หากย้อนกลับไปราวช่วงต้นทศวรรษ 2000 กระแสวง ‘บอยแบนด์’ และแนวเพลง ‘T-POP’ ในประเทศไทย ล้วนได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงอย่างล้นหลาม ด้วยเอกลักษณ์ของตัวศิลปิน ท่าเต้นอันแปลกใหม่ และท่วงทำนองสุดฮิตติดหู ทว่าด้วยวัฏจักรความชอบของนักฟังที่มาเร็วไปเร็วจนน่าใจหาย ทำให้คลื่นความนิยมในตัวศิลปิน และแนวเพลงดังกล่าวซบเซาลงไปตามกาลเวลา ขณะที่กระแสของแนวเพลง K-POP กลับเข้ามาตีตลาดเพลงไทยแทนที่

อย่างไรก็ดี ตลอด 1-2 ปีมานี้ ดูเหมือนว่ากระแสความนิยมในแนวเพลง T-POP จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังค่ายเพลงอย่าง XOXO Entertainment ได้เปิดตัววงเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ 4EVE กระทั่งปลายปี 2021 นักฟังทั้งหลายจะได้รู้จักวงบอยแบนด์นามว่า ‘ATLAS’ (แอทลาส) ที่ประกอบด้วยเด็กหนุ่มศักยภาพเปี่ยมล้นและมีคาแรกเตอร์สุดโดดเด่นทั้งเจ็ดคน ได้แก่ มิวอ้อน, เออร์วิน, แทด, ไนซ์, ภูมิ, เจ็ท และจูเนียร์

“ในวันที่มืดมิดไม่มีแม้หนทาง Burnin like fire ส่องไปสุดทาง”

ไม่ช้าที่วงบอยแบนด์น้องใหม่วงนี้ทำการเปิดตัว พวกเขาก็ได้ส่งซิงเกิลทั้งแนว Hip Hop Dance Electronic อย่าง ‘MAYDAY MAYDAY’ มาเขย่าวงการ T-POP จนผู้ฟังสามารถรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่น ความกล้า และความเชื่อที่จะเดินตามทางความฝันของตัวเอง โดยมีผลลัพธ์เป็นจำนวนยอดวิวทะลุล้านวิวภายในไม่กี่อึดใจ พร้อมกับบรรดากลุ่มแฟนคลับที่คอยเอาใจเชียร์พวกเขาอยู่ตลอด

The Momentum มีโอกาสได้คุยกับวง ATLAS หลังพวกเขาปล่อยซิงเกิลใหม่ล่าสุดที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศความเหงาท่ามกลางฤดูฝน ในชื่อเพลงว่า ‘คุยแก้เหงา’ (Mr.Lonely) รวมไปถึงเคล็ดลับความสำเร็จ เส้นทางศิลปินในฐานะบอยแบนด์น้องใหม่ และความฝันที่อยากจะเห็นวงการ T-POP โด่งดังมากกว่าแค่ในประเทศ

หมายเหตุ – บทสัมภาษณ์เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่แทดและภูมิสมาชิกของวงอีก 2 ราย ยังคงกักตัวเนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 จึงไม่สามารถเดินทางมาร่วมพูดคุยได้

หลังจากเดบิวต์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา กระแสตอบรับของวงเป็นอย่างไรบ้าง

จูเนียร์: ก่อนอื่นต้องบอกว่ากระแสตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ มีคนถูกใจแนวเพลงของวง ตอนนี้เราปล่อยเพลงออกมาทั้งหมด 3 ซิงเกิล คือ 1. MAYDAY MAYDAY 2. LOLAY (โลเล) และ 3. คุยแก้เหงา (Mr.Lonely) ซึ่งพวกเราตั้งใจที่จะเพลงออกมาหลายๆ แนวทาง ด้วยความที่เราเป็นวงน้องใหม่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ประมาณ 7 เดือน (7 ธันวาคม 2564) ก็เริ่มมีแฟนคลับสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น เวลาไปไหนมาไหนข้างนอกมีคนเข้ามาทักทายกัน

ไนซ์: ตอนแรกที่เริ่มเดบิวต์ พวกเรายังมีความรู้สึกที่ไม่มั่นใจอยู่บ้าง ต้องคอยปรับปรุงเทคนิคด้านการเต้น การร้อง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรามีชั่วโมงบินมากขึ้น ได้ขึ้นเวทีโชว์ ได้ออกกองถ่ายทำเอ็มวี เจอกล้องบ่อยๆ ยิ่งทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง

เจ็ท: จากตอนแรกที่แทบไม่มีคนรู้จักเลย แต่ตอนนี้เรามีคนรู้จักมากขึ้น ถ้าหากถามว่ารู้สึกอย่างไร ก็ต้องบอกว่าเป็นความรู้สึกที่ดีครับ เมื่อเราทำชิ้นงานออกไปแล้วมีคนชื่นชอบ นั่นถือเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เราอยากจะทำเพลงกันต่อไปเรื่อยๆ และอยากที่จะให้แฟนคลับได้เห็นถึงพัฒนาการร้องการเต้นของวงต่อไป

ทราบมาว่าพวกคุณประสบความสำเร็จอย่างมากกับซิงเกิล Lolay (โลเล) ที่ยอดวิวทะลุ 4 ล้านภายในเดือนเดียว

จูเนียร์: ตอนนี้ทะลุ 5 ล้านแล้ว (หัวเราะ) ต้องขอขอบคุณผู้ฟังทุกคนที่ชื่นชอบ และแฟนคลับที่มีส่วนร่วมช่วยกันปั่นยอดวิวให้เพลงนี้ประสบความสำเร็จ จนกลายเป็นกำลังใจให้เราเดินหน้าทำงานในเพลงอื่นต่อไป จริงๆ Lolay เป็นเพลงที่พวกเราตั้งใจพัฒนากันมาตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เดบิวต์ และสุดท้ายออกมามีหน้าตาเป็นแบบที่เราเห็น

เคล็ดลับความสำเร็จของพวกคุณคืออะไร ยิ่งเมื่อต้องทำงานเป็นทีมที่มีแต่สมาชิกรุ่นราวคราวเดียวกัน

จูเนียร์: จริงๆ เราดูแลกันเป็นแบบพี่น้อง เริ่มจากติดลบมาด้วยกัน เลยต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจ แก้ไขกันทีละจุด ช่วงแรกมันยากมากกับการที่เด็กผู้ชาย 7 คน ต้องมาอยู่รวมกัน ด้วยความที่แต่ละคนมีคุณวุฒิ วัยวุฒิที่ต่างกันมากๆ เลยทำให้ต้องใช้เวลาปรับตัวมากขึ้น เราก็จะมีการเรียกทุกคนมานั่งคุย ถามไถ่ถึงฟีดแบ็กตรงไหนโอเคไม่โอเค เน้นพูดตรงๆ ใส่กัน ตรงไหนดี ตรงไหนไม่ดี ไม่จำเป็นต้องมานั่งเกรงใจว่าใครอายุเยอะกว่าน้อยกว่า อย่างทุกวันนี้ก็ยังพยายามแก้ไขกันอยู่

ไนซ์: ใน 7 คน มีคาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนกัน เราไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นลีดเดอร์คอยนำ ดังนั้น การมีอยู่ของแต่ละคนจึงเหมือนการอุดช่องว่าง คอยช่วยเติมเต็มกันและกัน ทั้งในเรื่องซ้อมร้อง ซ้อมเต้น เราพยายามอยู่ดูแลกันเป็นแบบครอบครัว

เราซ้อมกันแทบจะทุกวันเลย ถ้ามีช่วงว่างจากการเรียนหรือหลังเลิกเรียนไม่ได้มีธุระที่ต้องไปทำต่อ เราก็จะนัดซ้อมกันเอง บางทีก็จะมีคุณครูเขามาเทรนให้ 

จูเนียร์: อย่างคนไหนที่เรียนจบไปแล้ว ช่วงกลางวันก็จะมีเรียนร้องเพลงเพิ่ม แล้วลองอัดเพลงที่ร้องมาลองให้เพื่อนฟัง เราอยากเป็นวงที่ก้าวไปข้างหน้าไปเรื่อยๆ เพราะเรารู้สึกว่ายังเป็นวงหน้าใหม่

เออร์วิน: แต่ละคนต่างที่มากันมากๆ ครับ ยกตัวอย่าง ผมเป็นเด็กจากเชียงใหม่ พี่เจ็ทมาจากอังกฤษ พอต้องมารวมตัวกัน การต้องทลายกำแพงของตัวเอง เพื่อเปิดรับความเข้าใจเพื่อนในวงจึงเป็นสิ่งที่ยากมากๆ 

