แม้สหรัฐอเมริกาจะถูกประชาคมโลกมองว่าพยายามทำตัวเป็นตำรวจโลกอยู่ตลอดเวลา จากการเข้าแทรกแซงกิจการภายในและกอบโกยผลประโยชน์ในดินแดนต่างๆ แต่กรณีจีนกับไต้หวัน จีนกับฮ่องกง หรือจีนกับชนกลุ่มน้อยมุสลิมซินเจียงอุยกูร์ การยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทของสหรัฐฯ กลับได้รับเสียงสนับสนุนมากกว่าที่คิด

พลเอก ฟิลิป เดวิดสัน (Philip Davidson) นายทหารระดับสูงสหรัฐฯ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก วิเคราะห์ว่า ภายใน 6 ปีนับจากนี้ จีนจะเร่งวางแผนเพื่อยึดไต้หวันกลับคืนมาอีกครั้ง เขาเสนอแนวคิดต่อคณะกรรมาธิการกองกำลังติดอาวุธและเหล่าวุฒิสภาว่า จีนอาจกำลังทำบางสิ่งเพื่อชิงอำนาจทางทหารรวมถึงการรับบทบาทเป็นผู้นำในเอเชียแทนที่สหรัฐฯ

แต่เหตุผลใดบ้างที่ทำให้พลเอกเดวิดสันกังวลได้ถึงขนาดนี้

 

การกระทบกระทั่งบ่อยครั้งระหว่าง จีน ไต้หวัน สหรัฐฯ

ข้อสันนิษฐานของพลเอกเดวิดสันอาจไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายตั้งแต่แรก การกระทบกระทั่งกันระหว่างจีนกับไต้หวันยังคงมีให้เห็นอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับจีนที่กล่าวเตือนไต้หวันว่า “ประกาศเอกราชเท่ากับประกาศสงคราม” หรือ “อย่าเล่นกับไฟ เพราะไฟจะไหม้ตัวเอง”

นอกจากนี้ จีนยังยืนยันต่อสื่อทุกครั้งว่าไต้หวันคือส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ และกดดันหลายประเทศให้ไม่ทำการค้ากับไต้หวัน พร้อมทั้งหมั่นสร้างแรงกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจเพื่อให้พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) พรรครัฐบาลปัจจุบันของไต้หวันเสื่อมความนิยม ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเรียกการกระทำนี้ของจีนว่า ‘มาตรการโดดเดี่ยวไต้หวัน’

ที่กล่าวมายังไม่รวมกรณีการยืนยันกับองค์กรระหว่างประเทศว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทำให้ไต้หวันไม่สามารถเข้าร่วมองค์กรได้ในฐานะประเทศสมาชิก ไปจนถึงการกระทำของจีนที่สร้างความวิตกกังวลให้กับรัฐบาลไต้หวัน โดยส่งเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินทิ้งระเบิดล้ำเส้นเข้ามายังเขตป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวันเสมอ

ไต้หวันแยกตัวออกจากจีนแผ่นดินใหญ่นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองจบลงเมื่อปี 1949 ตั้งรัฐบาลและปกครองตนเองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย แม้หลายยุคหลายสมัย ไต้หวันจะมีท่าทีประนีประนอมต่อจีน ทว่าพอในยุคของ ไช่ อิงเหวิน (Tsai Ing-wen) ผู้ลงสมัครท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีไต้หวัน เธอยืนยันตั้งแต่ครั้งหาเสียงว่าไต้หวันเป็นประเทศ มีเอกราช มีสิทธิเสรีภาพในการปกครองตัวเองมาตั้งนานแล้ว เมื่อเธอชนะการเลือกตั้ง จีนได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันทันที

รัฐบาลไต้หวันภายใต้การนำของประธานาธิบดีไช่ พยายามโต้ตอบการกระทำของรัฐบาลปักกิ่งแบบตอดเล็กตอดน้อยเสมอ อาทิ การเปลี่ยนปกหนังสือเดินทางไต้หวันที่ทำให้คำว่า ‘สาธารณรัฐจีน’ เล็กลงอย่างเห็นได้ชัด โลกจึงมักเห็นการโต้ตอบอย่างเผ็ดร้อนระหว่างโฆษกกระทรวงต่างประเทศของทั้งสองประเทศ หรือประเด็นการเตรียมแก้กฎหมายสมรสเท่าเทียม อนุญาตให้คนต่างชาติแต่งงานกับคนไต้หวันเพศเดียวกันได้ยกเว้นประเทศจีน ซึ่งถือเป็นการย้ำจุดยืนว่าไต้หวันไม่ใช่จีน และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ตามที่รัฐบาลปักกิ่งว่าไว้

หลังการเปลี่ยนผ่านประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากโดนัลด์ ทรัมป์ เป็น โจ ไบเดน การหมดอำนาจของทรัมป์ที่แสดงจุดยืนชัดเจนว่าสนับสนุนไต้หวันมาโดยตลอด ส่งผลเกิดความกังวลใจเล็กน้อยต่อชาวไต้หวันว่า เพนตากอนจะสานต่อความเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นเหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งประธานาธิบดีไช่ยืนยันว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีไบเดน จะยังคงเป็นพันธมิตรกับไต้หวันต่อไป และการประกาศของประธานาธิบดีไช่สร้างความไม่พอใจอย่างมากต่อรัฐบาลปักกิ่ง

เมื่อกองทัพจีนบุกล้ำเขตแดนไต้หวัน สหรัฐฯ ที่กลายเป็นพันธมิตรของไต้หวันก็มักส่งเรือบรรทุกเครื่องบินรบแล่นเข้าสู่ทะเลจีนใต้เพื่อคานอำนาจทางทหารกับจีน ความตึงเครียดระหว่างสามดินแดนในปัจจุบันจึงแทบไม่มีช่วงผ่อนคลายแม้แต่น้อย

เมื่อจีนยอมให้ ‘สี จิ้นผิง’ มีอำนาจเบ็ดเสร็จ

เดือนมกราคมที่ผ่านมา รัฐบาลปักกิ่งเพิ่งอนุมัติให้แก้ไขกฎหมายบางช่วงบางตอนของกระทรวงกลาโหม ให้ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีและประธานคณะกรรมการทหารส่วนกลางกองทัพจีน เข้ามามีบทบาทควบคุมการทำงานของกระทรวงกลาโหมมากกว่าเดิม ส่งผลให้อำนาจการตัดสินใจที่เดิม อยู่กับสภาแห่งรัฐ เปลี่ยนเป็นการรวบอำนาจให้ประธานาธิบดีเป็นผู้ตัดสินแทน ส่วนคณะรัฐมนตรีก็ถูกจำกัดบทบาทลงให้เป็นฝ่ายสนับสนุนทางการทหาร

รัฐบาลจีนยังปรับปรุงกลไกบริหาร การจัดการยุทโธปกรณ์ และกองกำลังทหารในสถานการณ์ใหม่ รัฐจะระดมทรัพยากรทั้งทางทหารและพลเรือนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติทั้งในและต่างประเทศ เน้นการประสานงานระหว่างกองทัพกับเอกชนในการพัฒนาวิจัยเทคโนโลยี เพื่อให้กองทัพดึงศักยภาพสูงสุด รวมถึงให้ความสำคัญกับสงครามที่ไม่ใช่การต่อสู้ในสมรภูมิอย่าง สงครามไซเบอร์ และการแข่งขันทางอวกาศ

 

การเตรียมตัวตั้งรับของสหรัฐฯ

การเคลื่อนไหวตั้งแต่ช่วงต้นปีของรัฐบาลปักกิ่ง ทำให้สื่อและนักวิชาการหลายคนมองคล้ายกันว่า การมอบอำนาจให้ประธานาธิบดีสี เกิดขึ้นเพื่อรุกรานมากกว่าป้องกันตัว เพราะรัฐบาลปักกิ่งแสดงเจตจำนงอย่างเปิดเผยมาตลอดว่าจะปราบปรามดินแดนใต้การปกครองที่พยายามแยกตัวออกจากจีนแผ่นดินใหญ่อย่างไต้หวันและฮ่องกง รวมถึงสหรัฐอเมริกาที่เป็นคู่แข่งสำคัญด้วยเช่นกัน

พลเอกเดวิดสันแสดงความคิดเห็นเตือนเหล่าสมาชิกสภาคองเกรส ย้ำว่าไม่ได้มีแค่ไต้หวันกับฮ่องกงเท่านั้นที่อาจถูกรุกราน แต่สหรัฐฯ ก็นับเป็นอีกหนึ่งเป้าหมาย อ้างอิงจากคลิปวิดีโอหนึ่งประชาสัมพันธ์ที่กองทัพเผยแพร่เมื่อปี 2020 กับการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีเกาะร้างที่มองจากลักษณะทางภูมิศาสตร์แล้วคล้ายคลึงกับเกาะดิเอโกการ์เซียที่ตั้งฐานทัพสหรัฐฯ รวมถึงเกาะกวม และเขาคิดว่าความเหมือนนี้เป็นการตั้งใจมากกว่าเรื่องบังเอิญ ก่อนจะเรียกร้องให้รัฐบาลอนุมัติการติดตั้งเครื่องสกัดกั้นขีปนาวุธบนเกาะกวม

ทั้งสองประเทศต่างทุ่มงบไปกับกระทรวงกลาโหมเป็นจำนวนมาก เห็นได้จากในปี 2020 รัฐบาลปักกิ่งเทงบกว่า 1.27 ล้านล้านหยวน (1.9 แสนล้านดอลลาร์) เข้าสู่กองทัพ แต่ถึงตัวเลขจะมหาศาล จีนก็ยังคงเป็นประเทศอันดับสองของโลกที่ใช้งบประมาณไปกับกระทรวงกลาโหม โดยอันดับหนึ่งของปีก่อนคือสหรัฐอเมริกา ที่ทุ่มงบไปกว่า 7.4 แสนล้านดอลลาร์

ในปีนี้สหรัฐฯ เตรียมตัวและระแวดระวังมากกว่าเดิม ด้วยการเตรียมอัดฉีดงบมากกว่าปีที่แล้ว โดยทำเนียบขาวเคยออกแถลงการณ์ว่าภายใน 2 ปี สหรัฐฯ จะเพิ่มงบวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มากขึ้น เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์ระดับชาติ ภายใต้ศูนย์พัฒนาร่วมเทคโนโลยีเอไอ (Joint AI Center) ภายใต้สังกัดกระทรวงกลาโหม

การคานอำนาจระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ถูกเรียกว่า ‘ประเทศพี่ใหญ่’ ยังคงเดินหน้าต่อไป ทั้งในแง่การเมือง การทูต กองทัพ และเศรษฐกิจ โดยที่ทั่วโลกต่างหวังว่าความตึงเครียดของสองประเทศจะยังคงอยู่ในระดับกลางไปเรื่อยๆ อาจมีการกระทบกระทั่งกันบ้างบางเวลา แต่ทุกฝ่ายต่างขอให้อย่าเกิดข้อพิพาทใหญ่โต จนกระทบกับทั้งโลก ขณะที่ กรณีของไต้หวันกับฮ่องกง ยังคงเป็นเรื่องที่หลายชาติต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

 

 

อ้างอิง

https://www.theguardian.com/world/2021/mar/10/china-could-invade-taiwan-in-next-six-years-top-us-admiral-warns

https://www.scmp.com/news/china/military/article/3115955/china-us-tension-american-warships-sail-through-taiwan-strait

https://www.scmp.com/news/china/military/article/3111960/how-china-pushing-forward-its-plan-powerful-modern-military

https://www.reuters.com/article/us-newyear-taiwan/in-new-years-speech-taiwan-president-again-reaches-out-to-china-idUSKBN2961Y7

 

Tags: , , , , , , ,