ในขณะที่ร้านอาหารและคาเฟ่เกิดใหม่ในกรุงเทพฯ พยายามนำลูกค้าย้อนยุคไปในสมัยก่อนโดยตกแต่งร้านให้มีกลิ่นอายแบบวินเทจ แต่ Sarnies คาเฟ่เปิดใหม่ในซอยเจริญกรุง 44 เป็นคาเฟ่เพียงไม่กี่แห่งในกรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่ในตึกแถวเก่าแก่ที่มีอายุนานกว่า 150 ปี คุณอีริค ชาน บาริสต้าชาวมาเลเซียและเจ้าของร่วม เล่าให้เราฟังว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่เขามาพบกับตึกเก่าในซอยลึกแห่งนี้

อีริค ชาน บาริสต้าชาวมาเลเซียและเจ้าของร่วม

“ผมเจอประกาศให้เช่าตึกนี้ในเว็บออนไลน์แห่งหนึ่ง เมื่อเห็นแล้ว พบรู้ทันทีเลยว่าจะต้องเช่าตึกนี้ให้ได้”

ใครที่เป็นคอกาแฟน่าจะรู้จักแบรนด์ Sarnies เป็นอย่างดี โดยเริ่มแรกเป็นคาเฟ่ชื่อดังในประเทศสิงคโปร์ที่ก่อตั้งโดยคุณ เบน ลี นักธุรกิจชาวออสเตรเลีย และต่อมาได้ขยับสาขามาในประเทศไทย โดยเปิดโรงคั่วกาแฟและคาเฟ่เล็กๆ ในซอยสุขุมวิท 39 ร้าน Sarnies ที่คุณเบนและอีริคเพิ่งเปิดที่เจริญกรุง นับว่าเป็นสาขาในไทยแห่งแรกที่ขยับขยายเมนูจากกาแฟมาเสิร์ฟอาหารอย่างเต็มตัว

ร่องรอยเดิมของอาคารเก่าอายุกว่า 150 ปี ที่ทางร้านเลือกจะซ่อมแซมมากกว่าต่อเติม

ใครที่เดินเข้ามาในซอยเจริญกรุง 44 น่าจะสังเกต Sarnies ได้ไม่ยากนัก เพราะเป็นตึกเก่าสีเหลืองสะดุดตา ข้างในเป็นอาคารสองชั้นที่มีมนต์ขลังของร่องรอยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 150 ปี

“เราพยายามรักษารายละเอียดเก่าของตึกนี้ไว้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ จะสังเกตได้ว่าเราไม่ทาสีทับผนังเลย คุณสามารถเห็นร่องรอยขีดเขียนบนผนังและรอยโปสเตอร์เก่าที่เคยอยู่บนผนังแห่งนี้ หน้าที่หลักของเราในการปรับปรุงอาคารคือการซ่อมแซมมากกว่าการต่อเติม เราไม่อยากเอาความโมเดิร์นใส่เข้าไปในอาคารเก่าเหมือนร้านทั่วไป” คุณอิริคกล่าว

อาคารเก่าแห่งนี้คุณอิริคเล่าให้เราฟังว่าเคยเป็นโรงงานซ่อมเรือมาก่อน “จริงๆ เรื่องเล่าเกี่ยวกับอาคารแห่งนี้เปลี่ยนไปอยู่เรื่อยๆ ตามคนที่เล่า แต่เจ้าของตึกเล่าให้ฟังผมฟังว่าเคยเป็นโรงซ่อมเรือ ซึ่งก็เมคเซ็นส์เพราะที่ตั้งที่นี่อยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนรอยไหม้สีดำบนผนังที่เห็นได้ทั่วไปน่าจะมาจากควันซึ่งออกมาจากเครื่องจักรต่างๆ”

  Avocado Toast

เมนูของที่นี่เมื่อดูผ่านๆ อาจจะไม่ต่างจากคาเฟ่ที่เสิร์ฟอาหารบรันช์ทั่วไป แต่กลับมีความพลิกแพลงโดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและรสชาติอาหารไทยให้อาหารมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น เช่ยเอ้กเบเนดิก (Egg Benedicts) ของที่นี่มีซอส Hollandaise ราดไข่ที่มีเครื่องของต้มยำเพิ่มความจัดจ้านให้อาหารมือเช้า ส่วนแซนวิชเนยถั่วทาแยมที่ฝรั่งเรียกสั้นๆ ว่า PB&J (peanut butter and jam) กลับกลายเป็น CB&J เป็นขนมปังซาวโด (sourdough) เหนียวนุ่มทาด้วย cashew nut butter หรือเนยมะม่วงหิมพานต์ โปะหน้าด้วยองุ่นอบมีรสหวานของน้ำผึ้งธรรมชาติ

CB&J 

ส่วนใครที่หิวเราแนะนำ Fry-Up อาหารจานใหญ่ประกอบด้วยไข่ออแกนิคซึ่งเราเลือกได้ว่าจะสั่งแบบไหน เสิร์ฟพร้อมเบคอนที่ทางร้านทำเอง ไส้อั่ว มะเขือเทศอบ เห็ดผัดและถั่วอบรสชาติจัดจ้าน

Fry-Up

Bulletproof Coffee

ที่ขาดไม่ได้เลยกาแฟจากเมล็ดที่ทางร้านคั่วเองซึ่งเบลนด์ที่ใช้ของสาขาเจริญกรุงแห่งนี้คือ Top Brass โดยใช้เมล็ดจากกาแฟจากลำปางผสมกับเมล็ดซิงเกิลออริจินจากประเทศปานามาและบราซิล ซึ่งสามารถสั่งได้ตามต้องการไม่ว่าจะเป็นลาเต้หรืออเมริกาโน ส่วนสายรักสุขภาพ เราขอแนะนำ Bulletproof Coffee กาแฟสำหรับชาวคีโตซึ่งเลือกทางอาหารที่อุดมด้วยไขมันโดยตัดคาโบไฮเดรตอย่างสิ้นเชิง มีรสชาติหอมมันจากเนยและน้ำมันมะพร้าว

ในขณะนี้ Sarnies ยังเปิดร้านแบบ soft opening อยู่ เมื่อร้านเปิดเต็มนี้เมื่อไร เราได้ยินแว่วๆ ว่าร้านจะเสิร์ฟอาหารเย็นและค็อกเทลด้วย

Fact Box

  • Sarnies ซอยเจริญกรุง44 BTS สะพานตากสิน บางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 เปิดบริการทุกวันเวลา 9.00-18.00 น. โทร. 0-2102-9407 หรือคลิก www.sarniescafe.com  และ facebook.com/sarnies.bkk/
Tags: , , ,