หนังเกี่ยวกับอะไร
‘นักสืบฮาน’ (จองวูซอง) คอยทำงานสกปรกให้ ‘ปาร์ก จองเบ’ (ฮวังจองมิน) นายกเทศมนตรีของเมือง แต่แล้วความขัดแย้งเรื่องเงินทำให้เขามีส่วนกับการตายของตำรวจนายหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถลาออกไปทำงานกับนายกเทศมนตรีได้ จึงต้องส่ง ‘ซอนมู’ ตำรวจรุ่นน้องให้ไปทำงานแทน แต่นักสืบฮานกลับถูก ‘อัยการคิม’ ข่มขู่ให้มาร่วมมือหาหลักฐานเอาผิดนายกเทศมนตรี แล้วเขาจะเลือกฝั่งไหนในเมืองที่ทุกคนบ้าคลั่งเช่นนี้
สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปดูหนัง
หนังถูกประชาสัมพันธ์ว่าเป็นแนวอาชญากรรมและแอ็กชัน แต่ตัวหนังจริงๆ มีฉากแอ็กชันแค่ช่วงท้ายของเรื่องเท่านั้น ส่วนอื่นในเรื่องมีแอ็กชันเล็กๆ ประปรายบ้างนิดหน่อย ดังนั้นถ้าจะพิจารณาประเภทหนังควรถูกจัดเป็นแนวอาชญากรรมและดราม่าจะเหมาะสมกว่า
สิ่งที่ชอบที่สุดจากหนัง
1. อารมณ์ตัวเองตอนดูหนัง เหมือนเราพร้อมจะเดือดตามตัวละครได้ตลอดเวลา ซึ่งพอหนังเปิดโหมดอัดความกดดันให้นักสืบฮานหนักๆ แล้วเพิ่มอารมณ์ตัวละครให้ใกล้จุดเดือด จึงทำให้หนังมันถึงจุดสุดขีดของความบ้าคลั่ง ดูแล้วอะดรีนาลีนหลั่งตลอดเวลา
2. ความโหด ความดิบ ความเถื่อน ต้องหนังเกาหลีจริงๆ ยืนยันได้อย่างหนึ่งว่าถ้าหนังเกาหลีเขาเปิดโหมดสมจริงนี่ ทุกอย่างจะดูดิบเถื่อนจริงจังไปหมด ไม่ว่าจะเป็น ความโหดเหี้ยมของฉากทำร้ายร่างกายที่พี่เล่นแรง จนบางคนต้องเบือนหน้าหนี และความดิบของฉากแอ็กชันที่ไม่ปรุงแต่งลีลาท่วงท่า (ลองนึกภาพหนัง จา พนม ที่เน้นการออกแบบการต่อสู้ให้มีความสวยงาม กับหนัง เจสัน บอร์น ที่ฉากต่อสู้ไม่ประดิษฐ์ท่าให้สวย เพราะต้องเน้นความสมจริงของการเอาชีวิตรอด)
3. ความคาดเดาไม่ได้ ซึ่งบางครั้งเราเบื่อหนังที่เดาทางได้หมดว่าตัวละครจะทำอะไรต่อและบทสรุปจะเลือกข้างไหน แต่ไม่ใช่สำหรับ Asura: The City of Madness ที่นักสืบฮานก้ำกึ่งจะลงเอยได้หมดกับสองฝั่ง เพราะเขานิยมเลือกยืนอยู่ข้างผู้ชนะเสมอ เพียงแต่หมากเกมนี้มันดูออกยากว่าใครจะชนะ เราจึงต้องดูไปเรื่อยๆ ว่าใครจะเอาอสูรร้ายในตัวออกมาได้มากกว่ากัน ซึ่งยืนยันได้อีกอย่างว่าแผนการตอนท้ายเรื่องทำให้เราคิดว่าตัวละครนี้ช่างฉลาดเสียจริง
สิ่งที่ไม่ชอบที่สุดจากหนัง