มิวอ้อน: ช่วง 2-3 ปีแรกที่เราเจอกันอาจจะยังมีกำแพงกั้นระหว่างความเป็นรุ่นพี่กับรุ่นน้อง ทำให้บางอย่างยังไม่กล้าที่จะพูดออกไป แต่พออยู่ด้วยกันมาค่อนข้างนาน รู้จักกันมากขึ้น เลยทำให้เรากล้าที่จะพูดออกไปมากกว่าตอนนั้น สามารถออกความคิดเห็นได้ตลอดโดยไม่มีใครสำคัญกว่าใคร นั่นคือสิ่งที่สำคัญของวงเราครับ (ยิ้ม)

แสดงว่าช่วงแรกที่รวมตัวมีอาการงอแงกันบ่อย

จูเนียร์: เกิดขึ้นบ่อยเลยครับ การงอแงเป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชายที่สนิทแล้วต้องมารวมตัวกัน เช่น วันนี้ไม่อยากซ้อมเลย วันนี้เหนื่อยขอไปดูหนังแทนได้ไหม ขอเล่นเกมก่อนแปปนึง ก็จะต้องคอยห้ามกัน เป็นสีสันตลกของแต่ละวัน 

เราเคยมีช่วงเวลาที่เครียดไปแล้ว ทุ่มเทพลังไปกับงานจนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ดังนั้น เราต้องพยายามหาจุดผ่อนคลาย หาอย่างอื่นทำบ้าง เพื่อให้รู้สึกมีความสุขไปกับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน 

แบ่งเวลาการเรียนและการซ้อมกันอย่างไร

มิวอ้อน: หลักๆ คือจะไม่นัดซ้อมตรงกับเวลาเรียน แน่นอนว่าเราต้องเรียนให้ครบทุกคาบอยู่แล้ว เพราะทางมหาวิทยาลัยก็มีกฎเกณฑ์ของเขา วงก็มีกฎเกณฑ์ของเรา พี่ๆ ในวงเลยพยายามช่วยแบ่งเวลาไม่ให้กฎเกณฑ์ของทั้งสองชนกัน ส่วนเวลาว่างก็ต้องรับผิดชอบตัวเองด้วยการไปติวเพิ่มบ้าง 

ผมรู้สึกว่าการเรียนเป็นหน้าที่ แต่สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ผมรู้สึกว่าเป็นการลงมือทำตามความฝัน ดังนั้น ต้องยอมแลกกับความเหนื่อยบ้างครับเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

ไนซ์: เราจะไม่นัดซ้อมในวันที่น้องมีเรียน เพื่อให้เขาได้ใช้เวลาเต็มที่กับตรงนั้น แต่ก็อาจจะต้องเหนื่อยเป็นสองเท่าบ้าง หลังเลิกเรียนต้องมาซ้อมต่อถึงดึกหากใกล้กับช่วงที่เรามีคิวงาน แต่น้องๆ เขาเก่ง ทำได้ตลอด

ล่าสุดพวกคุณเพิ่งปล่อยซิงเกิลใหม่ที่ชื่อว่า ‘คุยแก้เหงา’ (Mr.Lonely) ช่วยแนะนำหน่อยว่าซิงเกิลนี้มีความพิเศษอย่างไร 

เออร์วิน: ถือเป็นเพลงแนวใหม่ที่ผมเชื่อว่าไม่เคยมีใครได้ฟังจาก ATLAS เพลงคุยแก้เหงา ทำให้เราได้โชว์ศักยภาพที่แตกต่างออกไป ให้แฟนเพลงได้รู้จักด้านการร้องของเรามากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ 2 เพลงก่อนหน้านี้ทั้ง MAYDAY MAYDAY และ LOLAY (โลเล) จะเป็นเพลงที่ค่อนข้างเร็ว และเน้นเต้นเสียส่วนใหญ่ 

จูเนียร์: อีกความพิเศษ คือเราได้พี่ URBOYTJ มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ ตอนแรกก็กดดันอยู่ครับ (หัวเราะ) เราเคยโดนบรีฟมาจากวง 4EVE ว่าพี่เขาเป็นคนค่อนข้างฟิต แต่พอได้ทำงานร่วมกันจริงๆ บรรยากาศถือว่าผ่อนคลายและสนุกมาก ทำให้พวกเรากล้าปล่อยของกันเต็มที่ พี่ทีเจเขาก็จะคอยดูว่าเราเตรียมอะไรมา และช่วยแนะนำปรับเปลี่ยนการร้องให้เข้าที่

