วันนี้ (12 กันยายน 2025) ชาอีร์ โบลโซนารู (Jair Bolsonaro) อดีตผู้นำบราซิลขวาจัด ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาราว 27 ปี ฐานพยายาม ‘ก่อรัฐประหาร’ และ ‘ทำลายประชาธิปไตย’ บราซิล ทำให้เขากลายเป็นผู้นำคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับโทษจำคุกในคดีดังกล่าว หลังพยายามสมรู้ร่วมคิดกับทหาร เพื่อลอบสังหารและโค่นล้ม ลูลา ดา ซิลวา (Lula da Silva) ประธานาธิบดีฝ่ายซ้าย

ย้อนกลับไปในเดือนมีนาคม 2025 ศาลสูงสุดบราซิลตัดสินให้โบลโซนารูต้องขึ้นศาล เพื่อพิจารณาคดีในข้อกล่าวหาล้มล้างผลการเลือกตั้ง และพยายามก่อการรัฐประหารในปี 2022  โดยสำนักงานตำรวจสหพันธรัฐบราซิลเปิดเผยรายงาน 884 หน้าว่า โบลโซนารูอยู่เบื้องหลังดีลลับยึดอำนาจ และแผนการลอบสังหารซิลวาที่คว้าชัยในการเลือกตั้งครั้งนั้น ด้วยคะแนนทิ้งห่างถึง 2.1 ล้านเสียง สร้างสถิติในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศ หลังเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยในทศวรรษ 1980

ทั้งนี้ผู้พิพากษาจาก 4-5 ราย ลงความเห็นว่า โบลโซนารูมีความผิดฐานพยายามยึดอำนาจและทำลายประชาธิปไตยของประเทศ ต้องจำคุกเป็นเวลา 27 ปี 3 เดือน พร้อมกับพรรคพวกอีก 7 ราย และทหารอีก 5 นาย โดย คาร์เมน ลูเซีย อันตุนเนส โรชา (Carmen Lucia Antunnes Rocha) หนึ่งในผู้พิพากษากล่าวก่อนการลงคะแนนเสียงว่า นี่คือคดีอาญาของประเทศที่สำคัญต่อทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต พร้อมขอประณามการ ‘หว่านเมล็ดพันธุ์’ ของโบลโซนารูที่หวังทำลายประชาธิปไตย และเฉลิมฉลองที่ระบอบประชาธิปไตยยังอยู่ได้ เพราะผู้คนลุกขึ้นสู้กลับ อีกทั้งยังเรียกอดีตประธานาธิบดีว่า ‘ไวรัสแห่งระบอบอำนาจนิยม’ 

“โบลโซนารูพยายามทำลายล้างเสาหลักสำคัญของหลักนิติธรรมตามระบอบประชาธิปไตย ผลลัพธ์ใหญ่ที่ตามมาคือ การทำให้ประเทศบราซิลหวนคืนสู่ยุคเผด็จการ” 

“เขาคือผู้บงการโครงสร้างของอาชญากรรมครั้งนี้ และเหยื่อคือรัฐบราซิล”

อเล็กซานเดอร์ เดอ มอเรส (Alexandre de Moraes) ผู้พิพากษากล่าวคำตัดสินว่า ศาลมีหลักฐานมากมายที่มัดตัวได้ว่า โบโซนารูวางแผนก่อรัฐประหารตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2021-มกราคม 2023 โดยนอกจากเอกสารราวพันหน้า หนึ่งในหลักฐานคือ ‘คลิปเสียง’ ของทหาร 53 นายที่ไม่ต้องการให้ลูลาเป็นผู้นำคนใหม่ของประเทศ ซึ่งวางแผนสังหารประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี และผู้พิพากษาศาลสูงสุด จนถึงขั้นพร้อมทำ ‘สงครามกลางเมือง’ อ้างความชอบธรรมจากประชาชนที่ออกมาสนับสนุนให้โบลโซนารูเป็นผู้นำต่อไป แต่แผนการดังกล่าวไม่สำเร็จ เพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากนายทหารระดับสูง

