บางคนอาจคิดว่าภาพยนตร์ขาวดำช่างดูจืดชืด เพราะทั้งไร้สีสันและคงเป็นภาพยนตร์เก่าๆ ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่คุณอาจคิดผิด เพราะนอกจากบางเรื่องจะกลายเป็นภาพยนตร์คลาสสิกตลอดกาล พล็อตหลายๆ เรื่องก็ยังมาก่อนกาล ทั้งทำได้ครบรสไม่แพ้ภาพยนตร์ใหม่ๆ เลย นอกจากนั้นการจัดแสงหรือฉากต่างๆ ในเรื่องก็ยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากภาพยนตร์สีอีกด้วย

จริงอยู่ที่ภาพยนตร์ขาวดำก็มีหลากหลายประเภทไม่ต่างจากภาพยนตร์สี แต่ที่เรายกมาวันนี้คือภาพยนตร์รักขาวดำที่จะมาละเลงสีสันให้ชีวิต และเติมเต็มสีมชมพูเข้าไปในหัวใจ หากหัวใจคุณกำลังมัวหม่นจดจำลิสต์นี้ไว้ให้ดี

 

It Happened One Night (1934)

รักวุ่นๆ ของยัยตัวร้ายที่ขึ้นหิ้งเป็นภาพยนตร์คลาสสิกและกวาดรางวัลออสการ์มาได้ถึงห้า รางวัล ถ้ามาดูในปัจจุบันเราอาจจะเห็นว่าภาพยนตร์ดูเชยไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นเพียงการแต่งกายที่เป็นไปตามยุคสมัยเท่านั้น เพราะเรื่องราวสนุกๆ แบบทั้งรักทั้งชังจะหยอกหัวใจเราจนเคลิ้มตามเลยทีเดียว

It Happened One Night เป็นเรื่องราวของเอลลี แอนดรูวส์ ลูกสาวเศรษฐีขี้เอาแต่ใจ เธอแต่งงานกับเจ้าชายเวสต์ลี่ย์โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากพ่อ และพ่อของเธอเองก็ไม่ชอบเจ้าชายคนนี้สักเท่าไร เขาจึงบีบบังคับให้ลูกสาวยกเลิกงานแต่งนั้นซะ แล้วมาแต่งงานกับคนที่พ่อหามาให้ และในระหว่างการเดินทางโดยเรือโดยสาร เอลลี่กับพ่อก็เริ่มมีปากเสียงกันหนักขึ้น เธอจึงตัดสินใจโดดลงจากเรือและว่ายน้ำหนีหายไป เธอตั้งใจจะหลบหนีพ่อไปให้ถึงนิวยอร์กเพื่อกลับไปหาเจ้าชาย แต่เรื่องก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะพ่อของเธอก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อพาเธอคืนมาเช่นกัน

บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค เอลลี่ก็มาพบเข้ากับปีเตอร์ วอร์น หนุ่มนักข่าวหนังสือพิมพ์เจ้าเล่ห์ที่กำลังหาข่าวเพื่อเขียนส่งหนังสือพิมพ์อยู่ ในทันทีที่เขารู้ว่าเธอเป็นใคร เขาก็ได้วางแผนจะเขียนเรื่องราวของเธอ การผจญภัยของหญิงสาวผู้มีความรัก แต่ด้วยเหตุการณ์ทั้งหลายตามรายทาง เขากับเธอก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาเข้า จนความชิงชังในทีแรกแปรเปลี่ยน และเปลี่ยนแปลงหัวใจให้ขยับเข้าหากัน ในคืนที่พายุขังพวกเขาเอาไว้ มันได้หมุนวนความรู้สึกบางอย่างจากไป พร้อมกับแทนที่ด้วยอีกความรู้สึกหนึ่ง

