1

“หนูยอดเยี่ยมมาก ทำให้ป๋านึกถึงลูกสาวเลย หนูทั้งฉลาดและสวย ป๋าชอบนะ”

วันที่ 13 กรกฎาคม 2006 ที่สนามกอล์ฟทาโฮ รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา มีการแข่งขันกอล์ฟ คนดังจำนวนมากมาร่วมงาน หนึ่งในนั้น มีนักธุรกิจมากชื่อเสียงสุดอื้อฉาวอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) มาร่วมงาน ที่นั่นเขาได้พบกับนักแสดงหนังโป๊สาว ฉายาว่า ดาเนียล จ้าวพายุ (Stormy Daniels)

ทั้งคู่สานต่อสัมพันธ์คุยกัน กินข้าวเย็น ทรัมป์ชวนเธอไปที่ห้อง แล้วสัญญาว่าจะให้ออกรายการเรียลลิตี้โชว์ของตัวเอง ทรัมป์ชมหญิงสาวว่า ชวนให้นึกถึงลูกสาวตัวเอง ทุกอย่างจบลงที่เซ็กซ์

ดาเนี่ยลคิด ระหว่างมีกามกิจ “ได้โปรด..อย่าจ่ายเงินฉัน แต่ถ้าเขาจ่าย มันคงเป็นเงินที่เยอะมากแน่”

เซ็กซ์ครั้งนั้น เกิดขึ้นด้วยความสมยอม ทรัมป์อายุ 60 ปี ส่วนดาเนียลมีอายุเพียง 27 ปี ซึ่งนักธุรกิจคนดังเพิ่งจะแต่งงานกับภรรยาคนที่ 3 ได้เพียงปีนิดๆ เท่านั้น

ใครจะคิดว่าความสำส่อนของทรัมป์ในวันนั้น จะกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในวันนี้ มันกลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งวิบากกรรม ที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกแจ้งข้อหาในเมืองนิวยอร์ก 34 ข้อหา กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกดำเนินคดีอาญา

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มจากการมีเซ็กซ์กับดาเนียลในคืนนั้นแท้ๆ

28 ตุลาคม 2016 คือวันสุดท้ายของการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เป็นเวลา 1 ทศวรรษหลังจากเซ็กซ์ครั้งนั้น ทรัมป์กำลังลุ้นชนะเลือกตั้ง ดาเนียลพร้อมทนายเข้าพบไมเคิล โคเฮน (Michael Cohen) ทนายความและลูกน้องส่วนตัวแสนสนิทของทรัมป์

การพบในวันนั้น คือการให้ดาเนียลเซ็นสัญญาข้อตกลงไม่เปิดเผยความลับเรื่องราวรักฉาวเซ็กซ์เดือดในอดีต แลกกับเงินจำนวน 1.3 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ที่โคเฮนมอบให้ โดยในสัญญา มีช่องลงลายเซ็นระบุชื่อทรัมป์ด้วย แต่ว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไป ณ ขณะนั้น ไม่เคยลงนามในสัญญาดังกล่าวเลย

แต่เป็นอันรู้กันว่าทุกอย่างเรียบร้อย นักแสดงหนังโป๊ต้องปิดปากเงียบ ไม่ปริปากเล่าความสัมพันธ์นี้อีกต่อไป ถือเป็นการจ่ายเงินค่าปิดปาก ฝังความลับไว้ตลอดกาล

ดูเหมือนทุกอย่างจบลงอย่างง่ายดาย

ทว่าเงินที่โคเฮนมอบให้นั้น มันกลับได้รับการจ่ายคืนจากทรัมป์ โคเฮนได้เงินคืน โดยทรัมป์นำค่าใช้จ่ายตรงนี้ไประบุว่า เป็นค่าใช้จ่ายกฎหมายระหว่างการหาเสียง ทุกอย่างเกิดขึ้นขณะเขารับตำแหน่งประธานาธิบดี พักอยู่ในทำเนียบขาว ถือเป็นการแจ้งข้อมูลเท็จ ผิดกฎหมายการเลือกตั้ง และเพราะทรัมป์ทยอยจ่ายเงินคืนหลายเดือน มันจึงเป็นเหตุให้เขาถูกแจ้ง 34 ข้อหา เพราะถือว่าเป็นการกระทำต่างกรรม ต่างวาระ นำไปสู่ความผิดหลายกระทง