ขณะที่ ลุยซ์ ฟุก (Luiz Fux) ผู้พิพากษาคนเดียวที่ไม่ได้โหวตให้โบลโซนารูมีความผิด อธิบายว่า หลักฐานเหล่านั้นมัดตัวไม่ได้ และอดีตประธานาธิบดีถูกกล่าวหามากกว่า ถึงแม้ฟุกจะเป็นที่รู้จักในฐานะกลุ่มผู้สนับสนุนโบโซลนารูแบบสุดโต่ง แต่เขาก็ลงมติตัดสินให้คนใกล้ชิดของอดีตผู้นำ 2 คนคือ วอลเตอร์ บรากา เน็ตโต (Walter Braga Netto) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และเมาโร ซิด (Mauro Cid) ทหารผู้ช่วยโบลโซนารู มีความผิดฐานทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างรุนแรง โดยให้เงินทุนและวางแผนผู้พิพากษามอเรสสังหาร ที่นำไปสู่การแทรกแซงของกองทัพ

ถือว่าโทษครั้งนี้เป็นจุดตกต่ำของโบลโซนารู ชายผู้โลดแล่นในวงการการเมืองตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ตั้งแต่การทำงานสภาเมืองริโอเดอจาเนโร ทหารพลร่ม สส.เกือบ 3 ทศวรรษ และปิดท้ายด้วยตำแหน่งสูงสุดคือ ประธานาธิบดีในปี 2018 ทว่าในช่วงวาระการดำรงตำแหน่ง เขากลับสร้างเรื่องมากมาย ทั้งปฏิเสธการฉีดวัคซีน การสนับสนุนการทำเหมืองแร่และเลี้ยงสัตว์ผิดกฎหมายในป่าอเมซอน จนถึงการวางแผนก่อรัฐประหาร

ทั้งนี้ คาร์ลอส ฟิโก (Carlos Fico) นักประวัติศาสตร์ชาวบราซิลจาก Federal University of Rio de Janeiro มองว่า คดีดังกล่าวเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของบราซิลอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นครั้งแรกในรอบ 140 ปี ที่ทหารถูกตัดสินมีความผิดในฐานโค่นล้มระบอบประชาธิปไตย จากเดิมที่กองทัพไม่ต้องรับผิดใดๆ ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนกองทัพว่า บราซิลได้เปลี่ยนไปแล้ว 

อย่างไรก็ตาม คามิลลา โรชา (Camila Rocha) นักรัฐศาสตร์จาก Brazilian Centre for Analysis and Planning วิเคราะห์ว่า สถานการณ์นี้ไม่อาจไว้วางใจได้ เพราะกลุ่มสนับสนุนโบลโซนารูพยายามวางแผนช่วยเหลือเขาออกจากคุกคือ ใช้วิธีเลือกตั้งวุฒิสภาฝ่ายขวาในปีหน้า เพื่อนำไปสู่อำนาจการถอดถอนผู้พิพากษาศาลสูงสุดที่เป็นศัตรู การทำให้ว่าที่ผู้นำฝ่ายขวาคนใหม่ชนะการเลือกตั้งลูลา เพื่อขออภัยโทษโบลโซนารู หรือแม้แต่การใช้เสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กดดันหรือคว่ำบาตรบราซิล

ล่าสุดทรัมป์ในฐานะพันธมิตรใกล้ชิดของโบลโซนารูได้ออกมา แสดงความคิดเห็นกับคำพิพากษาดังกล่าว พร้อมเรียกว่า เป็นการ ‘ล่าแม่มด’ โดยวางแผนหวังลงโทษบราซิลด้วยการขึ้นภาษี คว่ำบาตร และแม้แต่เพิกถอนวีซ่าผู้พิพาษา ซึ่งได้รับการยืนยันจาก เอดูอาร์โด โบลโซนารู (Eduardo Bolsonaro) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอดีตผู้นำบราซิล และ สส. ว่า ทรัมป์เตรียมลงมือดำเนินมาตรการนี้จริง

เช่นเดียวกับ มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่โพสต์ข้อความบน X ว่า การตัดสินไม่เป็นธรรม และสหรัฐฯ จะตอบโต้ต่อการล่าแม่มด ทำให้กระทรวงการต่างประเทศบราซิลโต้กลับว่า ความเห็นของรูบิโอเป็นการข่มขู่บราซิล และเพิกเฉยความจริง หรือหลักฐาน พร้อมทิ้งท้ายว่า ประชาธิปไตยบราซิลจะไม่มีวันสั่นคลอนเพราะสหรัฐฯ

อ้างอิง

https://www.reuters.com/world/americas/brazils-bolsonaro-sentenced-27-years-after-landmark-coup-plot-conviction-2025-09-11/

https://www.theguardian.com/world/2025/sep/11/brazil-supreme-court-bolsonaro-guilty-coup

Tags: , , , , , , ,