เกิดเหตุความรุนแรงครั้งใหญ่ในกรุงคาบูล อัฟกานิสถาน ตั้งแต่ 30 มิถุนายนจนถึงเมื่อวานนี้ (1 กรกฎาคม) ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เหตุเกิด 2 วันหลังจากการเจรจาครั้งที่ 7 ระหว่างสหรัฐอเมริกากับกลุ่มตาลีบัน เรื่องการถอดถอนกองกำลังสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถาน หลังจากที่อยู่ในสงครามยืดเยื้อกันมา 18 ปี
กลุ่มตาลีบันออกมาแสดงตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงนี้ ตั้งแต่ระเบิดฆ่าตัวตายจนถึงเหตุยิงปะทะที่ตึกกระทรวงกลาโหม กรุงคาบูล อ้างอิงจากข้อความบนทวิตเตอร์ของนายซาบิฮูลลา มูจาฮิด (Zabihulla Mujahid) โฆษกกลุ่มตาลีบัน เขาระบุว่าต้องการโจมตีโครงสร้างอาคารและระบบขนส่งของกระทรวงกลาโหมเป็นหลัก
จากรายงานล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 40 คน มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและพลเรือน รวมถึงมีเด็กๆ ที่เป็นเหยื่อความรุนแรงด้วย ด้านนิวยอร์กไทม์รายงานว่ามีความจงใจโจมตีนักข่าว โดยก่อนหน้านี้กลุ่มตาลีบันได้ข่มขู่สำนักข่าวที่ยังคงเผยแพร่ข่าวหรือบทความที่ต่อต้านกลุ่มตาลีบัน ว่าพวกเขาจะเป็นเหยื่อในการโจมตีเช่นกัน
การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และตาลีบัน มีขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 หลังการเลือกตั้งในอัฟกานิสถาน ในการเจรจาครั้งล่าสุดนี้ ตัวแทนจากกลุ่มตาลีบันบอกกับสำนักข่าว AP ว่า พวกเขาต้องการให้กองกำลังต่างชาติทั้งหมดถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถานภายใน 6 เดือน แต่ทางฝ่ายสหรัฐอเมริกาเจรจายืดเวลาออกไปเป็น 18 เดือน
กลุ่มตาลีบันกล่าวว่าพวกเขาไม่ต้องการเจรจากับรัฐบาลอัฟกานิสถาน พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ต่างอะไรกับหุ่นเชิดของสหรัฐฯ สิ่งที่กลุ่มตาลีบันทำก็คือจะยังคงดำเนินการโจมตีต่อไป ล่าสุดนี้องค์การสหประชาชาติ กลุ่มนักสิทธิมนุษยชน และรัฐบาลอัฟกานิสถานได้ออกมาประณามกลุ่มตาลีบัน ที่ทำให้พลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
อ้างอิง:
https://www.nytimes.com/2019/07/01/world/asia/afghanistan-bombing-war-museum.html?
https://time.com/5618111/afghanistan-kabul-bomb-blast/
https://www.bbc.com/news/world-asia-48825400
ภาพ: REUTERS/Mohammad Ismail