ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไรว่าในเมืองไทยมีแฟนกราฟิกโนเวล Valerian and Laureline ของสองผู้สร้าง ปิแอร์ คริสแตง (แต่งเรื่อง) กับ ฌอง-โคลด เมอซิแอร์ส (วาดภาพ) มากน้อยแค่ไหน
มองอย่างร้ายสุดๆ เอาแบบเบะปากมองบน คือไม่มีฐานแฟนคลับเลย แต่ต่อให้มีแฟนเดนตายในไทยจริงๆ คิดว่ายังไงก็คงไม่มากเท่าเหล่า Superheros and the Gangs จากค่ายคอมิกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Marvel หรือ DC แน่ๆ เพราะขนาด เดน เดอฮาน พระเอกของเรื่อง ยังบอกเลยว่า “ไม่ใช่ทุกคนที่เคยได้ยินหนังสือการ์ตูนเรื่อง Valerian”
ส่วนนางเอกของเรื่องอย่าง คารา เดอลาวีญ หนักกว่า เมื่อเธอบอกว่า “ไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ แต่ที่ตลกคือจำนวนคนที่เข้ามาหาฉันแล้วบอกว่า ‘โอ้ พระเจ้า เธอได้เล่น Valerian’ มีคนรู้จักหลายคนเคยอ่านเรื่องนี้ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
นั่นหมายความว่าน่าจะยังมีคนที่ไม่รู้จัก Valerian and Laureline กราฟิกโนเวลขึ้นหิ้งจากยุโรปต้นแบบของภาพยนตร์ Valerian and the City of a Thousand Planets ของผู้กำกับมือดีอย่าง ลุค แบซง อยู่มากพอสมควร
เอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักภาพยนตร์ชื่อย้าวยาว Valerian and the City of a Thousand Planets ที่ต่อไปนี้จะเรียกสั้นๆ แค่ Valerian (ส่วนกราฟิกโนเวลจะเรียก Valerian and Laureline) กันสักหน่อย เพื่อเพิ่มอรรถรสในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม
Start Up!
อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่า Valerian and the City of a Thousand Planets ไม่ใช่ผลงานออริจินัลของ ลุค แบซง แต่เป็นงานสร้างสรรค์ของสองรุ่นใหญ่อย่าง ปิแอร์ คริสแตง และ ฌอง-โคลด เมอซิแอร์ส ที่เขียน Valerian and Laureline ตอนแรกออกมาเมื่อ 50 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้น ลุค แบซง ยังเป็นเด็กน้อยวัย 8 ขวบ
ตอนแรกของ Valerian and Laureline ตีพิมพ์ใน Pilote นิตยสารคอมิกสัญชาติฝรั่งเศสในปี 1967 เล่าเรื่องราวการผจญภัยของ ‘วาเลรีน’ เจ้าหน้าที่พิเศษประจำหน่วยท่องอวกาศและกาลเวลา กับคู่หูสาวสวยอย่าง ‘ลอเรลีน’ โดยทั้งคู่มีหน้าที่ปกป้องจักรวาลจากอะไรก็ตามที่มีความมุ่งร้าย โดยภารกิจแต่ละตอนจะมีเรื่องราวและวัฒนธรรมของมนุษย์ต่างดาวแทรกเข้ามามากมาย จนอาจเรียกว่าเป็นสารานุกรมสิ่งมีชีวิตต่างดาวขนาดย่อยๆ ได้เลย
เรื่องราวคร่าวๆ ของ Valerian and Laureline ก็มีประมาณนี้ แต่ถ้าอยากลงดีเทล เราแนะนำสุดตัวให้ไปหามาอ่าน เพราะทุกตอนที่ ปิแอร์ คริสแตง กับ ฌอง-โคลด เมอซิแอร์ส เขียนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1967 จนถึงปี 2010 พวกเขาได้แทรกประเด็นทางสังคม การเมือง ความเท่าเทียมทางเพศ สิ่งแวดล้อม และประเด็นเข้มๆ ปลีกย่อยเอาไว้มากมาย จนรู้สึกว่าหากเรียก Valerian and Laureline เป็นกราฟิกโนเวลวิทยาศาสตร์และสังคม น่าจะลงตัวกว่า
ลุค แบซง ผู้กำกับฯ Valerian เล่าว่า “ผู้หญิงคนแรกที่ผมตกหลุมรักน่าจะเป็นลอเรลีน เธอเก๋าและเต็มไปด้วยอิสระ เป็นฮีโร่สาวที่ทันสมัยมากในยุคนั้น ผมคลั่งเธอจริงๆ ส่วนวาเลเรียนก็เจ๋งเหมือนกัน แต่อาจจะขี้เก๊กไปหน่อย เขามักจะคิดว่าตัวเองเจ๋งที่สุดอยู่เสมอ แต่ยังดีที่มีลอเรลีนคอยเบรก ผมชอบความสัมพันธ์ของสองคนนี้ตั้งแต่แรกอ่าน มันเป็นแรงผลักดันผมยิ่งกว่ายานอวกาศหรือมนุษย์ต่างดาวเสียอีก”
50 Years Later
ถึงแม้ ลุค แบซง จะยอมรับว่าตนเองเป็นแฟนเดนตายของ Valerian and Laureline มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย แต่เชื่อเถอะว่าไอเดียเปลี่ยนกราฟิกโนเวลเรื่องนี้ให้เป็นภาพยนตร์ น่าจะเกิดขึ้นไม่เกินหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา
เพราะขนาดตอนทำ The Fifth Element (1997) ลุค แบซง ได้ร่วมงานกับ ฌอง-โคลด เมอซิแอร์ส นักวาดภาพจาก Valerian and Laureline และมักถูกถามมาตลอดการทำงานด้วยกันว่า “ทำไมคุณถึงสร้างหนังงี่เง่าเรื่องนี้ (The Fifth Element)? ทำไมถึงไม่เอา Valerine มาสร้าง?”
แต่ตอนนั้นผู้กำกับฯ ชาวฝรั่งเศสทำได้แค่ตอบว่า “มันเป็นไปไม่ได้” เพราะการสร้างหนังที่มีตัวละครส่วนใหญ่เป็นเอเลียนกว่า 1,000 ชนิด จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงเอามากๆ
จนกระทั่งเมื่อเขารู้สึกว่าพร้อมที่จะสร้าง Valerian เป็นภาพยนตร์เมื่อราว 8-9 ปีก่อน ขณะที่พัฒนาบทไปได้ประมาณหนึ่ง เขาก็ได้รับเชิญจาก เจมส์ คาเมรอน ให้เข้าไปเยี่ยมกองถ่าย Avatar ภาคแรก เพราะเห็นว่ากำลังจะทำภาพยนตร์ไซไฟเหมือนกัน น่าจะมีอะไรแลกเปลี่ยนกันได้
แต่เมื่อ ลุค แบซง ได้เห็นการทำงานและเทคโนโลยีในกองถ่าย Avatar เขาก็แทบจะปาบทในมือทิ้งเดี๋ยวนั้น เพราะเมื่อเทียบกับการทำงานของ เจมส์ คาเมรอน สิ่งที่เขามีตอนนั้นก็ไม่ต่างจากเด็กหัดเดิน ยังดีไม่พอจะเดินไปขอทุนกว่า 197 ล้านยูโรมาสร้างภาพยนตร์ สุดท้าย เขาจึงถอยไปตั้งหลัก ก่อนจะกลับมาอีกครั้งอย่างมั่นคงและเชื่อมั่นในปี 2012
Valerian and the City of Thousand Planets
เรื่องราวของ Valerian ฉบับภาพยนตร์ก็ไม่ต่างจากเวอร์ชั่นกราฟิกโนเวลมากนัก โดย ลุค แบซง เลือกเอาเนื้อหาใน Ambassador of the Shadows (กราฟิกโนเวล เล่มที่ 6) ซึ่งเล่าถึงภารกิจหลักที่คู่หูวาเลเรียนและลอเรลีนต้องรับหน้าที่ปกป้องราชทูตของโลกจากการประชุมการเมืองระดับจักรวาล
ลุค แบซง กล่าวถึงการเลือก Ambassador of the Shadows มาเป็นแกนหลักของเรื่องว่า “ถ้าคุณได้อ่าน Ambassador of the Shadows คุณจะรู้สึกว่าเป็นตอนที่เล่าเรื่องเหมือนหนังมาก อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างวาเลเรียนและลอเรลีน ที่สำคัญ เนื้อเรื่องส่วนนี้ยังเปิดโอกาสให้คนดูใช้จินตนาการคิดตามได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะมีเอเลียนจำนวนนับไม่ถ้วนให้ทำความรู้จัก ผมเลยคิดว่าตอนนี้คือจุดเริ่มต้นที่ดีมาก”
เรื่องราวของ Valerian เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 28 เมื่อวาเลเรียน (เดน เดฮาน) และลอเรลีน (คารา เดอลาวีญ) เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษขององค์การปกครองเขตแดนมนุษยชาติที่มีเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จในการทำงานร่วมกัน 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งสองคนได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการให้ปฏิบัติภารกิจเสี่ยงอันตรายในมหานครอัลฟา เมืองที่รวมสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ทั่วทั้งจักรวาล ก่อนจะค้นพบภัยร้ายที่จ้องทำลายล้างมนุษย์โลกและจักรวาล ทำให้ทั้งสองคนต้องช่วยกันหยุดยั้งสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ลุค แบซง กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราสร้างประวัติศาสตร์ของอัลฟาขึ้นมาอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ยุค 