แมวเป็นสัตว์ที่ใครๆ ก็ให้ความรักความเอ็นดู เวลาที่เราได้เอื้อมมือไปสัมผัสขมนุ่มๆ ของมันนั้นช่างชวนให้ผ่อนคลาย หรือแม้แต่การเกาคางให้มันแล้วมองดูใบหน้าเคลิ้มๆ ก็ยังช่วยให้เราสบายใจได้ แมวอยู่ร่วมกับมนุษย์ในหลายๆ เมืองของโลก ไม่ว่าจะในฐานะสัตว์เลี้ยง เจ้านาย หรือประชากรร่วมโลก

ผลจากงานวิจัยบอกว่าการเลี้ยงสัตว์สามารถเยียวยาความรู้สึกเราได้ด้วย ไม่ว่าจะเพื่อบรรเทาความเหงาหรือป้องกันโรคซึมเศร้า สัตว์เลี้ยงเช่นสุนัขหรือแมว เป็นเพื่อนสี่ขาที่สร้างความรักความอบอุ่นให้แก่เรา แม้จะไม่มีผลการศึกษาใดยืนยันว่ามันช่วยบำบัดโรคได้มากน้อยเพียงใด แต่เราก็เชื่อว่าความน่ารักของพวกมันจะเรียกรอยยิ้มจากเราได้เสมอ ดังนั้นจงมาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงร้องเหมียวๆ และบรรดาแมวที่จะจู่โจมความรักใส่คุณแบบไม่ทันตั้งตัว!

Rent-a-Cat (2012)

ความเหงากำลังระบาด และเป็นปัญหาระดับชาติของหลายประเทศ บางผลงานวิจัยบ่งชี้ว่าความรู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยวสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่วันละ 15 มวน มิหนำซ้ำเมื่อนานวันเข้ามันอาจก่อตัวเป็นความโดดเดี่ยวทางสังคมซึ่งนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่นๆ ภาพยนตร์ Rent-a-Cat ก็เป็นภาพยนตร์ที่มีความเหงาเป็นแกนกลางอยู่เช่นกัน

ภาพยนตร์นี้เป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับหญิง นาโอโกะ โอจิกามิ ซึ่งภาพยนตร์ทั้งหมดของเธอได้รับการจัดประเภทเป็น ‘iyashi-kei eiga’ หรือ ภาพยนตร์ที่ให้การบำบัดทางอารมณ์ เนื้อเรื่องที่ดำเนินไปเรื่อยๆ นั้นน่าผ่อนคลายเกินกว่าจะน่าเบื่อ

ซายาโกะ สาวโสดที่ใช้ชีวิตตัวคนเดียว แต่กลับมีแมวนับสิบภายในบ้าน เธอมีแรงดึงดูดให้แมวเข้าหามากกว่าดึงดูดคนเสียอีก ซายาโกะสูญเสียคุณยายไป นั่นทำให้เธอรู้สึกเปลี่ยวเหงากับโลกใบนี้อยู่พอสมควร แต่ช่องว่างนั้นก็ถูกเติมเต็มด้วยแมวๆ ทั้งหลายที่เข้ามาคลอเคลียและใช้พื้นที่ร่วมกับเธอ 

ซายาโกะเข้าใจถึงจิตใจคนอื่นที่ต้องอยู่อย่างว้าเหว่ดี เธอจึงเริ่มบริการให้เช่าแมวในราคา 1,000 เยน การให้บริการนี้ทำให้เธอได้เจอกับคนมากหน้าหลายตา และพวกเขาก็มีความโดดเดี่ยวในแบบต่างๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นหญิงชราที่อาศัยในบ้านตามลำพัง เพื่อรอความตายอย่างสงบสุข หรือนักธุรกิจที่ต้องอยู่ห่างจากครอบครัว เจ้าแมวน้อยจะช่วยเข้ามาถมช่องว่างในหัวใจให้เต็มตื้นขึ้นมาอีกครั้ง