เมื่อเรื่องแดงขึ้นมา จากการทำข่าวสืบสวนของนักข่าว ทำให้ทางการเข้าตรวจสอบ โคเฮนถูกจับติดคุก และกลายเป็นพยานสำคัญในการแฉเรื่องนี้ ชี้ช่องว่าทรัมป์ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง การสอบสวนนี้กินเวลาหลายปี จนในที่สุด มันส่งให้อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต้องเจอข้อหาในวันนี้

ดาเนียลเคยพูดผ่านรายการตลก Saturday Night live เมื่อปี 2018 แล้วพูดถึงทรัมป์อย่างแสบๆ คันๆ ว่า “ฉันรู้ว่าคุณไม่เชื่อเรื่อง Climate Change (ภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ) แต่อยากบอกว่า พายุกำลังจะมาแล้ว”

 

2

คนที่ผลักดันการสอบสวนครั้งนี้ จนทำให้ทรัมป์ต้องเดินทางมาศาลนิวยอร์ก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 4 เมษายน กลายเป็นความอัปยศที่อดีตผู้นำต้องเจอหลังลงจากอำนาจ ชายที่สืบสวนนำทางไปสู่ผลลัพธ์ตะลึงโลก ก็คืออัยการที่ชื่อว่า อัลวิน แอล. แบรกก์ (Alvin L. Bragg)

แบรกก์เป็นชายผิวดำ เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่งกับทรัมป์ ที่มีฐานเสียงจากรีพับลิกัน อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่าข้อหานี้ไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

เส้นทางการสืบสวนจนนำไปสู่การตั้งข้อหาทรัมป์นั้นใช้เวลาไม่น้อย และมันเกือบจะล้มเหลวไปแล้ว

เมื่อแบรกก์เข้ารับตำแหน่งอัยการในนิวยอร์ก เขาตัดสินใจไม่สืบสวนเรื่องนี้ต่อจนถูกคนวิจารณ์ และหัวหน้าชุดสืบสวนเรื่องนี้ 2 คนลาออก

วิบากกรรมของทรัมป์ในเรื่องอื้อฉาวนี้ มันเริ่มจากโคเฮนจ่ายเงิน แล้วทรัมป์ได้รับเงินชดเชยมาจ่ายคืนให้ ซึ่งเป็นการใช้เงินผิดประเภทแน่นอน พอสื่อตีแผ่ ทรัมป์ก็ปฏิเสธหัวชนฝาทันทีว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่มีการเซ็นสัญญาห้ามเผยความลับกับนักแสดงหนังโป๊สาวแต่อย่างใด

แถมทรัมป์ยังยืนยันว่า เขาไม่เคยมีอะไรกับเธอ พร้อมเรียกดาเนียลว่าเป็นมิจฉาชีพด้วย อย่างไรก็ดีทีมอัยการตัดสินใจลองสืบหาข้อมูลต่อ โดยมุ่งเน้นที่ตัวโคเฮน ซึ่งตอนแรกยืนยันว่าเขาเป็นคนจ่ายเงินส่วนตัวเอง แต่เมื่อหลักฐานออกมามากขึ้น ทำให้ทางการแจ้งข้อหาให้การเท็จต่อรัฐจนโคเฮนต้องติดคุก เขาจึงกลับลำให้การปรักปรำทรัมป์ จนอดีตเจ้านายเก่าของโคเฮนต้องออกมาด่ากราดอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้หน้า ชนิดผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกันแล้ว

เมื่อทรัมป์แพ้เลือกตั้ง และก่อเหตุอลหม่านวุ่นวาย อัยการผิวดำแห่งนิวยอร์ก จึงได้ทีสั่งรื้อฟื้นคดีมาสอบสวนใหม่ แน่นอนว่าความพยายามครั้งนี้ของแบรกก์ ทำให้เขาโดนคนใกล้ตัวทรัมป์และตัวอดีตประธานาธิบดีเล่นงานเสียยับ มวลมหาประชาชนที่หนุนทรัมป์ต่างวิจารณ์ด่ากราดไปไกลถึงการเหยียดผิวเลยด้วย

