มาสู่วงการเอวีญี่ปุ่น นอกจากการทุ่มทุนสร้างแล้วยังรวมไปถึงสไตล์ของหนังที่มีกลิ่นอายความเป็นสารคดี ซึ่งกลายมาเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวของงานกำกับของเขา รวมไปถึงการเริ่มต้นของเทรนด์หนังเอวีในช่วงนั้นก่อนจะก่อรูปก่อร่างกลายมาเป็นคาแรกเตอร์ของหนังเอวีญี่ปุ่นที่โดดเด่นแตกต่างจากตะวันตกมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะการนำเอานักแสดงมานั่งสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวชีวิตเซ็กซ์ในช่วงต้น ก่อนจะตัดเข้าสู่เรื่องราวของหนัง ซึ่งจะได้เห็นได้ในหนังเกือบทุกเรื่องของคาโอรุ คุโรกิ และกลายเป็น ‘ขนบ‘ ของหนังเอวีญี่ปุ่นจากนั้นเป็นต้นมา
โดยเฉพาะเรื่อง Face Shower กับการที่ให้นักแสดงชายถึงจุดสุดยอดและปล่อยอสุจิบนใบหน้าของนักแสดงหญิง The Fuck Lunch หนังเอวีที่นำรายการอาหารของญี่ปุ่นมาล้อเลียน และ Conch Shell ว่าด้วยหญิงสาวกับการถึงจุดสุดยอดและการเป่าหอยสังข์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในยุคนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่กลายมาเป็นคาแรกเตอร์ของโทรุ มูรานิชิ และหนังเอวีญี่ปุ่นก็คือความรุนแรงที่เกิดขึ้นในหนังที่ยังมีความเป็นหนังสารคดีหรือมีเนื้อหาที่ถ่ายทอดเรื่องราวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการตกเป็นทาส การถูกบังคับข่มขืนหรือล่อลวง หรือแม้กระทั่งการเปิดเผยความรู้สึกทางเพศที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ของผู้หญิง
ยุคทองของหนังเอวีญี่ปุ่น
หลังจากประสบความสำเร็จในฐานะผู้กำกับจากค่าย Crystal-Eizou ที่มีทั้งชื่อเสียงและคดีความติดตัวมากมาย โทรุ มูรานิชิ ก็ออกมาเปิดค่ายของตัวเองในชื่อ Diamond Visual ในปี 1988 ซึ่งถือเป็นค่ายหนังเอวีที่ใหญ่ที่สุดในตอนนั้น โดย คาโอรุ คุโรกิ ก็ได้ลาออกจาก Crystal-Eizou แล้วตามโทรุ มูรานิชิ มาอยู่ที่ค่ายใหม่นี้ด้วย
หนึ่งในความสำเร็จของค่าย Diamond Visual และถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และตำนานของวงการหนังเอวีญี่ปุ่นก็คือ นักแสดงสาวคิมิโกะ มัตสึซะกะ ที่เดบิวต์กับค่าย Diamond Visual ด้วยเอวีเรื่อง Dekkai no, mekke! ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1989 และประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลทั้งยอดขายหลายพันก๊อปปี้ และส่งให้ชื่อของคิมิโกะ มัตสึซะกะ กลายเป็นดาวเอวีในที่สุดด้วยหน้าอกไซส์มโหฬาร หนังเอวีเรื่องที่สองของเธอ 1107 Millimeter Impression (ชื่อมาจากขนาดหน้าอกของเธอ) ก็กลายมาเป็นต้นกำเนิดซีรีส์ ‘Big Bust Boom’ ซึ่งกลายเป็นตำนานของหนังเอวีญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนั้นภายใต้วิสัยทัศน์ของโทรุ มูรานิชิ เจ้าของค่าย ก็ทำให้เกิดสไตล์แปลกใหม่ที่ได้รับความนิยมและกลายเป็นรูปแบบของหนังเอวีญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งการแสดงของคิมิโกะ มัตสึซะกะ ในเรื่อง Breast and Son ต้นแบบหนัง Milf ในปี 1989 เรื่อง Daugther!, Wanted Dead or Alive, Woman Doctor (แสดงเป็นหมอ), Pro Golfer Kimiko (แสดงเป็นนักกีฬากอล์ฟ), Newspaper Reporter (แสดงเป็นนักข่าว) หนังแต่ละเรื่องภายใต้ค่าย Diamond Visual สร้างเรื่องราวที่มากไปกว่าการประกอบกิจกรรมทางเพศ แต่ยังมีที่มาที่ไปของตัวละครและเรื่องราวในรูปแบบงานกึ่งสารคดี แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นหนังเมนสตรีมที่มีเรื่องราวตอนต้น จุดหักเห ตอนจบจริงๆ และนี่คือเอกลักษณ์ของหนังเอวีญี่ปุ่นภายใต้การสร้างสรรค์ของผู้ชายที่โทรุ มูรานิชิ