ปูมหลังความสัมพันธ์ของตัวละครรอบตัวนักสืบฮานอยู่ในขั้นเบาหวิว ซึ่งมันจะไม่เป็นปัญหาอะไรเลยถ้าตัวละครเหล่านั้นไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการตัดสินใจของนักสืบฮาน สองคนหลักๆ ที่แสดงให้เห็นปัญหาชัดเจนที่สุดคือ ภรรยาที่นอนป่วยอยู่ และซอนมู นักสืบรุ่นน้องที่เขาผลักดันให้ไปทำงานกับนายกเทศมนตรีแทนตัวเอง ซึ่งหนังไม่มีเวลาบอกเล่าถึงความรักที่เขามีต่อภรรยา และไม่มีเวลาฉายภาพความสัมพันธ์กับรุ่นน้องตัวเองว่าทำไมเขาถึงไว้วางใจให้เข้าสู่งานด้านมืด
เราเรียนรู้อะไรจากหนัง
ชอบตัวละคร ปาร์ก จองเบ เป็นนักการเมืองประเภทที่ว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจสูงสุด ถ้าต้องเลือดตกยางออกหรือยอมตัดแขนทิ้งแลกคะแนนเสียงเขาก็ยอมทำได้จริงๆ เรารู้สึกตลกร้ายที่ดันเชื่อว่าในโลกความจริงใบนี้มันมีคนคิดแบบนี้อยู่แน่นอน และสิ่งที่ต้องเรียนรู้คือจะทำอย่างไรให้ตัวเราไม่หลงกลติดกับดักการสร้างภาพของเหล่านักการเมืองทั้งหลาย
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากหนัง
Asura: The City of Madness ได้เข้าชิง 7 รางวัล Blue Dragon Film Awards (รางวัลภาพยนตร์ประจำปีที่พิจารณาเฉพาะหนังดังและหนังบล็อกบัสเตอร์ของเกาหลี เป็นรางวัลที่ได้รับความสนใจ เป็นรองเพียงแค่ Grand Bell Awards) โดยชนะมาได้ 3 รางวัล ได้แก่ นักแสดงขวัญใจประจำปี, กำกับภาพยอดเยี่ยม, และจัดแสงยอดเยี่ยม
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
แมนๆ ดูหนังเดือดๆ กัน ถือเป็นหนังที่เจาะจงกลุ่มผู้ชมเฉพาะได้ยากเหมือนกัน ดังนั้นขอเชียร์เป็นกลุ่มคนที่ชอบหนังอาชญากรรมดราม่าประเภทตัวละครเลวกันหมดทั้งเรื่อง
ควรชวนใครไปดู
กลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะชอบหนังเรื่องนี้คือ สายโหด ถึงแม้ตัวหนังเองจะไม่ได้ถูกนับเป็นหนังโหดเหมือนพวก I Saw the Devil แต่ฉากโหดเถื่อนในหนังนี่ทำออกมาได้ถูกใจคอหนังสายนี้อย่างแน่นอน
ความคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไป
เกณฑ์ 3 ดาวของเราคือ หนังระดับที่ว่าถ้าดูก็ไม่ผิดหวัง แต่พลาดไปก็ไม่รู้สึกเสียดาย ดังนั้นลองพิจารณากันเองสำหรับ Asura: The City of Madness ที่มั่นใจได้เลยว่ายืนโรงฉายอาทิตย์เดียวไม่กี่รอบและไม่กี่สาขาแน่นอน เราคงไม่เชียร์ให้ถึงขั้นต้องถ่อเดินทางลำบากไปดูบางสาขาในรอบเวลาที่ไม่เอื้ออำนวยสำหรับคนมีเรียนหรือมีงานต้องทำ แต่ถ้าอยู่แถวนั้นพอดีหรือสะดวกกับรอบฉายก็เป็นตัวเลือกที่ดูได้ไม่ผิดหวัง
ขอ 3 พยางค์จากหนังเรื่องนี้
เดือด บ้า คลั่ง
Tags: TheReview, Asura