ไม่มีความ ‘หลง’ สิ่งที่เหลือคือความ ‘รัก’

ถึง คุณ, ผู้บอบบางเหมือนขนนก

ท่วงทำนองเพลงนี้ดังขึ้นเกือบทุกครั้งเวลาผมคิดถึงคุณ ผมหมายถึงสุดยอดเพลงแห่งความรวดร้าวแห่งยุค 90s ซึ่งแสดงถึงความต้อยต่ำของผู้มีความรักแต่ไม่ได้รับการแยแสอย่างเพลง Creep ของวงเรดิโอเฮด ในช่วงชีวิตของผมเพลงนี้นับเป็นหนึ่งในเพลงที่เป็นเพื่อนในยามเศร้าได้ดีที่สุดเพลงหนึ่ง

When you were here before,

Couldn’t look you in the eye,

You’re just like an angel,

Your skin makes me cry,

You float like a feather,

In a beautiful world,

I wish I was special,

You’re so fucking special.

เนื้อเพลงที่สะท้อนความสูงส่งของคนที่เรารักว่าช่างงดงามราวกับนางฟ้า ผิวสวยบอบบางจนต้องหลั่งน้ำตาให้ เธอลอยละล่องราวกับขนนกกลางเวหา โบยบินอยู่ในโลกที่สวยงาม และฉันหวังเพียงว่าฉันจะมีค่าพอ เพราะเธอช่างเลอค่าฉิบหายเลย ให้ตายเถอะ!

เหตุผลที่ชายหนุ่มนับพันนับหมื่น (ผมเป็นหนึ่งในนั้น) เปิดเพลงนี้แล้วตะโกนตาม ทอม ยอร์ก ในยามผิดหวังกับความรักเป็นเพราะเนื้อเพลงที่สะท้อนความรู้สึกในใจของพวกเราออกมาได้อย่างสวยงามและแสบสัน สาวๆ บางคนอาจรู้สึกเช่นนี้กับคนที่เขาหลงรักเช่นกัน

คุณแม่งโคตรพิเศษ ส่วนเราแม่งต่ำต้อย ไม่คู่ควรจะได้รับความรัก

สำหรับผม, คุณก็เป็นแบบนั้น

หากเราตกลงไปในหลุมที่กว้างมากจนเราไม่เห็นขอบของปากหลุม เราอาจไม่รู้ตัวว่าเรากำลังอยู่ในหลุมนั้น ต้องปีนขึ้นมาก่อนแล้วมองย้อนกลับไป จึงเห็นว่าที่แท้เราตกลงไปในหลุม

ผมกำลังพูดถึง ‘หลุมรัก’ ที่เขาชอบเรียกกัน

วันเวลาผ่านไป ผมหันกลับไปดูหลุมขนาดยักษ์ที่ตัวเองเคยตกลงไปจึงเข้าใจว่าในห้วงอารมณ์ ‘หลงรัก’ นั้นแท้ที่จริงมีสองสิ่งปะปนกันอย่างแนบเนียนจนเรานึกว่ามันเป็นสิ่งเดียวกัน นั่นคือ ‘หลง’ กับ ‘รัก’

อะไรกันที่ทำให้ผมมองเห็นคุณเป็นนางฟ้า ทั้งที่จริงคุณก็เป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาคนหนึ่ง ผมเองต่างหากที่ใส่แสงออร่าและประดับประดาความเจิดจรัสให้กับคุณ ผมเองต่างหากที่ยกย่องเชิดชูคุณและส่งคุณขึ้นไปล่องลอยอยู่บนฟ้า ผมเองต่างหากที่เพิ่มความอ่อนโยนให้กับคุณเสียจนเบาบางราวกับขนนก ผมทำสิ่งเหล่านั้นได้ และมองเห็นคุณเป็นเช่นนั้นจริงๆ ในห้วงแห่งความหลง (ไม่ใช่รัก)

ตัวคุณเองแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงกับวันก่อนหน้าที่เราจะรู้จักกัน แต่ตัวคุณในความรู้สึกของผมช่างเลอค่าสูงส่ง คุณเป็นแบบนั้นได้เพราะ ‘จินตนาการ’ ของผม สิ่งนี้เองเป็นองค์ประกอบสำคัญที่คอยหล่อเลี้ยงอาการหลง+รัก