เราจะได้เห็นมุมน่ารักๆ ของทั้งคู่แม้จะเถียงคำไม่ตกฟากกันอยู่ตลอด และความสุภาพบุรุษที่อยู่ภายใต้หน้ากากของนัก (กระหาย) ข่าว และเมื่อสุดท้ายแล้วเอลลี่ได้พบกับเจ้าชายเวสต์ลี่ย์ ความจริงข้อหนึ่งก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลง เธอมีเจ้าของอยู่แล้ว เรื่องราวจะจบลงเช่นไร? เพราะความถูกต้องอาจเป็นคนละเรื่องกับความต้องการของหัวใจ

 

The Philadelphia Story (1940)

มักมีใครบางคนคร่ำครวญอยู่เสมอเรื่องการแต่งงานของคนรักเก่า พวกเขาอาจจะยินดีหรือเฉยชา อาจจะยังทำใจไม่ได้หรือลืมไปแล้ว แต่หากได้ยินข่าว ลึกๆ มันจะไปกระตุ้นส่วนหนึ่งในอดีตให้ฉายภาพเก่าๆ กลับมา ถ้ารักนั้นจบลงด้วยดี คุณอาจได้บัตรเชิญมาเพื่อแสดงมิตรภาพ แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างเจ็บช้ำจากกัน มันก็จะมีแค่ข่าวคราวการแต่งงานที่ลอยมากับสายลม

The Philadelphia Story เล่าเรื่องการแต่งงานครั้งใหม่ของเทรซี่ ลอร์ด สาวสังคมชั้นสูงที่หย่าขาดกับสามีมาแล้วสองปี เธอกำลังจะแต่งงานใหม่กับจอร์จ คิทเทรดจ์ ผู้เพียบพร้อมไปเสียทุกด้านและบูชาเธอยิ่งกว่าสิ่งใด เรื่องราวคงจะราบรื่นไปด้วยดีถ้าสามีเก่าตัวแสบไม่เข้ามาวุ่นวายด้วย ช่วงเวลาก่อนจัดงานแต่งงานเพียงไม่กี่วันก็เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นกับเทรซี่มากมาย เทรซี่เริ่มสับสนมากขึ้นทุกทีว่าจริงๆ แล้วตัวเองต้องการอะไรกันแน่ และการต้องอยู่ร่วมกับผู้ชายที่เข้ามาพัวพันกับเธอถึงสามคนก็ทำให้เธอไหวหวั่นจนไม่อยู่กับร่องกับรอย

งานแต่งงานจะยังจัดขึ้นหรือไม่ เจ้าบ่าวจะเป็นใคร เธอจะได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์ครั้งนี้บ้าง ท่ามกลางความกดดันเธอจะเติบโตขึ้นมากน้อยเพียงใด ระฆังวิวาห์จะก้องกังวานหรือถูกปลดลง…

บทบาทของเทรซี่ ลอร์ด นำแสดงโดยแคทารีน เฮปเบิร์น ซึ่งเธอได้รับรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมถึง 4 ครั้ง และใน The Philadelphia Story เธอก็แสดงได้อย่างมีเสน่ห์และน่าดึงดูด เป็นจุดรวมความสนใจทั้งของคนในจอและนอกจอ แต่นักแสดงคนอื่นๆ ก็มีเสน่ห์ในตัวเองไม่แพ้กัน เพราะทุกตัวละครล้วนแสดงได้อย่างธรรมชาติ แม้บางครั้งจะดูประดักประเดิด แต่มันก็ชวนให้ขบขันอย่างที่ภาพยนตร์ต้องการให้มันเป็น

 

Casablanca (1942)

ภาพยนตร์รักอมตะที่ได้รับการยกย่องให้เป็นบทภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในวงการภาพยนตร์ จากการโหวตในตำแหน่ง 101 Greatest Screenplays ซึ่งในปีที่ออกฉาย Casablanca ก็คว้ารางวัลออสการ์มาถึงสามรางวัล และแม้เวลาจะมามากว่า 75 ปีแล้ว แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงถูกพูดถึงอยู่เสมอ คาเฟ่ที่จำลองร้านที่ปรากฏในภาพยนตร์ก็ยังคงมีผู้คนไปเยี่ยมเยือนอย่างไม่ขาดสาย

เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ริค เบลน ชายหนุ่มที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปได้มาเปิดไนต์คลับอยู่ที่คาซาบลังกา เมืองท่าทางตอนเหนือของโมร็อกโก ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมผู้ลี้ภัยจากทั่วยุโรปไว้ และผู้คนส่วนใหญ่อยู่ในระหว่างการรอวีซ่าเพื่อไปสู่ดินแดนแห่งใหม่ที่ชื่ออเมริกา ริคใช้ชีวิตในวันแต่ละวันอย่างเหนื่อยหน่าย เขาไม่ใช่ผู้ชายร่าเริง ไม่ค่อยแคร์ใคร และมีอดีตอันเจ็บปวดที่เก็บซ่อนไว้ ธุรกิจของเขาไปได้สวย เขาทำงานเก่ง ใช้คนเป็นและรู้จักเข้าหาคนที่สามารถหยิบยื่นประโยชน์ให้เขาได้

แต่แล้ววันหนึ่งสถานการณ์ในชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป เอลซ่า ลินด์ คนรักที่ทำเขาหัวใจสลายได้ก้าวเข้ามาในเมืองแห่งนี้ พร้อมกันนั้นเธอมากับวิคเตอร์ ลาซโล คนรักคนใหม่ เขาเป็นผู้นำฝ่ายต่อต้านนาซีที่กำลังหนีจากการจับตัวของทหาร เอลซ่าและวิคเตอร์ต้องการวีซ่าเพื่อลี้ภัยไปยังอเมริกา และริคคือคนที่สามารถช่วยพวกเขาได้ แต่ด้วยหัวใจที่สับสนและเจ็บช้ำ เขาจะช่วยผู้หญิงที่เคยรักหรือเปล่า? ตลอดทั้งเรื่องริคคือชายคนที่เราไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย

นี่คือภาพยนตร์รักโรแมนติกที่เข้มข้นไปด้วยเรื่องการเมือง เปี่ยมอุดมการณ์ และเต็มไปด้วยการเสียสละ มีทั้งการตัดสินใจครั้งสำคัญ การพาตัวเองก้าวไปข้างหน้า การเติบโตทางความรู้สึก การยอมรับอดีตและการตระหนักถึงสิ่งที่กำลังจะตามมา ทุกช่วงเวลาของภาพยนตร์จะเข้าไปตราตรึงอยู่ในใจ ทุกห้วงเวลาของตัวละครจะเข้ามาทำปฏิกิริยากับความรู้สึกคนดู

 

Roman Holiday (1953)

ออเดรย์ เฮปเบิร์น คือหญิงสาวที่ใครต่อใครต่างพากันตกหลุมรักแค่เพียงได้เห็นหน้า และหากเมื่อได้ดูการแสดงของเธอแล้ว โลกที่เคยมองว่าหม่นหมองก็ดูจะสว่างสดใสขึ้นมาทันตา Roman Holiday เป็นภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ที่ออเดรย์เจิดจรัสที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้เธอได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคว้าไปอีกสองรางวัล ได้แก่ รางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์และสาขาออกแบบเครื่องแต่งกาย

Roman Holiday ถ่ายทอดเรื่องราวของเจ้าหญิงแอนที่จะต้องไปเยือนประเทศต่างๆ ในยุโรป และเมื่อมาถึงกรุงโรม เจ้าหญิงแอนก็เริ่มจะหมดความอดทนกับชีวิตในวังและเบื่อ

หน่ายภารกิจที่ต้องทำมากขึ้น ครั้นพอดื้อรั้นมากเข้า ผู้ดูแลพระองค์จึงขอให้หมอฉีดยาเพื่อให้เธอสงบสติอารมณ์ หลังจากฉีดยาไม่นานเจ้าหญิงแอนแอบหนีออกมาจากวังและยาก็เริ่มค่อยๆ ออกฤทธิ์ทำให้เธอไปนอนหลับอยู่ข้างถนน บังเอิญว่านักข่าวอย่างโจ แบรดลีย์ มาพบเข้าและเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้หญิงสาวที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมานอนอย่างโดดเดี่ยวเช่นนั้นได้ เขาจึงพาเธอกลับอพาร์ตเมนต์ของตน วันต่อมาโจค้นพบความจริง จึงวางแผนที่จะทำข่าวจากสถานการณ์นี้ และเมื่อเธอตื่น เขาก็ทำทีอาสาเป็นไกด์พาเที่ยว ต่างคนต่างปิดบังตัวตนของตัวเองเอาไว้ จนเกิดเป็นความรู้สึกดีๆ และตกหลุมรักกันในที่สุด

