นักรณรงค์ในรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลียพยายามเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่ระบุว่าการทำแท้งเป็นอาชญากรรมมาหลายทศวรรษแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนี้รัฐสภากำลังพิจารณาว่าจะแก้ไขกฎหมายนี้หรือไม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจจะแตกต่างกับครั้งอื่นๆ
เนื่องจากรัฐควีนส์แลนด์ตอนนี้มีผู้ว่าการรัฐเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นคนแรกของออสเตรเลียที่ได้รับเลือกตั้งสองสมัย ส่วนรองผู้ว่าการรัฐก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน ยังไม่รวมถึงคณะรัฐมนตรีทั้งหมดที่จำนวนครึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิง นอกจากนี้ผู้นำฝ่ายค้านก็ยังเป็นผู้หญิง จำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้หญิงเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานของรัฐสภา รวมทั้งการมีแนวปฏิบัติที่เป็นมิตรกับครอบครัวมากขึ้น
การลงมติในกฎหมายการทำแท้งในสัปดาห์นี้จะเป็นบททดสอบอำนาจของผู้หญิง ในการผลักดันนโยบายที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพวกเธอ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ชายเป็นผู้ออกกฎหมาย นักวิเคราะห์การเมืองกล่าวว่าข้อเสนอมาไม่ได้ไกลเท่านี้หากปราศจากอิทธิพลของผู้หญิง รวมทั้งการที่ผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่เป็นหัวอนุรักษนิยมยอมให้สมาชิกพรรคโหวตได้อย่างอิสระ
ในควีนส์แลนด์มีส.ส.ที่เป็นผู้หญิงจำนวน 1 ใน 3 ขณะที่ในคณะรัฐมนตรีมีชายและหญิงเท่าๆ กัน เด็บ เฟรกลิงตัน (Deb Frecklington) หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็นหัวหน้าพรรคลิเบอรัลเนชั่นแนล
เฟรกลิงตันกล่าวว่าส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายให้การทำแท้งไม่ใช่อาชญากรรม แต่เธอก็ยอมให้สมาชิกพรรคโหวตได้อย่างอิสระ ไม่ต้องขึ้นกับพรรค
ปัจจุบันผู้หญิงควีนส์แลนด์ต้องถูกลงโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี ส่วนแพทย์ต้องถูกลงโทษสูงสุด 14 ปี จากการยุติการตั้งครรภ์ ผู้ที่ถูกลงโทษตามกฎหมายนี้คนล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2010
ในอดีตความพยายามทำให้การทำแท้งไม่ใช่ความผิดทางอาญาได้รับความสนใจน้อยมาก ครั้งล่าสุดมีการถอนร่างกฎหมายก่อนจะลงมติในสภา
กฎหมายนี้ลอกมาจากกฎหมายของสหราชอาณาจักร ซึ่งถูกแก้ไขไปแล้วเมื่อ 50 ปีก่อน อนุญาตให้มารดาทำแท้งได้ภายใต้ข้อยกเว้นที่จำกัดมาก เช่น ปัญหาด้านสุขภาพ แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รัฐต่างๆ ในออสเตรเลียผ่อนปรนข้อห้ามเรื่องการทำแท้ง
ข้อเสนอการแก้กฎหมายของรัฐควีนส์แลนด์เหมือนกับของรัฐวิคตอเรียคือ หลังจากการทำแท้งหลัง 22 สัปดาห์แล้วต้องดำเนินการโดยแพทย์สองคน และต้องมีพื้นที่ปลอดภัย 150 เมตรเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงหรือคนที่ทำร้ายผู้หญิงเข้ามาที่คลินิกทำแท้งได้ แพทย์สามารถปฏิเสธการทำแท้งได้จากจุดยืนทางศีลธรรม โดยต้องแจ้งและส่งต่อผู้หญิงให้กับแพทย์คนอื่น
การถกเถียงในรัฐควีนส์แลนด์ของทั้งฝั่งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้หญิงเอง เฟรกลิงตันให้ความเห็นว่าแตกต่างจากกฎหมายความรุนแรงในครอบครัว ที่มีเพียงคนเดียวซึ่งบรรยายการถูกละเมิดจากประสบการณ์ของตัวเอง สำหรับเฟรกลิงตัน “กรณีนี้เปลี่ยนรูปแบบการถกเถียง”
จำนวนผู้หญิงอาจส่งผลต่อการลงมติในกฎหมายการทำแท้งเล็กน้อย แต่นักสังเกตการณ์คาดว่าการถกเถียงสะท้อนให้เห็นถึงระดับของความเข้าใจซึ่งไม่เกิดขึ้นกับกฎหมายที่ออกโดยผู้ชาย
ที่มา:
https://www.nytimes.com/2018/10/15/world/australia/australia-abortion-vote-women.html
Tags: ออสเตรเลีย, Abortion, ทำแท้ง, รัฐควีนส์แลนด์