หลง+รัก คือ หลงไปกับความรัก

ในห้วงของความหลง ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ไม่ว่าคุณจะชอบอะไร ไม่ว่าคุณจะโพสต์ข้อความหรือรูปอะไร ไม่ว่าคุณจะส่งสติกเกอร์อะไรมาในไลน์ ผมจะเชื่อมโยงทุกสิ่งอย่างเข้าหาตัวเองทั้งหมด และทั้งหมดนั้นจะสนับสนุนความน่ารักของคุณ ว่ากันว่าในห้วงรักโรแมนติก เราจะมองเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของคนที่เรารักที่คนอื่นมองข้ามไป แต่อันที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียทีเดียว เรามองเห็นในสิ่งที่คนอื่นก็เห็นนั่นแหละ แต่เราคิดในสิ่งที่คนอื่นคิดไม่ถึงต่างหาก เราใส่จินตนาการของตัวเองเข้าไปให้ความหมายกับสิ่งที่คนคนนั้นทำ ทั้งที่เขาอาจทำไปตามปกติ ในห้วงของความหลง เพียงเห็นคุณอ่านหนังสือเล่มเดียวกับที่ผมชอบ ผมก็สามารถเชื่อมโยงไปได้ล้านแปดว่าเราน่าจะได้นอนอ่านหนังสือด้วยกันบนสนามหญ้าใต้ร่มไม้สักแห่ง เอาหนังสือที่เราชอบมาแลกกันอ่าน เพราะรสนิยมน่าจะคล้ายกัน แล้วเราจะแลกหนังสือกันอ่านไปชั่วนิรันดร์

มันเป็นความฝันที่สวยงาม และภาพคุณในนั้นก็สวยงามราวกับคุณไม่จำเป็นต้องเข้าห้องน้ำขับถ่าย ราวกับคุณไม่เคยใช้นิ้วล้วงเข้าไปแคะขี้มูก ราวกับคุณไม่เคยผายลมในลิฟต์ ผมไม่มีทางนึกภาพอะไรแบบนั้นหรอก เพราะคุณไม่ใช่มนุษย์ คุณคือนางฟ้า

ยิ่งถ้าใครเป็นคนช่างสังเกต ก็ยิ่งสร้าง ‘ภาพฝัน’ ของคนรักขึ้นมาจากการเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ (คิดเองเออเอง) ได้สูงส่งและสวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้ตัวคุณสำหรับผมก็ไม่ใช่แค่สิ่งที่คุณเป็นจริงๆ อีกต่อไป แต่ผมรักคุณราวกับ ‘ภาพวาด’ ที่ผมลงมือสร้างขึ้นมา ผมสามารถมองดูภาพนั้นได้ไม่รู้เบื่อ หลงใหลเหมือนศิลปินเชยชมความงามของภาพที่ตัวเองสรรค์สร้าง และแต่งเติมภาพนี้ให้สวยขึ้นทุกวัน ทั้งที่คุณก็ใช้ชีวิตไปตามปกติเหมือนเดิม แต่คุณสวยงามขึ้นเรื่อยๆ ในจินตนาการของผม

นี่เอง ความรู้สึกของการหลง+รัก เราหลงไปว่าเรารัก ทั้งที่จริงเราเพียงสร้างภาพฝันบางอย่างมาตอบสนองความปรารถนาของเรา มันอาจเริ่มจากสิ่งที่คนคนนั้นเป็นจริงๆ เช่น คุณอาจเป็นแค่คนที่ชอบดูหนัง แต่ผมจินตนาการไปถึงขั้นว่า คุณจะมาพร้อมโลกมหัศจรรย์นับล้านใบ แล้วจะจูงมือผมเดินเข้าไปเที่ยวในโลกเหล่านั้น

