สื่อทางการของจีนรายงานว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีน เตือนโจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ว่า ‘อย่าเล่นกับไฟ’ ท่ามกลางความตึงเครียดเนื่องจาก แนนซี เปโลซี (Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อาจไปเยือนเกาะไต้หวันในช่วงเดือนหน้า พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐฯ ปฏิบัติตาม ‘หลักการจีนเดียว’ ซึ่งเป็นรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และเน้นย้ำว่าจีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อเอกราชของไต้หวันและการแทรกแซงของกองกำลังภายนอก
“บรรดาผู้ที่เล่นกับไฟจะต้องพินาศด้วยไฟนั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสหรัฐฯ จะมองเห็นได้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้” สี จิ้นผิงกล่าว ตามคำแถลงของทางการจีน พร้อมให้คำมั่นว่าจะปกป้องอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน โดยสีกล่าวว่านี่เป็น “เจตจำนงอันมั่นคงของชาวจีนมากกว่า 1.4 พันล้านคน”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประธานาธิบดีจีนเตือนสหรัฐฯ ด้วยข้อความที่เด็ดขาด เพื่อห้ามไม่ให้สหรัฐฯสนับสนุนไต้หวันต่อสาธารณะ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว สี จิ้นผิงเคยเตือนประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการประชุมสุดยอดว่า จีนพร้อมที่จะใช้ ‘มาตรการขั้นเด็ดขาด’ หากไต้หวันเคลื่อนไหวเพื่อมุ่งสู่การเป็นเอกราช โดยข้ามเส้นสีแดงที่จีนขีดไว้
ขณะที่ทางไบเดนได้ตอบสนองต่อความคิดเห็นของประธานาธิบดีจีนเกี่ยวกับไต้หวัน โดยกล่าวย้ำนโยบายของสหรัฐฯ ว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลง และสหรัฐฯ คัดค้านอย่างยิ่งต่อความพยายามฝ่ายเดียว ในการเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ หรือบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน
ทั้งนี้ การพูดคุยของประธานาธิบดีทั้งสองประเทศเกิดขึ้นทางโทรศัพท์ ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง และเป็นการสนทนาครั้งที่ 5 ของผู้นำทั้งคู่ นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 หลังจากไบเดนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดย แคริน ฌอง-ปิแอร์ (Karine Jean-Pierre) โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า ทั้งคู่มีการสนทนาที่ ‘ตรงไปตรงมา’ ต่อกัน และการถูกคุยดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะรักษาแนวการสื่อสารที่เปิดกว้าง และจัดการความสัมพันธ์ด้วยความรับผิดชอบ
“นี่คือสิ่งที่คุณได้ยินจากประธานาธิบดีตลอดเวลา ซึ่งเป็นความสำคัญของการสนทนาระหว่างผู้นำกับผู้นำ” ฌอง-ปิแอร์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี และเสริมว่าทั้งสีและไบเดน รู้จักกันมาเป็นเวลากว่าสี่ทศวรรษ และทำงานร่วมกันมาสักระยะแล้ว ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันกล่าวว่า ไต้หวันจะยังคงสานต่อความร่วมมือด้านความมั่นคงอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ต่อไป
นอกจากประเด็นเรื่องการเยือนไต้หวันของสหรัฐฯ ทำเนียบขาวระบุว่า ผู้นำทั้งสองยังได้พูดคุยถึงประเด็นต่างๆ ที่สำคัญต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีและปัญหาระดับภูมิภาคและระดับโลกอื่นๆ อาทิ การรุกรานยูเครนของรัสเซีย วิกฤตด้านอาหารและพลังงาน รวมถึงมอบหมายให้ทีมงานดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความมั่นคงด้านสุขภาพ
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานว่าเปโลซี ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กำลังวางแผนเดินทางไปไต้หวัน แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการยืนยันก็ตาม โดยมีรายงานว่าทางไบเดนได้เตือนไม่ให้มีการเดินทางดังกล่าว รวมถึงจีนก็เตือนสหรัฐฯ ว่าอาจเกิดผลกระทบที่ร้ายแรง หากเปโลซีมาเยือนไต้หวันจริง เนื่องจากจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อไต้หวัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ที่มา: