วันนี้ (18 ตุลาคม 2564) ที่กระทรวงสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในการมอบนโยบายปี 2565 ของกระทรวงสาธารณสุข โดยอนุทิน ระบุตอนหนึ่งว่า ตลอด 2 ปี 4 เดือน ตั้งแต่รับหน้าที่ในกระทรวง ได้พบกับความท้าทาย หลากหลายสถานการณ์ เข้ามาแรกๆ ก็เจอน้ำท่วม พีเอ็ม 2.5 และเข้ามาไม่ถึงครึ่งปี ก็มีสถานการณ์โควิด-19
“ทุกสิ่งที่ผ่านมา ล้วนพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ว่า พลังของสาธารณสุขไทย เป็นพลังที่เข้มแข็งที่สุด มีรากฐานที่มั่นคงแข็งแกร่ง มีหลายฝ่ายตั้งคำถามว่าทำไมระบบการสาธารณสุขไทยถึงเข้มแข็ง แข็งแกร่ง สิ่งที่เห็นได้ชัดคือการผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนในการทำงานร่วมกันไป พร้อมทั้งการรวมภาคีเครือข่ายที่พวกเราทุกคนได้ร่วมกันสร้างสรรค์ ขับเคลื่อน ให้ระบบการสาธารณสุขไทยได้ฟันฝ่าทุกวิกฤตที่เกิดขึ้น”
อนุทิน บอกว่า ภายใต้สถานการณ์ที่หลายครั้งดูเหมือนจะสิ้นหนทาง ดูเหมือนกำลังจะเดินเข้าไปชนทางตัน แต่ในที่สุด ก็ก็สามารถคลี่คลายได้ทุกครั้ง ทั้งหมด มาจากความร่วมมือของบุคลากรกระทรวงทุกคน รวมถึงระบบสนับสนุน และสิ่งที่สะท้อนชัดอีกอย่างก็คือ ทุกครั้งที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ คณะรัฐมนตรีก็เห็นชอบทุกครั้ง ด้วยความสบายใจจากรัฐมนตรีทุกคน
สำหรับปี 2565 น่าจะเต็มไปด้วยความท้าทายอีกปี โดยยืนยันว่า หลังจากต่อสู้กับโควิดมาเกือบ 2 ปี ประเทศไทย ต้องยืนหยัดได้ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ประเทศไทย ต้องปรับตัวไปสู่โอกาส ความสำเร็จ และความผาสุกของคนไทยทุกคน และทำให้ชีวิตเป็นปกติสุข เพื่ออยู่ร่วมกับโควิด-19ให้ได้
“สำหรับการสร้างความมั่นคง การจัดหา ผลิตวัคซีน นั้น กระทรวงสาธารณสุข ได้พิสูจน์ชัดเจน มีสำนวนภาษาฝรั่งอยู่ว่า เวลาถูกปรามาสอะไรบางอย่าง ว่าถ้าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง สุจริตได้ คือ Only time will tell เราโดนด้อยค่า เราโดนปรามาส เราโดนดูถูกดูแคลน ว่าเราบริหารสถานการณ์ไม่เป็น เดินตามหลังสถานการณ์ตลอดเวลา บริหารเช้าชามเย็นชาม
“แต่ Only time will tell and time has told ว่ากระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้อยู่เฉยๆ เราเตรียมพร้อมในทุกๆ ด้าน ที่ทำให้เราสามารถรับสถานการณ์ได้ เราทราบว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ด้วยปัจจัยอื่นๆ เราไม่สามารถพูดได้ว่าเราจะไม่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด เราได้คาดการณ์ไว้แล้วว่า การระบาดเช่นนี้จะเกิดขึ้น และเราได้เตรียมพร้อมตัวเองเสมอ จากวัคซีนช้า วัคซีนไม่พอ วัคซีนขาด วัคซีนม้าตัวเดียว จนวันนี้ ผมคิดว่า ถ้ามีความจำเป็น เราสามารถจะฉีดวัคซีนให้เกินเป้าหมายประชากร 70% ได้ ถ้าประชากร ต้องการวัคซีน หรือให้ความร่วมมือมาฉีดวัคซีนมากขึ้น เราคาดว่าจะฉีดครบ 70% ของประชากรได้ ภายในสิ้นปีนี้แน่นอน”
สำหรับวิสัยทัศน์ของกระทรวงสาธารณสุข ในปี 2565 จะเน้นใน 9 ประเด็น ได้แก่
1.ใช้มาตรการสาธารณสุขขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อเตรียมการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุน ให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับภาวะปกคิมากขึ้น
2.พัฒนาศักยภาพสถานพยาบาลของรัฐ ให้พร้อมรองรับวิกฤต โรคระบาด โรคอุบัติใหม่ และความเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ
3.พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพการแพทย์ปฐมภูมิ ด้วยหมอประจำบ้าน หมออนามัย หมอครอบครัว
4.พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ รพ.สต. เป็นศูนย์การสาธารณสุขประจำตำบล
5.พัฒนาและบูรณาการสำหรับผู้ป่วยสูงอายุ ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี
6.พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพงานบริการ ต่อยอด 30 บาท รักษาทุกที่ ไม่ต้องมีใบส่งตัว
7.พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพการรักษามะเร็ง รักษาทุกที่
8.พัฒนาพืชสมุนไพร กัญชา กัญชง กระท่อม และภูมิปัญญาไทย เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้
9.พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เน้นศูนย์ข้อมูลกลางสุขภาพประชาชน
“ขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี z,ยังอยู่อีกพักใหญ่ๆ ไม่ต้องห่วงนะครับ นโยบายต้องดำรงอย่างชัดเจน ผมไม่ได้มาทำนโยบายเพื่อตัวเอง กระทรวงนี้ดีอย่าง พอเข้ามาปุ๊ป คำว่าตัวเอง คิดได้ แต่ไม่กล้าทำ พอเข้ามากระทรวงสาธารณสุข คำว่าตัวเอง มันถูกตัดออกไปโดยอัตโนมัติ”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
Tags: วัคซีน, โควิด19, กระทรวงสาธารณสุข, อนุทิน