เจ็ท: หลังปล่อยออกมากระแสค่อนข้างดีครับ ถือเป็นซิงเกิลที่มาแรงที่สุด มากกว่า 2 เพลงแรก หากเทียบกับระยะเวลา 1 อาทิตย์ที่ปล่อยออกมา พวกเราก็แอบคาดหวังกันพอสมควร และคิดว่าหลายๆ คนน่าจะเขาถึงเนื้อหาความหมายของเพลงไม่ยาก ด้วยห้วงบรรยากาศความเหงาตอนนี้ บวกกับเพลงนี้เราพยายามโชว์ความสามารถด้านการร้อง จะได้ยินถึงน้ำเสียงของสมาชิกวงชัดเจนมากขึ้น

นิยามความเหงาของวง ATLAS คืออะไร

จูเนียร์: ความเหงาของตัวผมเอง คือการอยู่คนเดียวไม่ค่อยได้ ผมชอบการอยู่กันเป็นครอบครัว ชอบการกอด อยู่ว่างๆ ก็ชอบไปคลุกคลีกับพวกน้องๆ เวลานอนต้องมีคนนอนเตียงเดียวกัน อาจจะเพราะเราได้สิ่งนี้มาจากพี่สาวที่บ้าน เลยอยากนำความอบอุ่นตรงนี้ส่งมอบให้กับน้องชายในวงทั้ง 6 คน

เจ็ท: ยากนิดนึงนะ เพราะผมไม่ค่อยเหงา (หัวเราะ) แต่ความเหงาสำหรับผมที่นึกออกคงเป็นช่วงต้องกักตัว เพราะเราไม่สามารถออกไปทำงานหรือเจอเพื่อนได้ 

มิวอ้อน: สำหรับผม ความเหงาอาจจะเป็นเสียงมากกว่า ที่ไหนที่เงียบมากๆ แล้วเราอยู่คนเดียว มันชวนทำให้เรารู้สึกว่างเปล่า เวลาเหงาอยู่คนเดียวเลยต้องเปิดทีวี เปิดยูทูบ ให้มีเสียงอยู่กับเราตลอดเวลา

ไนซ์: นิยามความเหงาของผม คือความรู้สึกหนึ่งที่เราต้องการใครสักคนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ เข้ามาโต้ตอบ เข้ามาพูดคุยด้วย เพราะผมเป็นคนพูดเยอะ ฉะนั้น ถ้าไม่ได้พูดกับใครเลยก็จะเกิดความรู้สึกเหงาขึ้นมา

เออร์วิน: คงเป็นช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับตัวเอง มีเวลาฟุ้งซ่านอยู่กับตัวเอง เพราะเราไม่มีใครให้คุยด้วย แต่นั่นเป็นจุดที่ทำให้เรานึกไอเดียการทำงานต่างๆ ออกมาได้ ผมเลยคิดว่าความเหงาแม้จะทำให้เราเจ็บปวด แต่ขณะเดียวกันก็มีสิ่งที่ดีแฝงอยู่ในนั้น

ก่อนหน้านี้มีพูดถึงวง 4EVE ด้วย ทั้งสองวงสนิทกันมากน้อยแค่ไหน

ATLAS : มากๆ (หัวเราะ)

จูเนียร์: เราได้ร่วมงานกันหลายครั้งครับ เวลาไปซ้อมก็เจอกันบ่อย ได้พูดคุย ช่วยแนะนำการทำงาน มีเข้ามาเล่นกันบ้าง และทั้งสองวงก็มีพลังงานล้นเหลือยู่แล้ว เลยเหมือนเราได้แลกเปลี่ยนพลังงานตรงนั้นกัน

ด้วยกระแสแนวเพลง T-POP ในประเทศไทยที่กำลังมาแรง และมีวงต่างๆ เกิดขึ้นมามากมาย พวกคุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างต่อประเด็นนี้

จูเนียร์: ตื่นเต้นนะครับกับกระแสของแนวเพลง T-POP ที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเรา และกำลังเติบโตก้าวขึ้นไปอีกขั้น พวกเราวง ATLAS ก็หวังจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้วงการ T-POP โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และทำให้ชาวต่างชาติรู้จักกับวัฒนธรรมประเทศไทยมากกว่าเดิม

ส่วนที่เห็นว่ามีวงบอยแบนด์ วงเกิร์ลกรุ๊ปหน้าใหม่เกิดขึ้นออกมาเยอะมากๆ ก็เป็นสิ่งที่ดีและสนุกครับ เวลาไปออกงานแล้วได้เจอวงใหม่ๆ รวมถึงได้เจอโปรดิวเซอร์ชื่อดัง เจอวงรุ่นพี่ที่เขาเป็นวงไอดอลเรา เลยเป็นความรู้สึกว่าเราได้รับพลังงานด้านบวกมาจากพวกเขาไปด้วย อนาคตก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกัน เราอยากที่จะเรียนรู้จากพวกเขาให้ได้มากที่สุดครับ

ไนซ์: ต้องบอกว่าศิลปินแนว T-POP ที่เพิ่งออกมา ทุกวงต่างมีแนวทางและคาแรกเตอร์ตัวตนชัดเจน ซึ่งทำให้คนจดจำภาพลักษณ์ของแนวเพลงนี้ได้มากขึ้นกว่าเก่า จนสามารถผลักดันวงการให้ไปถึงระดับเอเชียหรือระดับโลกได้

เจ็ท: อีกส่วนหนึ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนวงการ T-POP คือผู้ใหญ่หรือผู้จัดที่เขาจัดงาน จัดเวทีประกวดต่างๆ ให้แต่ละวงได้มีโอกาสขึ้นไปโชว์เพื่อแสดงศักยภาพ ตรงนั้นมีส่วนช่วยให้ผู้ฟังเห็นแนวทางความแตกต่างของแต่ละวง นอกเหนือไปจากที่เห็นกันแค่ภายในเอ็มวี ผมว่าตรงนี้สำคัญมากๆ

มิวอ้อน: ดีใจนะครับ อย่างตัวพวกเราก็พยายามวิ่งตามความฝันที่จะได้เป็นศิลปิน อยากสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น พอมาเห็นกลุ่มคนที่เขาวิ่งตามความฝันเหมือนเราก็รู้สึกเข้าใจมากๆ และอย่างมีส่วนช่วยซัพพอร์ตพวกเขาอีกแรง

กดดันไหมกับการต้องเดินตามรอยความสำเร็จที่รุ่นพี่หลายวงทำเอาไว้ก่อนหน้า

เออร์วิน: ผมว่าไม่เสมอไป เพราะแต่ละวงก็มีเอกลักษณ์ มีแนวทางเป็นของตัวเอง เราก็สามารถดึงศักยภาพของตัวพวกเราเองให้ผู้ฟังรับรู้ และจำได้ว่าเราเป็นใคร ผมเลยคิดว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องเดินตามทางคนอื่นตลอดเวลา

มิวอ้อน: ผมรู้สึกว่าสิ่งที่รุ่นพี่ทำมาเราไม่จำเป็นต้องเดินตามเสมอไป เพียงแต่เรามองเป็นมาตรฐาน ที่ทำให้เราอยากพัฒนาให้ดีกว่านั้นมากขึ้นไปเรื่อยๆ และทำให้วงการ T-POP เจริญเติบโตกว่าเดิม

ส่วนใหญ่คนคิดถึงวงบอยแบนด์มักจะนึกถึงประเทศเกาหลี ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

จูเนียร์: ส่วนตัวไม่น่าแปลกใจเท่าไรครับ ทาง K-POP เขามีมาก่อนสักพักแล้ว และฐานของเขาก็แข็งแรงมากๆ แต่ขณะเดียวกัน T-POP ของไทยเราก็กำลังก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ ถามว่าการร้อง การเต้น จะต้องเป็นสไตล์เดียวกับทางเกาหลีเลยหรือเปล่า ตรงนั้นผมว่าไม่ใช่ เพราะนั่นเป็นถือแนวทางเดียวกันของศิลปินทั่วโลกอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น T-POP, K-POP หรือ J-POP ก็ตาม การเป็นวงบอยแบนด์มีหลายประเทศที่ทำ

ในเมื่อศิลปินถือเป็นผู้ผลักดันกระแส Soft Power ฉะนั้น พวกคุณอยากให้กระแสวงการเพลง T-POP สนับสนุนตรงจุดใดบ้าง

ไนซ์: คำว่า T-POP ถือเป็นตัวแทนของทุกคนในประเทศ เราสามารถเป็นกระบอกเสียงที่จะพูดแทนคนอื่นได้ ก็เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะช่วยกันผลักดัน 

