ข้อมูลล่าสุดวันนี้ (23 มีนาคม 2022) จากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก จากข้อมูลการบินพบว่า ในช่วงวินาทีสุดท้ายก่อนเกิดอุบัติเหตุดิ่งชนภูเขา เครื่องบินโบอิง 737-800 ของสายการบิน ไชนา อีสเทิร์น เที่ยวบินที่ MU5735 ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกที่มณฑลกว่างซี เมื่อวันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2022 นั้น บินด้วยความเร็วใกล้กับความเร็วเสียง โดยใช้ความเร็วมากกว่า 966 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในบางช่วงเวลาก็บินด้วยความเร็วเกินกว่า 1,126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามข้อมูลในเว็บไซต์ Flightradar24 ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำหรับติดตามข้อมูลการบิน
บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า ด้วยความเร็วในระดับดังกล่าว อาจสร้างความยากลำบากให้กับทีมผู้สืบสวนสาเหตุการตก เพราะการบินด้วยความเร็วที่มากขนาดนั้น และการชนที่รุนแรง อาจสร้างความเสียหายให้กับ ‘กล่องดำ’ และเครื่องบันทึกข้อมูลการบิน ซึ่งออกแบบมาให้ทนทานต่ออุบัติเหตุส่วนใหญ่
จอห์น แฮนส์แมน (John Hansman) ศาสตราจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีอวกาศ มหาวิทยาลัยเอ็มไอที บอกว่า ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าเครื่องบินลำดังกล่าวบินใกล้เคียงกับความเร็วเสียง และตกลงมาด้วยความสูงชัน
ทั้งนี้ เสียงเดินทางด้วยความเร็ว 1,235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ระดับน้ำทะเล แต่เสียงจะเดินทางช้าลงเมื่ออยู่ในที่สูงและความกดอากาศ โดยอยู่ที่ 1,067 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระดับ 35,000 ฟุต (10,668 เมตร)
สำหรับเครื่องบินไชนา อีสเทิร์น ซึ่งเดินทางจากคุนหมิงไปยังกว่างโจว และมีผู้โดยสาร 132 รายนั้น อยู่ที่ระดับ 29,000 ฟุต โดยก่อนที่จะดิ่งลงสู่พื้นโลก เครื่องบินลำนี้บินด้วยความเร็วถึง 957 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยข้อมูลความเร็วสอดคล้องกับวิดีโอที่แสดงการพุ่งทะยานในมุมสูงชันในช่วงเวลาก่อนที่จะกระทบ และบ่งชี้ว่าน่าจะกระแทกพื้นด้วยแรงมหาศาล
บ็อบ มานน์ (Bob Mann) ประธานที่ปรึกษาบริษัท RW Mann & Co บริษัทที่ปรึกษายักษ์ใหญ่ บอกว่า การชนดังกล่าวดูจะเป็นการชนที่รุนแรง และการชนในระดับนั้นอาจสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเครื่องบันทึกข้อมูลการบิน และเครื่องอัดเสียงในห้องนักบิน สองสิ่งนี้จะรอดจากแรงชนมหาศาลขนาดนั้นหรือไม่ ยังไม่มีใครรู้
ขณะที่ เจมส์ แคช (James Cash) ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเทคนิคเกี่ยวกับเครื่องบันทึกเสียง ของคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (National Transportation Safety Board’s) ระบุว่าเครื่องบันทึกกล่องดำสมัยใหม่ ซึ่งเก็บข้อมูลบนชิปคอมพิวเตอร์ มีประวัติที่ดีในการเอาตัวรอดจากเหตุขัดข้องด้วยความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ยากกว่าคือการ ‘ค้นหา’ โดยแผงวงจรที่จัดเก็บข้อมูลมักหลุดออกจากการป้องกันภายนอกเครื่องบันทึก แต่ข้อมูลสามารถดึงออกมาได้ แม้ว่าจะเสียหายมากขนาดไหนก็ตาม