นอกจาก Roman Holiday จะแจ้งเกิดให้กับออเดรย์ เฮปเบิร์น แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังทำให้ยอดขายเวสป้าปีนั้นพุ่งทะลุถึง 100,000 คัน

 

The Apartment (1960)

ไม่ว่าใครก็อยากมีการงานที่ดีและความมั่นคงในชีวิต และสำหรับบางคนเขายิ่งทะเยอทะยานเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้นมาในเร็ววัน อาจจะด้วยความสามารถ เส้นสาย หรือการแลกเปลี่ยน ด้วยทางที่ถูกหรือทางที่ผิด เพราะผลลัพธ์ที่ได้ก็คงไม่ต่างกัน อย่างไรมันก็จะพาเราขึ้นไปสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่ต่างกันคือคุณค่าในตัวเราเองต่างหาก ทั้งที่คนอื่นมอบให้และที่เรามอบให้ตัวเอง

เรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นกับ ซี.ซี. แบ็กซ์เตอร์ พนักงานบริษัทประกันชีวิตในมหานครนิวยอร์ก เขาเป็นชายหนุ่มที่ยังไม่มีบ้าน ยังไม่ได้แต่งงาน และโสด อาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งไม่ไกลนักจากที่ทำงาน แล้วเรื่องชุลมุนก็เริ่มต้นขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว บรรดาผู้บริหารแผนกต่างๆ พร้อมใจกันมาขอ (ความช่วยเหลือ?) ใช้อพาร์ตเมนต์ของเขาเป็นที่พักพิงชั่วคราว พาทั้งชู้รักหน้าเก่าและหน้าใหม่มาหลับนอนด้วยไม่ว่างเว้นแต่ละวัน กุญแจถูกส่งไปมือต่อมือ แลกเปลี่ยนกับการให้แบ็กซ์เตอร์ได้มีหน้าที่การงานที่ดีขึ้น ขยับจากพนักงานธรรมดาไปเป็นผู้บริหาร แล้ววันนั้นก็มาถึง เขาได้เลื่อนขั้นพร้อมกับรับรู้ความลับที่ทำลายหัวใจเขา เมื่อค้นพบว่าพนักงานหญิงซึ่งมีหน้าที่กดลิฟต์ชื่อ แฟรน คูเบลิค ที่เขาหลงรัก เป็นชู้รักของหัวหน้า

เรื่องอาจจะยังดูวุ่นวายมากไม่พอ ภาพยนตร์จึงเพิ่มเหตุการณ์ให้ชวนปวดหัวยิ่งขึ้น คูเบลิคกินยานอนหลับเพื่อฆ่าตัวตาย เพราะเธอรู้สึกผิดหวังกับความรักจนเกินทน ชายที่เธอรักแต่งงานและมีครอบครัวที่สมบูรณ์อยู่แล้วและเขาก็ไม่พร้อมจะหย่าร้างเสียที แต่โชคดีที่ ซี.ซี.แบ็กซ์เตอร์มาช่วยไว้ทัน เธอจึงรอดตายมาได้

ความรักที่ทับซ้อนกันนี้จะจบลงเช่นไร พวกเขาจะหาทางออกให้หัวใจตัวเองกันได้หรือไม่ ทำไมความรักถึงได้ว้าวุ่นขนาดนี้ แต่ถึงเรื่องราวจะวุ่นวายมากแค่ไหน เราก็ตกหลุมรักพล็อตเรื่องทั้งหมดอย่างหมดหัวใจ และเสียงปืน (?) ในฉากสุดท้ายจะนำพาชีวิตหนึ่งให้จากไป แต่มันชีวิตใครกันล่ะ!?

Tags: , ,