ในทุกเช้าหลังตื่นนอน ก่อนเริ่มงาน หรือระหว่างวัน ‘ชาเขียว’ หรือมัทฉะ กลายเป็นเครื่องดื่มขวัญใจใครหลายคน ทั้งรสชาติที่ดื่มง่าย ช่วยให้ตื่นตัว และเรียกความสดชื่น แถมมีประโยชน์มากมายจนขึ้นแท่นเครื่องดื่มมาแรง และเป็นเครื่องดื่มที่สายสุขภาพแนะนำ
อย่างแรกเลยมัทฉะและชาเขียวมาจากต้นตระกูลชาประเภทเดียวกัน (Camellia Sinensis) แต่ต่างกันในแง่ของกระบวนการผลิต วิธีการผลิต ซึ่งชาเขียวมาในรูปแบบใบชาแห้ง มัทฉะมาในรูปแบบของการบดเป็นผงละเอียด ทว่ามัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า
แล้วการดื่มชาเขียวหรือมัทฉะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานอย่างไรบ้าง
-
ตื่นตัวแต่กระทบการนอนน้อยกว่า
แม้ว่าในชาเขียวและมัทฉะมีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่ากว่ากาแฟ ซึ่งมัทฉะ 1 แก้ว มีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 35-40 มิลลิกรัม ส่วนกาแฟ 1 แก้ว จะมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 90-100 กรัม ซึ่งแต่ละเครื่องดื่มมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน อย่างกาแฟจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัวได้หลังดื่มภายในเวลา 15-30 นาที เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า และมอบความตื่นตัวไปอีกสักพัก แต่เมื่อคาเฟอีนหมดฤทธิ์ลงอาจส่งผลให้กลับมาง่วงซึมและต้องดื่มกาแฟเพิ่มได้
ขณะที่ชาเขียวและมัทฉะ แม้จะมีคาเฟอีนน้อยกว่าแต่ก็สามารถช่วยให้ร่างกายตื่นตัวสดชื่นได้ และเป็นไปในลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าจะไม่รู้สึกตื่นตัวในทันที แต่ฤทธิ์นั้นยาวนานกว่ากาแฟ จึงไม่จำเป็นต้องดื่มหลายแก้วต่อวัน
-
เพิ่มโฟกัสการทำงาน ลดความเครียด แถมช่วยเรื่องความจำ
งานวิจัย Effect of Green Tea Phytochemicals on Mood and Cognition โดย คริสติน่า ดีทซ์ (Christina Dietz) และ มัทไธส์ เด็คเคอร์ (Matthijs Dekker) พบว่า คาเฟอีนสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่ต้องใช้สมาธิเป็นเวลานานๆ ทำให้รู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง และมีพลังแม้จะได้รับในปริมาณต่ำเพียง 40 มิลลิกรัมเท่านั้น
นอกจากนี้ ในชาเขียวยังมีแอลธีอะนีน (L-Theanine) ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดทำให้สงบ และช่วยเพิ่มความสามารถในการสลับโฟกัสระหว่างงาน โดยสรุปแล้ว แอลธีอะนีน ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและช่วยเรื่องความจำ ขณะเดียวกันก็ช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย
-
ตื่นตัวแต่ผลกระทบการนอนไม่มาก
มีงานวิจัยระบุว่าเมื่อเวลาผ่านไป 5-6 ชั่วโมง คาเฟอีนประมาณครึ่งหนึ่งหลังจากที่เราดื่มจะยังคงค้างอยู่ในร่างกาย และหลังจากนั้นอีก 10-12 ชั่วโมง จะมีคาเฟอีนหลงเหลืออยู่ 25% นักวิทยาศาสตร์ด้านการนอนหลับ แมตต์ วอล์คเกอร์ (Matt Walker) อธิบายไว้ว่า แม้บางคนจะสามารถดื่มเอสเพรสโซหลังอาหารเย็นแล้วนอนหลับได้ปกติ แต่คาเฟอีนสามารถลดระยะเวลาการนอนหลับลึก ( Deep Sleep) ทำให้ตื่นเช้ามาแล้วยังรู้สึกไม่สดชื่นได้ จึงสรุปได้ว่า การดื่มชาตลอดทั้งวันสามารถให้ผลกระตุ้นที่คล้ายกับกาแฟ แม้ว่าจะมีปริมาณคาเฟอีนที่ต่ำกว่า แต่รบกวนการนอนน้อยกว่า
-
สดชื่น แถมผ่อนคลาย
ในชาเชียวมีแอลธีอะนีน (L-Theanine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ทราบกันดีว่ามีผลต่อสภาวะทางจิตใจร่างกาย ซึ่งผลงานวิจัยชื่อ Green tea effects on cognition, mood and human brain function: A systematic review จาก เอเดล แมนชินี (Edele Mancini), คริสตอฟ เบกลิงเกอร์ (Christoph Beglinger), ยือเกน เดรเว (Jürgen Drewe), ดาวิเด ซานชี (Davide Zanchi), อันดีน อี แลง (Undine E Lang) และ สเตฟาน บอร์กวาร์ดท์ (Stefan Borgwardt) ระบุว่าชาเขียวช่วยลดความวิตกกังวล ช่วยเพิ่มความจำและสมาธิ ช่วยเรื่องการทำงานของสมอง เช่น กระตุ้นการทำงานของความจำระยะสั้น ซึ่งเห็นได้จากผลการสแกน functional MRI (fMRI)
อย่างไรก็ตาม หากไม่ต้องการให้มีผลกระทบด้านการนอนหลับควรหลีกเลี่ยงการบริโภคคาเฟอีน รวมไปถึงคนที่ร่างกายไวต่อคาเฟอีนเช่นกัน นอกจากนี้ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรลดการบริโภค และคาเฟอีนไม่เหมาะกับเด็กเล็ก
ที่มา:
– https://www.bbc.co.uk/food/articles/tea_versus_coffee
– https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/28899506/
– https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/28056735/
– https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/16930802/
Tags: กาแฟ, Work Tips, ง่วง, ชาเขียว, มัทฉะ, ประสิทธิภาพงาน, คลายเครียด