เมื่อวานนี้ (23 พฤศจิกายน 2023) แชนแนลนิวส์เอเชีย (Channel News Asia) สื่อสิงคโปร์เผยว่า คนไทยอย่างน้อย 30 ราย ติดอยู่ในเมืองเล่าก์กาย (Laukkai) รัฐฉาน เมียนมา ซึ่งเชื่อมโยงกับ ‘ขบวนการค้ามนุษย์’ และแก๊งต้มตุ๋นคอลเซ็นเตอร์ ท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัฐบาลทหารกับกลุ่มต่อต้านที่กำลังรุนแรง
ย้อนกลับไปวันที่ 27 ตุลาคม 2023 กลุ่มต่อต้าน ‘พันธมิตรภราดรภาพ’ (Brotherhood Alliance) ได้แก่ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (Ta’ang National Liberation Army: TNLA) กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (Myanmar National Democratic Alliance Army) และกองทัพยะไข่ (Arakan Army) บุกโจมตีใน ‘ปฏิบัติการ 1027’ (Operation 1027) โดยอ้างว่า เป็นการกำจัดคณะรัฐประหาร คือกองทัพเมียนมา (Tatmadaw) และทลาย ‘กลุ่มคอลเซ็นเตอร์’ ที่หลอกลวงประชาชนบริเวณชายแดนจีน
เรดิโอฟรีเอเชีย (Radio Free Asia) เผยว่า ปฏิบัติการดังกล่าวขยายตัวไปทั่วรัฐฉาน (Shan) โดยมีผู้คนบางส่วนจากกลุ่มรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government: NUG) เข้าร่วมด้วย
ปัจจุบัน กลุ่มต่อต้านยึดเมืองในรัฐฉาน 9 แห่ง และปรากฏฐานทัพทหาร 160 ที่ รวมถึงกำลังเร่งควบคุมถนนสายหลัก เพื่อสร้างความได้เปรียบในการสู้รบครั้งนี้ ขณะที่กองทัพเมียนมาบางส่วน ‘แปรพักตร์’ เข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้าน นับเป็นสถานการณ์ร้ายแรงสำหรับกลุ่มทหารเมียนมา ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศอย่างเป็นทางการในปี 1948
อย่างไรก็ตาม แชนแนลนิวส์เอเชียเผยข้อมูลว่า คนไทย 30 คน พร้อมกับชาวมาเลเซียและฟิลิปปินส์ติดอยู่ในเมืองเล่าก์กาย ท่ามกลางสถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง เพราะผู้คนเหล่านี้กำลังเผชิญสภาวะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม
นอกจากนี้ คนไทยในเมียนมากลุ่มนี้ อาจเชื่อมโยงกับ ‘การบังคับให้ต้มตุ๋นผ่านคอลเซ็นเตอร์’ อ้างอิงจากรายงานของบีบีซีไทย (BBC Thai) เมืองเล่าก์ก่ายถูกครอบงำด้วยทุนจีนสีเทา โดยตระกูลมาเฟีย 4 ตระกูลชาวจีนที่มีอิทธิพลในเมียนมา แปรเปลี่ยนให้ย่านชนบทแห่งนี้เป็นแหล่งอโคจร เต็มไปด้วยธุรกิจคาสิโน แหล่งค้าประเวณี และจุดศูนย์กลางในการค้ามนุษย์
หนึ่งในนั้น คือการบังคับให้ทำงานต้มตุ๋นในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยบีบีซีไทยเผยว่า มีเหยื่อมากกว่า 1 แสนคน ที่ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับให้หลอกลวงผู้คนผ่านโทรศัพท์ในรูปแบบคอลเซ็นเตอร์
ทั้งนี้ พลพิสิทธิ์ ชายไทยวัย 52 ปี ให้สัมภาษณ์กับแชนแนลนิวส์เอเชียว่า ลูกชายของเขาได้รับโอกาสไปทำงานที่เมียนมา เพราะบริษัทต่างชาติเสนอค่าตอบแทนสูง ดึงดูดใจ ทว่าภายหลัง เขาทราบว่า ลูกชายวัย 26 ปี ถูกหลอกให้ทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ต้มตุ๋นประชาชน ซึ่งเป็นระยะเวลา 6 เดือน พลพิสิทธิ์ก็ยังไม่ทราบว่า ลูกของเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“คนกลุ่มนี้อาจขูดรีดลูกชายของผม ฆ่าเขา และขายไต สิ่งที่ผมอาจได้กลับมาเพียงอย่างเดียว คือเถ้ากระดูกของเขา” ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์จากพลพิสิทธิ์
สำหรับความเคลื่อนไหวจากรัฐสภา ด้าน กัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเป็นธรรม เข้าพบญาติผู้เสียหายและให้สัญญาว่า จะปฏิบัติต่อผู้ที่เดินทางกลับมาอย่างเป็นธรรม สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่บางส่วนปฏิบัติตัวย่ำแย่ต่อผู้เสียหาย เพราะปักใจเชื่อว่า เหยื่อจงใจทำงานดังกล่าวเพื่อแลกกับค่าตอบแทนสูง
“(ปัญหา) เริ่มต้นจากรากเหง้าแห่งปัญหาของโอกาสในการทำมาหากินของคนไทย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้น จึงมีผู้ประสงค์ร้ายที่ใช้จังหวะภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่คนหางานกันยากลำบากมาล่อลวงให้คนส่วนใหญ่เดินทางไปประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทำงานและได้ค่าตอบแทนที่ดี” กัณวีร์เผยในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเรียกร้องการยกระดับการทำงานของกลไกส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) ในกระบวนการช่วยเหลือผู้เสียหาย
อ้างอิง
https://www.rfa.org/english/commentaries/myanmar-contagion-11192023100442.html
https://www.bbc.com/thai/articles/czd2110x5qlo