ภายใต้ความสำเร็จของซีรีส์ Big Bust Boom ทำให้บริษัทมีรายได้สิ้นปีสูงถึง 10,000 ล้านเยน หรือกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว ไม่เพียงแค่นั้นในช่วงปลายยุค 1980s จนถึงต้นยุค 1990s โทรุ มูรานิชิ ยังจับเอาสองซูเปอร์สตาร์คู่บุญของเขาทั้ง คาโอรุ คุโรกิและ คิมิโกะ มัตสึซะกะ มาแสดงร่วมกันในหนังเอวีรูปแบบใหม่ที่เน้นไปยังรูปแบบเทคนิคของการมีเซ็กซ์รวมไปถึงการใช้เซ็กซ์ทอย จนกลายเป็นอีกหนึ่งความฮิตของค่าย Diamond Visual และต้นแบบของหนังเอวีญี่ปุ่นอีกด้วย
จุดจบของ “ราชาหนังโป๊”
แต่ความสำเร็จก็อยู่ไม่นานนักเมื่อปี 1991 คาโอรุ คุโรกิ ประกาศลาออกจากวงการ ซึ่งสร้างผลกระทบให้กับค่าย Diamond Visual อย่างมหาศาล และในเดือนกุมภาพันธ์ 1992 โทรุ มูรานิชิ ก็ได้ประกาศสภาวะล้มละลายของบริษัท Diamond Visual ซึ่งมีหนี้สินสูงถึงกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไม่นานหลังจากนั้น คาโอรุ คุโรกิ ก็ประกาศลาวงการ ด้วยจำนวนหนังเอวีตลอดอาชีพการแสดงของเธอ 39 เรื่อง ซึ่งขายได้มากกว่า 6 แสนก๊อปปี้ และทำเงินไปกว่า 6,000 ล้านเยนเลยทีเดียว
ในช่วงยุค 1990s ซูเปอร์สตาร์ดาราเอวีหลายคนลาวงการเอวีไปสู่วงการโทรทัศน์เมนสตรีม พร้อมการเกิดขึ้นของค่ายหนังเอวีแบบอินดี้อีกมากมาย การมาของเทรนด์หนังในแบบเฟติช (Fetish) จำพวกเซ็กซ์ในที่สาธารณะและหนังถ้ำมอง โดยมีค่าย Shuttle Japan เป็นผู้นำตลาด และในปี 1995 ก็มีการผลิตกล้องวิดีโอออกมาพร้อมเครื่องเล่น ซึ่งก้าวเข้ามาแทนที่วิดีโอคาสเซ็ตต์แบบ VHS และตลาดการขายหนังเอวีในญี่ปุ่นก็เปลี่ยนไป เริ่มมีการผลิตแบบตามความต้องการมากขึ้น จนกระทั่งในปี 1990 ก็เกิดเว็บไซต์หนังเอวีออนไลน์ครั้งแรกซึ่งมาพร้อมการเติบโตของอินเทอร์เน็ต โดยบริษัท Hokuto Corporation และในปี 2001 ก็เกิดดาววงใหม่ในวงการเอวีที่ชื่อ ไอ คุโรซาวะ
หลังจากการล้มละลายโทรุ มูรานิชิ ผู้ซึ่งผลิตหนังเอวีมากว่า 3,000 เรื่อง นอนกับผู้หญิงมาแล้วกว่า 7,000 คน สร้างช่องทีวีดาวเทียมของตัวเองขึ้นมา ผลิตหนัง 15 เรื่องต่อเดือน โดยเขาเป็นทั้งผู้กำกับ นักแสดง โปรดิวเซอร์และช่างภาพเอง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ชื่อเสียงของโทรุ มูรานิชิ ในฐานะที่เป็น ‘ราชาหนังโป๊‘ ถูกนำไปสร้างเป็นสารคดีของช่อง 4 ในอังกฤษในชื่อ The Sex Shogun of Shinjuku ในปี 1995 เขาเองเคยไปร่วมแสดงหนังเรื่อง Renshin Joshikousei Patty ของค่าย V Cinema ในปี 2000 อีกด้วย และในปี 2014 ก็มีสารคดีชีวิตของเขาออกมาอีกครั้งในชื่อ Toru Muranishi: It Is Nice โดยผู้กำกับอะคิระ ทะคัตซึกิ ซึ่งฉายในงานเทศกาล New Directors Film Festival ในโตเกียว และล่าสุดกับซีรีส์ขนาด 10 ตอนจากเน็ตฟลิกซ์ในชื่อ The Naked Director ที่จะออกฉายในเดือนสิงหาคมนี้
อ้างอิง
http://www.boobpedia.com/boobs/Kimiko_Matsuzaka
https://www.wikiwand.com/en/Toru_Muranishi
https://www.wikiwand.com/en/Chronology_of_adult_videos_in_Japan
ภาพ : Netflix
Tags: หนังโป๊, เน็ตฟลิกซ์, หนังเอวี, โทรุ มูรานิชิ, The Naked Director, หนังโป๊ญี่ปุ่น