ในวันที่อ่อนล้า ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถปลอบประโลมเราได้ ความอบอุ่นเล็กๆ น้อยๆ ในความทรงจำ ยามที่เคยสัมผัสขนนุ่มๆ ของพวกแมวจะผุดพรายขึ้นมา เสียงร้องเหมียวๆ หรือใบหน้ายามหลับตานั้นช่วยให้ลืมความทุกข์ไปได้ชั่วขณะ ไม่น่าเชื่อว่าพวกแมวที่เอาแต่ใจจะทำให้เราสบายใจได้ถึงเพียงนั้น

Inside Llewyn Davis (2013)

ภาพยนตร์จากฝีมือสองผู้กำกับรางวัลออสการ์ โจเอล และ อีธาน โคเฮน เล่าเรื่องราวหนึ่งสัปดาห์ในชีวิตของเลวิน เดวิส โดยตัวละครนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเดฟ แวน รองก์ ศิลปินเพลงโฟล์คในยุค 60s ชื่อภาพยนตร์นี้ก็มาจากชื่ออัลบั้มของเขา นั้นคือ Inside Dave Van Ronk

ในการให้สัมภาษณ์ อีธานกล่าวว่า “แมวเป็นฝันร้าย ครูฝึกเตือนเราแล้ว และเธอก็พูดถูก” สุนับชอบที่จะทำให้คุณพอใจ ส่วนแมวชอบที่จะเอาแต่ใจตัวเองเท่านั้น “ขณะที่ถ่ายทำเรามีฟุตเทจแมวจำนวนมากที่ทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการให้พวกมันทำ ถ้ามีตลาดเราคงเอาฟุตเทจไปขายได้”

เลวิน เดวิส เป็นศิลปินแนวโฟล์กซองไส้แห้ง เขามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างลุ่มๆ ดอนๆ และไม่เคยประสบกับความสำเร็จ เขาเทียวอาศัยไปพักบ้านคนนั้นทีคนนี้ที เงินที่หามาได้ก็มีอย่างจำกัดจำเขี่ย แล้วไหนจะนิสัยส่วนตัวที่ไม่ค่อยจะรับผิดชอบต่ออะไรเท่าไรนัก เขารู้ว่าตัวเองใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้แน่ๆ เขาจึงเดินทางไปยังชิคาโก โดยหิ้วเจ้าแมวสีส้มไปด้วยอย่างไม่ตั้งใจ ซึ่งมันเป็นแมวของครอบครัวกอร์ไฟน์

ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ เลวินก็ต้องพบกับความฝันที่สลายลงอีกครั้ง ต่อให้เขาเล่นได้น่าประทับใจอย่างไร มันก็ไม่ไปไกลกว่าความจริงที่ว่าแนวเพลงที่เขาเล่นนั้นขายไม่ได้ บางทีเขาก็คิดว่าควรเลือกเส้นทางอื่น แต่ว่าเขาก็มาไกลเกินกว่าจะเปลี่ยนใจตัวเองแล้ว จิตวิญญาณของเขายังอยู่กับสิ่งที่ได้เลือกมาตลอดถึงจะบอบช้ำมากี่ครั้งก็ตาม 

ภาพยนตร์ดำเนินไปเรื่อยๆ ด้วยความราบเรียบ แต่ก็ตรึงเราไว้กับเส้นทางชีวิตห่วยๆ ของเลวิน ที่เราทั้งไม่เอาใจช่วยหรือทับถม เขามีอีโก้สูงเกินกว่าจะได้รับความสงสาร แต่ก็แบกรับความผิดหวังมากกว่าเราจะบ่ายหน้าหนี ชีวิตมันก็แบบนี้ ไม่ใช่ทุกความพยายามจะประสบสำเร็จ จังหวะของเวลาก็ส่วนหนึ่ง โชคก็ส่วนหนึ่ง และเราก็ส่วนหนึ่ง 

A Street Cat Named Bob (2016)

ภาพยนตร์นี้ดัดแปลงมาจากหนังสือขายดีของเจมส์ โบเวน ชายที่อดีตเคยเป็นคนไร้บ้านและติดยาเสพติด จนเขาได้พบกับบ๊อบ เจ้าแมวสีส้มที่มีส่วนเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิต และเจ้าบ๊อบในหนังสือนี้แหละที่มารับบทเป็นนักแสดงในเรื่องด้วย

เรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องจริงของเจมส์ โบเวน ชายหนุ่มที่มีเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็ก เขารู้สึกไม่มีที่ทางของตัวเองจนเข้าไปสู่โลกของยาเสพติด เจมส์เสพยาสารพัดชนิด และไม่สามารถหลุดออกจากวังวนนั้นได้ กระทั่งครอบครัวใหม่ของพ่อก็ยังไม่ยอมรับ และในที่สุดเขาก็ต้องออกจากบ้านมาอาศัยอยู่ข้างถนน

เจมส์หาเลี้ยงปากท้องด้วยการเป็นนักดนตรีเปิดหมวก ได้เงินบ้างไม่ได้เงินบ้าง สิ่งหนึ่งที่เขาพยายามอย่างหนักคือการเลิกขาดจากยาเสพติด นักสังคมสงเคราะห์ที่ดูแลเขารู้สึกเห็นใจจึงให้เขาเข้าไปพักที่แฟลตแห่งหนึ่ง แล้วเขาก็ได้พบกับบ๊อบ แมวหลงทางที่เข้ามาพักพิงจนกลายเป็นส่วนหนึ่งกับเขา

ทีแรก เจมส์พยายามจะไล่บ๊อบไป แต่มันกลับติดเจมส์จนตามไปด้วยทุกที่ เวลาเขาไปเล่นดนตรีเปิดหมวก บ๊อบก็ไปนั่งเฝ้า จากนั้นผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาก็เริ่มให้ความสนใจเขามากขึ้นๆ ตอนเจมส์ไปประกอบอาชีพอื่น บ๊อบก็ยังเคียงข้างไม่ไปไหน พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ นับแต่นั้นชีวิตเจมส์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากจะกล่าวว่าบ๊อบเป็นแมวนำโชคก็คงไม่ผิดนัก

สิ่งที่เจมส์ได้เรียนรู้จากบ๊อบคือมิตรภาพและความรับผิดชอบ เมื่อมีเพื่อนคู่หูและแรงใจ มันก็สามารถนำพาให้เขารู้จักต่อสู้ จนเอาชนะปัญหาต่างๆ เพื่อก้าวเดินต่อไปได้ การเห็นคุณค่าในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ เป็นแรงผลักที่ดีในย่างก้าว เป็นแรงดึงดูดให้สิ่งดีๆ เข้ามา ขอให้เราทุกคนค้นหาสิ่งนั้นให้เจอ

Kedi (2016)

ภาพยนตร์สารคดีตุรกีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแมวจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในเมืองอิสตันบูล แมวทุกตัวมีอิสระ แต่ขณะเดียวกันก็อยู่กับชาวเมืองอย่างเป็นครอบครัว ผู้กำกับตั้งใจให้สารคดีเรื่องนี้เป็นจดหมายให้กับแมวและเมือง มันประสบความสำเร็จทั้งในแง่รายได้และคำวิจารณ์ 

ตามประวัติศาสตร์ เมืองอิสตันบูลเป็นเมืองที่ผูกพันกับแมวมาอย่างยาวนาน พวกมันไม่ใช่แมวจรจัดหรือสัตว์เลี้ยง แต่คล้ายเป็นประชากรส่วนหนึ่งของเมือง ตามย่านชุมชนจะเต็มไปด้วยถาดอาหาร บางแห่งมีบ้านแมววางไว้ให้มันมาพักผ่อน เป็นที่ซุกตัวนอนในวันอากาศหนาว และไม่ว่าแห่งหนไหนก็พร้อมเปิดประตูต้อนรับพวกมัน ทั้งร้านอาหาร สุเหร่า และบ้านเรือน 

แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเกิดมาชอบแมว แน่นอนว่าในบรรดาชาวเมืองมากมาย ย่อมต้องมีคนที่ไม่ชอบอยู่บ้าง ซึ่งไม่ว่าอย่างไร แมวก็เป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของพวกเขาไปแล้ว การเติบโตมาในเมืองนี้ แมวก็แทบไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วๆ ไปที่ใช้ชีวิตอยู่ ไม่รู้ว่าสำหรับแมวแล้วมนุษย์เป็นอะไรกันแน่ แต่สำหรับมนุษย์อย่างเรา แมวก็เป็นสัตว์ที่หลายคนพร้อมจะเข้าหาอยู่เสมอ ถึงมันจะเอาแต่ใจ เราก็รักความเอาแต่ใจนั้น

