บ้านสองชั้นขนาดย่อมในซอยสบายใจ แยก 4 ใกล้แยกสุทธิสาร คือร้านกาแฟเล็กๆ ของ ‘พูน–รัชนนท์ เทพบุตร’ บาริสต้าหนุ่มจากเมลเบิร์น ที่ตั้งใจจะกลับไปทำงานต่อที่ออสเตรเลีย แต่ต้องชะงักงันเพราะฤทธิ์ของโควิด-19 เขาจึงตัดสินใจเปิดร้านกาแฟขึ้นที่นี่ในชื่อ ‘Poonypoonycoffee’
พูน–รัชนนท์ ปรับเปลี่ยนบ้านเก่าของครอบครัวให้เป็นร้านกาแฟ โดยใช้เฟอร์นิเจอร์เก่าจากโรงเรียนที่คุณแม่ซื้อเก็บไว้อย่างพวกโต๊ะ เก้าอี้ และโซฟาเก่าจากคุณน้าที่นำมาซ่อมแซมใหม่ บ้านหลังนี้จึงอวลกลิ่นอายของความวินเทจ ท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่มด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และที่ชวนสะดุดตาก็คือรูปโลโก้ของร้าน
“ผมต้องคิดโลโก้ร้าน เพื่อนเลยชี้มาที่แขนว่าเอารูปนี้ไง” บาริสต้าหนุ่มชี้ไปยังรอยสักที่แขนของตัวเองซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากหน้ากาก Hyottoko ของญี่ปุ่น และนำมาดัดแปลงเป็นใบหน้าอันเหนื่อยล้าของตัวเองหลังเลิกงานที่เมลเบิร์น
พูน–รัชนนท์ เทพบุตร
…..
ด้วยประสบการณ์การเป็นบาริสต้าที่เมลเบิร์นกว่า 6 ปี พูน–รัชนนท์เล่าถึงวัฒนธรรมกาแฟของเมลเบิร์นว่า ผู้คนมักจะดื่มกาแฟกันอย่างจริงจังคนละ 4-5 แก้วต่อวัน ทำให้เขาต้องชงกาแฟถึงวันละ 500 แก้ว และกาแฟที่ชาวเมลเบิร์นนิยมดื่ม คือ Long Black และ Flat White แต่ก็มีบางคนที่ชอบสั่งเอสเพรสโซช็อตดื่มคู่กับน้ำส้ม
ด้วยวิถีชีวิตที่รีบเร่งของชาวเมือง ร้านกาแฟในเมลเบิร์นจึงนิยมมำเมล็ดกาแฟมา brew ไว้ล่วงหน้าเป็นปริมาณมาก เพื่อความรวดเร็วในการเสิร์ฟ แต่ก็ยังคงคาแรกเตอร์ของเมล็ดกาแฟนั้น และรักษารสชาติของกาแฟให้ออกมาดีที่สุด ซึ่งแตกต่างจากบ้านเราที่ลูกค้านิยมดูบาริสต้าดริปกาแฟอย่างแช่มช้า…ค่อยเป็นไปค่อยไป
สำหรับเมล็ดกาแฟของ Poonypoonycoffee มีให้เลือกจากหลายแหล่ง รวมทั้งเมล็ดกาแฟไทยที่มาจากดอยปางขอน จังหวัดเชียงราย และผ่านการคั่วด้วยเมลเบิร์นโพรไฟล์จากโรงคั่ว Cultivar 11 ในกรุงเทพฯ
นอกจาก Flat White เมนูที่มีต้นกำเนิดจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แล้ว เมนูกาแฟที่อยากให้ลองในร้านนี้ คือกาแฟประเภทฟิลเตอร์ คอฟฟี่ (Filter Coffee) ที่วันนั้นเราเลือกเมล็ดกาแฟบราซิลกับเอธิโอเปียซึ่งเป็น CM Blend เฉพาะของทางร้าน โดยผ่านการดริปอย่างช้าๆ ให้กลิ่นผลไม้อ่อนๆ และรสชาติเหมือนซูกัสสีม่วงรสแบล็คเคอร์แรนต์ ยิ่งดื่มแกล้มกับคานาเลแล้ว อยากบอกว่ารสชาติเข้ากันดีเหลือเกิน
แต่ถ้าคุณอยากเพิ่มความแรงของคาเฟอีน บาริสต้าหนุ่มแนะนำ Cold Brew เพิ่มเอสเพรสโซ 2 ช็อต ที่เข้มข้มประมาณพอให้ใจสั่นไหว
ฟิลเตอร์ คอฟฟี่มีตัวเลือกเมล็ดกาแฟให้ลูกค้าเลือกประมาณ 3 ชนิด
…..
พูนเล่าอีกว่า ปกติคาเฟ่ที่เมลเบิร์นมักเสิร์ฟแต่กาแฟคลาสสิกทั่วไป ไม่ได้มีเมนูพิเศษมากนักเมื่อเทียบกับที่เมืองไทย ซึ่งลูกค้ามักถามหากาแฟซิกเนเจอร์ของร้าน ซึ่งเขาก็ต้องปรับตัวและพยายามสร้างสรรค์เมนูกาแฟใหม่ๆ เพื่อตอบรับความต้องการของคอกาแฟชาวไทย
ขณะที่เขากำลังทำฟองนมลายน่ารักบน Babychino เมนูนมร้อนซิกเนเจอร์ (ที่เขาเคยใช้ออดิชั่นเพื่อเข้าทำงานที่ร้าน Manchester Press ในเมลเบิร์น) ความน่ารักของฟองนมนุ่มและช็อกโกแลตชวนให้ตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย และถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจหากใครอยากดื่มกาแฟแบบไร้คาเฟอีน
ฟองนมลายน่ารักบน Babychino เมนูนมร้อนซิกเนเจอร์
เราถามพูนว่า จริงหรือไม่ที่หากบาริสต้าที่เมลเบิร์นไม่สามารถทำลาเต้อาร์ตได้ คาเฟ่นั้นอาจะต้องปิดตัวไวกว่าที่คิด
“ขึ้นอยู่กับย่านนั่นด้วยเช่นกัน” พูนตอบ “ถ้าเป็นย่านใจกลางเมือง คาเฟ่ที่ทำลาเต้อาร์ตได้ก็จำเป็นมากๆ แต่ในย่านชานเมืองก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่เอาเป็นว่าถ้าบาริสต้ามีทักษะลาเต้อาร์ตด้วยแล้ว ก็มักจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ”
…..
เนื่องจากตอนนี้พื้นที่ของครัวมีจำกัด Poonypoonycoffee จึงยังไม่เสิร์ฟอาหาร แต่มีขนมหวานไว้กินคู่กาแฟ เช่น คานาเล่ ชีสเค้ก และเค้กต่างๆ ที่ได้เชฟจากเมลเบิร์นปรุงส่งให้ทางร้านแบบสดใหม่ในแต่ละวัน แต่ในอนาคตบาริสต้าพูนตั้งใจว่าจะมีอาหารอย่างมื้อบรันช์ยอดนิยมเสริมเข้ามาแน่นอน เพื่อให้ที่นี่เป็นคาเฟ่สไตล์เมลเบิร์นสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
คานาเล่
…จนคุณอาจจะลืมไปเลยว่ากำลังดื่มกาแฟอยู่ในซอยสุทธิสาร
Fact Box
- Poonypoonycoffee เปิดจันทร์-ศุกร์ (หยุดทุกวันพุธ) เวลา 9.00 -17.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 -17.00 น.ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสุทธิสาร (ทางออก 2) รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ www.facebook.com/poonypoonycoffee/