ไมเคิล แดเนียล (Michael Daniel) ผู้ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการสอบสวนเที่ยวบินของอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ 990 ในปี 1999 และซิลค์แอร์ เที่ยวบินที่ 185 ในปี 1997 ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์เป็นการตั้งใจนำเครื่องดำดิ่งสู่พื้นเพื่อฆาตกรรมหมู่ผู้โดยสารทุกคนบนเครื่อง ต่างก็ดำดิ่งลงสู่พื้น ‘อย่างรวดเร็วและฉับพลันมาก’ ตั้งข้อสังเกตว่า หากมีความผิดพลาด มักจะมีการแจ้งเหตุฉุกเฉินก่อนในเบื้องต้น แต่ครั้งนี้ไม่มีอะไรบ่งบอกถึงการแจ้งปัญหาใดๆ
แดเนียลยังวิเคราะห์อีกด้วยว่า หากตัวควบคุม Horizontal Stabilizer ซึ่งควบคุมการทรงตัวในแนวตั้งของเครื่องบินชำรุด ก็จะเห็นเครื่องบินสั่นไปสั่นมาบ้างก่อนดิ่งลงพื้น มากกว่าจะดิ่งลงมาในแนวตั้ง
ทว่า MU5735 ตกลงไปเกือบ 8 พันเมตรใน 2 นาทีตามข้อมูลของ FlightRadar24 และพุ่งชนภูเขาด้วยความเร็วสูงโดยไม่ได้มีอาการสั่น โดยเหตุการณ์ดังกล่าวถูกจับภาพได้ และควันไฟจากการระเบิดก็เห็นได้ถึงระยะ 5 กิโลเมตร
จอห์น ค็อกซ์ (John Cox) ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยการบินและอดีตนักบิน 737 บอกว่าลักษณะการบินดังกล่าวนั้นแปลกมาก และเป็นเรื่องยากที่เครื่องบินปกติจะบินในลักษณะนี้
ขณะที่ ฌอง-พอล โทรเดก (Jean-Paul Troadec) อดีตผู้อำนวยการสำนักสอบสวนและวิเคราะห์ความปลอดภัยการบินพลเรือนของฝรั่งเศส บอกกับสำนักข่าว AFP ว่าข้อมูลการบินของเที่ยวบินดังกล่าวนั้นผิดปกติมาก แต่ก็เสริมว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปสาเหตุการตก
สำหรับปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือล่าสุดบริเวณจุดที่เครื่องบินตกเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้หยุดลงชั่วคราว เนื่องจากมีฝนตกอย่างหนัก ถนนโดยรอบเต็มไปด้วยโคลน ขณะที่สื่อทางการจีนระบุว่าโดยรอบพื้นที่ยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นของน้ำมันเครื่องบิน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทั้งพื้นที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุดินถล่ม สร้างอันตรายให้กับทีมค้นหา ส่วนกล่องดำนั้น ยังคงไม่ปรากฏในพื้นที่ และไม่น่าจะค้นหาได้ง่ายๆ
ทั้งนี้ หากไม่สามารถค้นหาเครื่องบันทึกการบินเจอ ผู้เชี่ยวชาญอาจสามารถวิเคราะห์ได้จากข้อมูลของ Flightradar24 ซึ่งแน่นอนว่าจะวัดในแนวนอน และเป็นไปตามการคำนวณคร่าวๆ ถึงความเร็วในการบินในอากาศและความเร็วในการดิ่งลงเท่านั้น โดยวัดจากการเดินทางระหว่างจุดสองจุด ไม่ใช่ความเร็วที่แท้จริง และไม่อาจรวมถึงทิศทางลมหรือสภาพอากาศอื่นๆ
ขณะที่วิดีโอซึ่งจับภาพเครื่องบินขณะดิ่งไว้ได้ ก็ยังไม่ชัดเจนว่าพุ่งชนกระแทกเร็วขนาดไหน โดยข้อมูลสุดท้ายที่บันทึกโดย Flightradar24 พบว่าเครื่องบินอยู่ที่ระดับความสูง 3,200 ฟุต โดย 40 วินาทีสุดท้าย เครื่องบินบินขึ้นไปสักระยะหนึ่ง ก่อนจะดิ่งลงต่อ โดยในช่วงสุดท้ายก่อนตกบินช้าลงบ้าง แต่ก็ยังบินเร็วกว่าเครื่องปกติมาก
ที่มา
Tags: Report, เครื่องบินตก, ไชนา อีสเทิร์น