Kedi จึงเป็นการมองเมืองผ่านสายตาแมว พฤติกรรมของมันเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ บางครั้งทำตัวเป็นเพื่อน บางครั้งทำตัวเป็นเจ้านาย บางครั้งกลายเป็นแมวขโมย บางครั้งกลายเป็นเพื่อนคลายเศร้า ผู้ให้สัมภาษณ์บางคนบอกว่าการลูบคลำแมวช่วยให้ผ่อนคลายเหมือนดั่งลูกปัดอธิษฐาน แต่ต้องระวังถ้าคุณเลี้ยงแมวตัวอื่นอยู่ เพราะมันจะได้รับความอิจฉาและความเศร้า

สารดคีนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงเมืองที่กำลังตกอยู่ในการสูญเสียพื้นที่ เนื่องจากการพัฒนาตึกรามบ้านช่อง ซึ่งเป็นการคุกคามพื้นที่ของแมวทั้งหลาย แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงเสียนอกจากว่าผู้ที่ยังคงอยู่จะปรับตัวกับมันอย่างไร…

The Traveling Cat Chronicles (2018)

ภาพยนตร์ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง Tabineko Ripoto เขียนโดยฮิโระ อาริคาวา ตีพิมพ์ในปี 2011-2012 ในนิตยสารรายสัปดาห์ Shukan Bunshun โดยเรื่องนี้ผู้เขียนนวนิยายยังได้รับหน้าที่เขียนบทร่วมกับนักเขียนบท เอมิโกะ ฮิรามัตสึ ด้วย

ก่อนที่จะถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ เรื่องนี้ยังเคยถูกดัดแปลงเป็นละครเวทีมาก่อนในปี 2013 และสร้างเป็นละครวิทยุในปี 2014

เจ้า ‘ทอม’ แมวที่เป็นหนึ่งในตัวละครหลักตัวนี้ผ่านการออดิชั่นมาจากแมวนับร้อย ทอมเป็นแมวสายพันธุ์เซลเกิร์ก เรกซ์ ลักษณะคือมีศรีษะกว้างและเป็นทรงกลม ขนหยิกทั่วร่าง และมีลักษณะนิสัยสนุกสนาน ไม่ชอบการถูกปล่อยไว้ตามลำพัง ไม่ค่อยสร้างปัญหา

ซาโตรุ ชายหนุ่มที่มีหัวใจอบอุ่น เขาได้เจอกับนานะ เจ้าแมวจอมหยิ่งโดยบังเอิญ แต่เดิมนานะไม่ค่อยเป็นมิตรกับใครเท่าไร ซึ่งเมื่อได้เจอกับซาโตรุ นานะก็เปลี่ยนไป มันกลายมาเป็นแมวที่อาศัยอยู่ในหลังคาเดียวกันกับเขา ซาโตรุให้ความเป็นห่วงและความรักกับนานะเสมอมานับแต่วันแรก นับจากนั้นเป็นระยะเวลากว่าห้าปี ซาโตรุก็มีเหตุจำเป็นต้องหาบ้านใหม่ให้นานะ การเดินทางที่มาพร้อมกับความทรงจำจึงเริ่มขึ้น

ซาโตรุแวะเวียนไปหาเพื่อนเก่ามากหน้าหลายตา ไหว้วานให้ช่วยเลี้ยงเจ้านานะ โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริง แล้วอดีตของวาโตรุก็ค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามา ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัว เพื่อนฝูง รักแรก และแมวตัวแรก บางทีนานะอาจเป็นแมวตัวสุดท้ายที่เขาจะผูกพันด้วยก็เป็นได้ แต่มันเพราะอะไรกันละ?

ภาพยนตร์ถูกเล่าออกมาอย่างอบอุ่น แฝงไว้ด้วยอารมณ์ขัน และความหวัง แม้ว่าระหว่างทางนั้นจะเรียงรายไปด้วยความเศร้า อย่างไรเสียชีวิตก็คือการเดินทางไปข้างหน้า เราจะติดอยู่กับความหลังบ้างก็ได้ แต่อย่านานจนเกินไป

Tags: , , ,