หลังจากสหรัฐอเมริการ่วมกับสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส โจมตีทางอากาศในหลายพื้นที่ของซีเรียที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตอาวุธเคมี เมื่อวันที่ 14 เม.ย ที่ผ่านมา ก็ทำให้มีปฏิกิริยาจากหลายฝ่ายต่อปฏิบัติการครั้งนี้
ปฎิบัติการครั้งนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้กองทัพซีเรียใช้อาวุธเคมีกับพลเรือนเมื่อสัปดาห์ก่อน ในเมืองโดว์มา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มกบฏยึดครองอยู่ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 70 คน
ในสหราชอาณาจักร เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวเมื่อเช้าวันเสาร์ (14 เม.ย.) บอกว่ามีข้อมูลจากข่าวกรองที่แสดงให้เห็นว่า ประธานาธิบดีอัสซาดต้องรับผิดชอบต่อการโจมตีด้วยอาวุธเคมี เธอมองว่า การที่สหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส โจมตีทางอากาศเพื่อทำลายอาวุธเคมีในซีเรียครั้งนี้ เป็นไปด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม
แต่เจเรมี คอร์บิน ผู้นำพรรคแรงงานของสหราชอาณาจักรไม่คิดเช่นนั้น เขากล่าวหาว่า เมย์เดินตามหลังทรัมป์ และยืนยันว่า ควรจะปรึกษากับรัฐสภาก่อนที่จะตัดสินใจเข้าร่วมกับสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส เขากล่าวว่า นี่อาจจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
“ระเบิดไม่ได้ช่วยชีวิตหรือนำสันติภาพคืนมา” เขากล่าว
ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความว่า ภารกิจลุล่วง หรือ Mission accomplished “ปฏิบัติการโจมตีเมื่อคืนนี้สมบูรณ์แบบ ขอบคุณฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรสำหรับปัญญาและอำนาจทางการทหารของพวกเขา ไม่มีผลลัพธ์ใดจะดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ภารกิจเสร็จสมบูรณ์”
ทวีตของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พูดว่า ‘ภารกิจลุล่วง’ กลายเป็นวลีที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ก่อนหน้านี้เมื่อคราวที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ส่งทหารไปโจมตีอิรักเมื่อปี 2003 เขาก็เคยใช้คำนี้มาก่อน
แต่คำถามที่เกิดขึ้นคือ ภารกิจที่กระทำไปนั้น สำเร็จลุล่วงได้จริงหรือ จากข้อมูลของ อะดุลซาลาม อับดุลราเซค อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายเคมีของรัฐบาลซีเรียกล่าวว่า รัฐบาลซีเรียมีโรงงานอาวุธเคมีราว 50 แห่ง การโจมตีทางอากาศครั้งนี้ทำลายฐานที่ตั้งของอาวุธเคมีได้บางส่วน แต่ยังไม่โดนสถานที่ที่เป็นหัวใจสำคัญ และไม่น่าจะยุติศักยภาพของรัฐบาลในการผลิตอาวุธเพื่อโจมตีรอบใหม่ได้
ด้านวลาดิมีร์ ปูติน ประณามการกระทำครั้งนี้ และเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดการประชุมฉุกเฉินในคืนวันเสาร์ โดยรัสเซียประณามการโจมตีครั้งนี้ในที่ประชุม และได้รับการสนับสนุนจากอีกสองประเทศคือ จีนและโบลิเวีย ส่วนสมาชิกอีก 4 ประเทศ ได้แก่ เอธิโอเปีย คาซัคสถาน เปรู และอิเควทอเรียลกินีงดออกเสียง สมาชิกที่เหลืออีก 8 ประเทศไม่เห็นด้วย
หลังการลงคะแนน ผู้แทนทางการทูตของรัสเซียกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันที่น่าเศร้าของโลก ของสหประชาชาติ ซึ่งเห็นอย่างชัดแจ้งว่าปฏิบัติการนี้เป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ”
ด้าน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (António Guterres) เลขาธิการองค์การสหประชาชาติเรียกร้องให้สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงใช้ความอดกลั้น และหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่าเดิม
นอกจากนี้ อังเกลา แมร์เคิล (Angela Merkel) นายกรัฐมนตรีของเยอรมนีก็แสดงความสนับสนุน “เราสนับสนุนข้อเท็จจริงที่ว่าสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส พันธมิตรของเรา แสดงความรับผิดชอบด้วยวิธีนี้ในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ปฏิบัติการทางทหารจำเป็นและเหมาะสมเพื่อรักษาประสิทธิภาพในการต่อต้านของนานาชาติต่อการใช้อาวุธเคมี และเตือนไม่ให้รัฐบาลซีเรียละเมิดซ้ำอีก”
ที่กรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ชาวซีเรียหลายร้อยคนรวมตัวกันเพื่อท้าทายการโจมตีของชาติตะวันตก ด้วยการบีบแตรรถยนต์ และโบกธงชาติ
ด้านฝ่ายต่อต้านอัสซาด ฮุสซัม อายุ 40 ปี กล่าวว่า เขาผิดหวังที่การโจมตีถูกจำกัด “เราไม่ศรัทธาชุมชนนานาชาติอีกต่อไป ทรัมป์บอกล่วงหน้าหลายวันว่าจะโจมตี เหมือนกับว่าเขาให้เวลาอัสซาดในการรับมือ ถ้าฉันจะฆ่าใครสักคน จะบอกเขาก่อนเหรอ? มันตลก ไร้สาระ”
ส่วนสำนักข่าวจากประเทศพันธมิตรของประธานาธิบอัสซาด อย่างรัสเซีย อิหร่าน และซีเรียต่างประณามการโจมตีอย่างรุนแรงต่อสหรัฐอเมริกา
สำนักข่าวภาษาอังกฤษของทางการรัสเซียที่ชื่อรัสเซียทูเดย์นำเสนอความคิดเห็นของปูตินที่ประณามการโจมตี และเตือนว่านี่จะนำไปสู่การอพยพครั้งใหม่จากซีเรียและทั้งภูมิภาค ขณะที่อีกสำนักข่าวของรัฐบาลรัสเซียอย่างสปุตนิก (Sputnik) ก็อ้างว่าทหารรัสเซียสามารถยิงป้องกันจรวดระเบิดได้เกินครึ่ง
สถานีเพรสทีวีในประเทศอิหร่านนำเสนอข่าว ผู้นำสูงสุดของประเทศประณามการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น “อาชญากรรม” และย้ำคำกล่าวอ้างของรัสเซียที่ว่า สามารถสกัดกั้นระเบิดได้ เช่นเดียวกับสำนักข่าวซานา (SANA) ของซีเรีย ซึ่งได้ตีพิมพ์เรื่องที่อ้างว่า ทหารซีเรียพบห้องทดลองที่กลุ่มกบฏใช้ทำอาวุธเคมี
ที่มา:
- https://www.theguardian.com/world/2018/apr/14/syria-missile-raid-may-faces-anger-trump-declares-mission-accomplished
- https://www.aljazeera.com/news/2018/04/media-russia-iran-syria-syria-strikes-180414061155218.html