เป็นที่ทราบกันดีว่า วันที่ 11 เดือน 11 มีจุดตั้งต้นมาจากวันคนโสด (Singles’ Day) ของประเทศจีน แต่ภายหลังวันคนโสดได้ถูกแทนที่ให้เป็นเทศกาลแห่งการช้อปปิ้งทั่วภูมิภาคเอเชีย ผ่านการผลักดันของ แจ็ก หม่า (Jack Ma) ซีอีโอของอาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) เหมือนฝั่งสหรัฐอเมริกามี Black Friday โดยแพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์และบรรดาแบรนด์สินค้าต่างๆ จะพากันจัดโปรโมชันลดกระหน่ำ จนทำเงินได้มหาศาลภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
ปีที่ผ่านมา อาลีบาบา และ JD.com สองบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน สามารถทำยอดขายรวมได้กว่า 1.15 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ทว่าปี 2021 ต่างออกไปจากเคย เมื่อเทศกาล 11.11 ไม่ต่างอะไรจากวันธรรมดาวันหนึ่ง เนื่องจากภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซของประเทศกำลังตกอยู่ภายใต้การคุมเข้มของรัฐบาลจีน
เมื่อต้นปี 2021 รัฐบาลจีนได้ประกาศนโยบายเพิ่มความเข้มงวดทางกฎหมายเพื่อควบคุมภาคส่วนที่มีความสำคัญ เช่น วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วัฒนธรรมและการศึกษา ทั้งยังตั้งเป้าจะรับมือกับกิจการผูกขาดทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมไปถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซด้วย โดยในเดือนเมษายน อาลีบาบาต้องจ่ายค่าปรับมูลค่ากว่า 2,750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังทางการจีนสอบสวนพบว่า ทางบริษัทได้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบมานานหลายปีจากการครอบงำตลาด
ดังนั้น เทศกาล 11.11 จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกหลักเกณฑ์พิเศษสำหรับเทศกาล 11.11 เพื่อเตือนแพลตฟอร์มถึงการอ้างสิทธิ์ที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับส่วนลดหรือประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ การบิดเบือนยอดขาย และการขายผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด
แต่ทางอาลีบาบา บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ ก็ปรับกลยุทธ์เบื้องต้นด้วยการเปลี่ยนเทศกาลที่จบภายในวันเดียว ให้ขยายออกเป็นโปรโมชัน 11 วัน ที่เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และสิ้นสุดในวันที่ 11 แทน ขณะที่ผู้ค้าปลีกและแพลตฟอร์มบางแห่งเสนอส่วนลด โปรโมชันพิเศษ และขายล่วงหน้าไปตั้งแต่เดือนตุลาคม
สื่อของจีนรายงานว่า ปีนี้กิจกรรมส่งเสริมยอดขายน้อยลง และแม้ว่าความตื่นเต้นจะยังคงอยู่ แต่ความคึกคักในหมู่บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อ่อนกำลังลงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนในเรื่องของผลกระทบกับยอดขาย แม้อาลีบาบาจะเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน หลายร้อยแบรนด์เปิดตัวได้แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2020 แต่ไม่ได้บอกเป็นข้อมูลในเชิงตัวเลขใดๆ จึงไม่สามาถสรุปได้แน่ชัดว่านโยบายของทางการส่งผลต่อรายได้ช่วงเทศกาล 11.11 ที่เคยทำได้มากน้อยขนาดไหน ทว่าการตรวจสอบอย่างเข้มงวดของรัฐบาลส่งผลให้อาลีบาบา, เทนเซ็นต์ และ JD.Com สั่นคลอนไปแล้ว จากการเสียมูลค่าหุ้นเป็นหลักพันล้านเหรียญสหรัฐฯ และไม่แน่ว่า เทศกาล 11.11 ของจีนอาจเงียบเหงากว่านี้มากขึ้นในอนาคต
ที่มา
https://www.japantimes.co.jp/news/2021/11/12/national/politics-diplomacy/handout-public-poll/
https://www.bbc.com/thai/international-58222119
Tags: China, Alibaba, 1111, JD