70s ไปจนถึงปี 2135 จากสถานีอวกาศที่สร้างขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างอเมริกา รัสเซีย สหภาพยุโรป และจีน ทำให้สถานีอวกาศแห่งนี้ขยายใหญ่ขึ้น ต่อมาในปี 2200 เป็นครั้งแรกที่เอเลียนต้องการมาเยือนเราที่นี่ พอเผ่าพันธุ์แรกมา เผ่าพันธุ์ที่สองก็ตามมา ศตวรรษต่อมา มันกลายเป็นศูนย์รวมทุกเผ่าพันธุ์ในจักรวาล เมื่อมันใหญ่ขึ้น ก็เลยต้องผลักมันออกจากวงโคจรของโลก เพราะทุกคนกลัวว่าสักวันมันจะตกลงมา เจ้าสถานีนี้เลยโคจรเข้าสู่ใจกลางจักรวาล เรื่องราวของวาเลเรียนและลอเรลีนเกิดขึ้น 500 ปีหลังจากนี้ ในยุคที่สถานีอวกาศแห่งนี้มีชีวิตกว่า 18 ล้านชีวิตจาก 8,000 สายพันธุ์อยู่ร่วมกัน”
Other Species
ความน่าตื่นตาตื่นใจของ Valerian ที่โดดเด่นมาตั้งแต่สมัยเป็นกราฟิกโนเวล คือการออกแบบเอเลียนแต่ละเผ่าพันธุ์ได้อย่างมีเอกลักษณ์และมีสตอรีเฉพาะตัว จนหยิบเอามาสร้างเป็นภาพยนตร์ได้หลายเรื่องเลยทีเดียว ซึ่งเรามีคาแรกเตอร์เอเลียนที่น่าสนใจมาแนะนำให้รู้จัก
คอร์ตาน ดาร์ฮุค – เอเลียนเผ่าแรกที่มาเยือนอัลฟาเมื่อปี 2154 เป็นเอเลียนตัวแรกที่ ลุค แบซง เลือกเมื่อห้าปีก่อน เป็นเผ่าแรกที่ผูกมิตรกับมนุษย์ด้วยสันติ มีการแบ่งปันภูมิปัญญาให้กันและกัน แต่เป็นเผ่าพันธ์ุที่พูดไม่เก่ง และสังเคราะห์แสงได้แบบพืช
อิกอน เซอร์รัส – สลัดอวกาศสุดโหดไร้ความปรานี เพียงแค่ชื่อก็สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับทุกสายพันธุ์ในอวกาศ
โบรโมซอว์ส – เป็นอสุรกายขนาดยักษ์ใต้พื้นทะเลกาลานาบนนครอัลฟา ระบบหายใจของมันกรองน้ำให้กลายเป็นโฟมบริสุทธ์ที่ปล่อยออกมาบนหัวคล้ายรูพ่นน้ำของวาฬ ขั้นตอนกลั่นบริสุทธิ์ดึงดูดสัตว์ที่อ่อนแอกว่าแต่มีพลังพิเศษอย่าง แมงกะพรุนไมเลีย ซึ่งอาศัยอยู่บนหัวของโบรโมซอว์ส เพราะต้องอยู่ในน้ำที่บริสุทธิ์เท่านั้น พวกมันตอบแทนโดยใช้ความสามารถในการอ่านใจช่วยให้โบรโมซอว์สสื่อสารกับสัตว์อื่นได้
โอมีไลต์ส – สายพันธ์ุที่ผสมระหว่างเซลล์อินทรีย์และอะตอมโลหะ พวกเขาเป็นโปรแกรมเมอร์ชั้นเซียน พัฒนาเผ่าพันธุ์โดยใช้ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บวกกับความสามารถในการสื่อสารผ่านความคิดกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ พวกเขารับผิดชอบในการทำให้นครแห่งดวงดาวนับพันมีเทคโนโลยีล้ำยุคและความปลอดภัย
คอนเวอร์เตอร์ – สิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก แต่มีความสามารถใหญ่เกินตัว คือกลืนกินสิ่งต่างๆ แล้วใช้ระบบย่อยในร่างกายทำการก็อปปี้สิ่งนั้นออกมาเป็นจำนวนมหาศาล
Tags: คารา เดอลาวีญ, Valerian and Laureline, ปิแอร์ คริสแตง, ฌอง-โคลด เมอซิแอร์ส, Star Wars, Valerian and the City of Thousand Planets, เจมส์ คาเมรอน, Ambassador of the Shadows, เดน เดฮาน