‘ภาพฝัน’ ที่เราสร้างขึ้น แท้ที่จริงแล้วมันสะท้อนถึงสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต มันคือรูโหว่ที่ต้องการใครสักคนมาเติมเต็ม คนที่เราหลงรักจะมีคุณสมบัตินั้นหรือไม่ก็ตาม แต่เราได้ใส่จินตนาการให้เขามีสิ่งที่เราขาดหายไปอย่างล้นเหลือ เราจึงรัก ‘ภาพฝัน’ ของคนรัก เพราะเราสร้างขึ้นมาเองเสียจนตอบสนองความพร่องที่เราโหยหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อไรก็ตามที่เราหลง เรากำลังมองโลกไม่ตรงตามความจริง และยากมากที่จะเห็นความจริงอย่างที่มันเป็น ตราบที่เรายังไม่รู้ตัวว่ากำลังหลงอยู่

หลายครั้งความโหยหาในสิ่งที่ขาดหายกลับนำพาเราไปหลง+รักคนที่ไม่ได้เหมาะกับเรา หรือคนที่ ‘ไม่ใช่’ แต่ในห้วงนั้นเราไม่สนใจ เราต้องการเพียงเชื้อไฟบางอย่างที่จะจุดจินตนาการของเราขึ้นมา ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของนักเชื่อมโยงคนเก่งที่จะโยงใยทุกอย่างเข้าด้วยกัน กระทั่งเขากลายเป็นคนที่ ‘ใช่’ หรือ ‘โคตรใช่’ สำหรับเรา สิ่งเหล่านี้เกิดจากความหลงที่มีความต้องการเฉพาะหน้าในการชดเชยสิ่งที่เราขาดเท่านั้น มันเกิดขึ้นเร็ว รุนแรง และอาจจะลุกลาม ข้ออันตรายอยู่ตรงที่เรารัก ‘ภาพฝัน’ ของคนนั้นที่เราสร้างขึ้น ไม่ใช่ตัวเขาจริงๆ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาในภายหลัง เมื่อควันแห่งความหลงจางลง แล้วตัวเขาจริงๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าให้เห็นชัดๆ

ความหลงทำให้เราคิดไปเองว่าจะได้พบกับความรักและความสุขในอนาคตอันใกล้ คุณจะสอนผมดูดาวในแบบที่คุณชอบ เราจะเข้าห้องสมุดไปหยิบหนังสือที่เราชอบ แล้วนั่งอ่านด้วยกันเงียบๆ เหลือบมาจ้องตากันเป็นระยะ เราจะชวนกันไปดูหนังเทศกาลที่ผมดูคนเดียวมาตลอดชีวิต และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนี้แท้ที่จริงคือ ‘ความหวัง’ ซึ่งอาจไม่ตรงตามความจริง และนี่เองปัญหาของความหลง เพราะจินตนาการที่เราสร้างขึ้นเป็นจินตนาการทางเดียว คือผมคิดถึงคุณในแง่ดี สวยงาม มีความสุข เพียงด้านเดียว บางคนบอกว่าหากอยากหลุดจากห้วงหลง+รัก ให้ลองนึกภาพการใช้ชีวิตปกติดูบ้าง เช่น ตอนที่ต้องโหนรถเมล์ด้วยกันคนแน่นเหมือนปลากระป๋อง ตอนไปยืนรอแม่ค้าเฉือนกระดูกหมูในตลาดสด ตอนที่ต้องซักเสื้อยืดของคนที่เรารัก หรือถ้าโดนใครตามตื๊อมากๆ ก็ลองชวนเขาไปทำกิจกรรม ‘ชีวิตจริง’ เหล่านี้ เผื่อจะช่วยเยียวยาจากอาการหลงอยู่ในภาพฝันได้บ้าง

เพราะความจริงไม่สวยงามขนาดนั้น คุณเองก็ไม่ได้สวยงามแบบที่ผมวาดขึ้นมา

นี่เองสิ่งที่น่ากลัวสำหรับความหลง ความสวยงามเกินจริงเป็นสิ่งน่ากลัว เพราะมันทำให้เราผิดหวังได้ง่าย เจ็บปวดจากภาพฝันของเราเอง นอกจากนั้นบางครั้งมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำเกินจริง และเธอผู้นั้นก็สูงส่งเกินจริง ความหลงทำให้ความรักของเราคับแคบ เพราะเราวาดภาพคนรักให้ต้องเป็นแบบนี้ และนั่นทำให้เขาทำตัวลำบาก เพราะเขาต้องตอบสนอง ‘ภาพฝันสวยงาม’ ของเรา นำไปสู่ความอึดอัด จนบางครั้งเขาเลือกที่จะแสดงออกในทางตรงกันข้าม ก็คือทำตัวแย่ๆ ใส่เพื่อทำลายภาพฝันให้พังลงไปเสียเลย จะได้จบๆ กันไป เหมือนที่คุณเคยพยายามทำกับผมไง