จูเนียร์: ผมมองว่าเราเป็นส่วนเล็กๆ ที่จะแสดงความรู้สึก กล้าที่จะแสดงความคิดของเราออกไป และกล้าที่จะพูดเรื่องตรงนี้มากกว่า ทั้งผ่านโซเชียลฯ ผ่านบทเพลง ผ่านภาพยนตร์ เหมือนที่ศิลปินหลายๆ ท่านเคยทำมาก่อน ก็หวังว่าพวกเราจะมีส่วนช่วยผลักดันตรงนั้นได้ด้วย

ATLAS มองเป้าหมายในอนาคตต่อจากนี้อย่างไร

จูเนียร์: เราไม่ได้วางแผนว่าเราจะต้องโด่งดังถึงจุดใด หรือต้องมีแฟนคลับมากขึ้นขนาดไหน ทุกวันนี้เราพยายามรีเช็กกันตลอดว่าเรายังมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ไหม การที่เราได้ขึ้นไปโชว์บนเวทียังสนุกอยู่ไหม แล้วเราได้แจกความสุขไปถึงคนดูหรือเปล่าเราต้องการแค่นั้น เพราะนี่เป็นเป้าหมายที่ทำให้เราตั้งวงขึ้นมา 

อยากบอกอะไรถึงเด็กรุ่นใหม่ที่อยากเดินตามรอยเข้าสู่วงการ T-POP บ้าง

เออร์วิน: ทำเลยครับ ตราบใดที่เราทำแล้วมีความสุข ยิ่งมีวงที่เดบิวต์ออกมาใหม่มากเท่าไร ก็ย่อมเป็นผลดีต่อวงการ และช่วยให้วัฒนธรรม T-POP มีรากฐานที่แข็งแรงและเป็นของเราจริงๆ เพราะฉะนั้น ถ้ามีความฝันก็เดินตามให้สำเร็จเลยครับ ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่กำลังทำแบบนั้นอยู่

แฟนเพลงจะได้เห็นอัลบั้มเต็มของพวกคุณเมื่อไร

จูเนียร์: ภายในปีนี้ครับ แฟนเพลงจะได้เห็นอัลบั้มแรกของพวกเราวง ATLAS ที่ภายในอัลบั้มจะรวมทุกเพลงเอาไว้ พร้อมกับชุดอัลบั้มภาพถ่าย ก็หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบกัน ส่วนคอนเสิร์ตต่างๆ สามารถติดตามได้ทางออฟฟิเชียลของพวกเราทุกช่องทาง ถ้ามากกว่านี้ทางค่ายจะหาว่าผมสปอยก่อน (หัวเราะ) 

ไนซ์: สำหรับคนไหนที่ยังไม่รู้จักพวกเรา ก็อยากให้ลองเข้ามาฟังผลงานดู พวกเราหวังว่าผู้ฟังจะได้ความสุขกันกลับไป และได้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันวงการ T-POP 

Fact Box

  • วงบอยแบนด์ ATLAS ทั้งเจ็ด ได้แก่

1. ‘มิวอ้อน’ - ณณณ นามปีติ

2. ‘เออร์วิน’ - ศุภกฤต เพนนอร์ส

3. ‘แทด’ - ฐาปนา จงกลรัตนาภรณ์

4. ‘ไนซ์’ - วิชญ์พล สมคิด

5. ‘ภูมิ’ - เดชาธร วรรณวานิชกุล

6. ‘เจ็ท’ - ภัทร์ไพบูลย์ โอภาสสุวรรณ

7. ‘จูเนียร์’ - นภัทร โอสายไทย

โดยพื้นเพของสมาชิกในวงส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯ ขอนแก่น และเชียงใหม่

  • ATLAS เป็นศิลปินลำดับที่ 2 ในสังกัดของค่าย XOXO Entertainment ต่อจากวงเกิร์ลกรุ๊ป 4EVE โดยก่อนหน้านี้สมาชิกทั้งเจ็ดคน เคยรู้จักกันมาก่อนในฐานะศิลปินฝึกหัดของค่าย 4NOLOGUE
  • ชื่อวง ATLAS สามารถตีความได้ 2 แบบ คือเทพไททันที่แบกโลกไว้ และอีกความหมายคือแผนที่ อันเปรียบเสมือนการเป็นนักสำรวจดาวเคราะห์ต่างๆ ทั่วทั้งจักรวาล โดยแฟนคลับของวงยังมีชื่อเรียกว่า A-Lis ที่ภาษาลาตินมีความหมายว่าปีก ดังนั้นแฟนคลับจึงเปรียบเสมือนปีกที่จะพาวงไปโลดแล่นผจญภัยในทุกๆ ที่
Tags: , ,