ความหลงเป็นเรื่องสวยงามสำหรับผู้หลง แต่อาจเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับผู้ถูกหลง ความหลงจึงไม่ส่งผลดีต่อความรัก สิ่งที่ดีกว่าคือการวางแว่นตาที่ผิดเพี้ยนในการมองนางฟ้าหรือเทพบุตรเหล่านั้นลง มองเห็นเขาตามความเป็นจริงมากขึ้น แทนที่จะรักในภาพฝันที่ตัวเองวาดขึ้นมา เราควรจะรักในสิ่งที่เขาเป็นจริงๆ ทั้งด้านสวยงามและด้านอัปลักษณ์

ก็จริงอยู่ รักคือการมองเห็นด้านสวยงามที่คนอื่นมองข้าม แต่ขณะเดียวกัน รักก็คือการโอบรับความอัปลักษณ์ที่เขาปกปิดต่อคนอื่น และยินดีเปิดเผยให้เรารับรู้ แต่กว่าที่ใครคนหนึ่งจะยินดีเผยด้านไม่สวยงามหรือรอยแผลเป็นให้อีกคนหนึ่งเห็นได้ เขาคงต้องแน่ใจเสียก่อนว่าคนคนนี้ไม่ได้รักเราด้วย ‘ภาพฝัน’ ที่วาดขึ้นมาเอง แต่มองเห็นเราตามที่เราเป็นจริงๆ

เราไม่มีทางรักคนที่หลงเรา เรารักคนที่รักเราตามความจริง

หากเรากำลังหลงใคร เราก็ควรรู้ว่าเราไม่มีวันได้รับความรักกลับมา เราเพียงมีความสุขและเคลิ้มไปกับจินตนาการที่เสกสร้างขึ้นมาเอง จินตนาการนี้บางทีนำไปสู่ความเจ็บปวดไม่ต่างจากสิ่งที่ ทอม ยอร์ก ครวญผ่านเพลง Creep เป็นเรานั่นเองที่ทำให้เขาสูงส่งเกินจริง เป็นเรานั่นเองที่เพิ่มระยะห่างระหว่างเขากับเรา

ความรักมันจริงกว่านั้น คนไม่ได้รักกับนางฟ้าหรอก คนไม่ได้รักกับเทพบุตรหรอก

คนรักกับคน มนุษย์เดินดินที่มีทั้งดีและร้าย ทั้งสวยงามและอัปลักษณ์ แต่เรายอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น เปิดกว้าง และเรียนรู้จากกัน

รักไม่ใช่ ‘จินตภาพ’ มันคือ ‘มิตรภาพ’

หันกลับไปมองหลุมที่ผมเคยตกลงไป ผมดีใจที่ขึ้นมาจากหลุมนั้นได้ และต้องขอบคุณคุณด้วยที่ช่วยกันพาผมขึ้นจากหลุมแห่งความหลงที่ผมขุดขึ้นเอง ขอบคุณที่ฉุดผมออกจากภาพฝันสู่ความจริงที่คุณเป็น ความจริงที่ผมควรจะเป็น และความจริงของมิตรภาพ

ขอบคุณที่สอนผมว่า ความรักไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเป็นคู่รักกันเสมอไป

ขอบคุณที่ทำให้ผมเห็นว่าความสัมพันธ์นั้นมีหลายเฉดสี

ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกันจนถึงวันนี้

สำหรับผม, วันนี้คุณไม่ได้เป็นนางฟ้าอีกต่อไป แต่คุณคือมนุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์แบบที่คอยอยู่ข้างๆ ผมเสมอในวันที่ผมอ่อนแอ และผมก็จะเป็นมนุษย์ประเภทนั้นสำหรับคุณเช่นกัน

เมื่อไม่มีความ ‘หลง’ สิ่งที่เหลือคือความ ‘รัก’ – ผมเห็นสิ่งนั้นชัดเจนเหลือเกิน

ภาพประกอบ: Suminkgy

Tags: , ,