โดยฝ่ายทรัมป์มองว่า แบรกก์ต้องการใช้คดีนี้เป็นบันไดไต่ไปสู่เส้นทางการเมืองของตัวเอง ดังนั้นคดีฟ้องร้องนี้จึงเป็นคดีที่มีจุดประสงค์การเมืองอย่างชัดแจ้ง

แม้การฟ้องร้องทางอาญาต่อทรัมป์จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ทำให้สังคมอเมริกันชน มองเรื่องนี้แตกต่างกันได้ 2 มุม

มุมแรก ถือว่าคดีนี้เป็นเครื่องสะท้อนประสิทธิภาพของกฎหมาย ถ้าคุณทำผิด ไม่ว่าจะเป็นใครใหญ่แค่ไหน ก็ต้องรับโทษ 

แต่อีกมุม มันยิ่งถูกมองเป็นคดีการเมือง และทำให้ทรัมป์ประกาศเรียกระดมทุนเพื่อหวังเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน สู้ศึกเลือกตั้งเป็นตัวแทนพรรคในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีซึ่งจะมีขึ้นในปีหน้า

ขณะนี้ทรัมป์มีคะแนนนำคู่แข่งอยู่พอสมควร ยิ่งเจอคดีนี้ ยิ่งทำให้เขาเป็นเป้าสนใจต่อสื่อและสังคม จนอาจทำให้คะแนนนิยมพุ่งสูงกว่าเดิมก็เป็นได้

ทรัมป์ยังคงยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และเขาถูกกลั่นแกล้งจากคู่แข่งทางการเมือง โดยเจ้าตัวย้ำว่า ผมคือผู้บริสุทธิ์อย่างแท้จริง

ที่สำคัญ นี่เป็นครั้งแรกที่อัยการนิวยอร์ก ฟ้องคดีในความผิดระดับชาติ ทั้งที่ตัวเองเป็นหน่วยงานระดับท้องถิ่น มันจึงเป็นการข้ามอำนาจการสืบสวนอย่างมาก

ทางทรัมป์หลังฟังศาลแจ้งข้อหา ก็พูดสั้นๆ เรียบๆ ว่า

“ผมไม่ผิด”

นั่นทำให้หลายฝ่ายมองว่า การดำเนินคดีแจ้งข้อหาทางอาญาแก่อดีตผู้นำประเทศเป็นเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็มีความยากอยู่แล้ว แต่การทำให้ลูกขุนเชื่อ และศาลพิพากษาความผิดนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

มันยากยิ่งกว่ายากมากๆ

นี่จึงเป็นงานหนักของอัยการแบรกก์อย่างยิ่ง

 

3

อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์ต่างมองว่า การเอาอดีตผู้นำมาดำเนินคดีทางกฎหมายหลังลงจากตำแหน่งพ้นจากอำนาจ ไม่ได้เป็นเรื่องสั่นคลอนแก่ระบอบประชาธิปไตยเลย มิหนำซ้ำ ยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้ระบอบประชาธิปไตยเองด้วย

ยกตัวอย่างเกาหลีใต้ ที่อดีตประธานาธิบดีหลายคน เมื่อพ้นจากอำนาจก็เจอวิบากกกรรม ติดคุก ต้องจบชีวิตเอง เพื่อหลบเลี่ยงความผิด แต่ก็ไม่ทำให้ระบอบประชาธิปไตยในประเทศสั่นไหว แต่กลับเข้มแข็งขึ้น คนเชื่อมั่นในสถาบันของประเทศที่ทำให้เห็นว่ากฎหมายมีประสิทธิภาพ สามารถเอาผิดใครก็ตามที่ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน หากทำอะไรฉ้อฉลต่อกฎหมาย ก็ต้องโดนดำเนินคดี จับติดคุก!

ทั้งนี้นักวิเคราะห์มองว่า ทรัมป์เองยังมีวิบากกรรมให้เผชิญอีกเยอะ และคดีนี้ดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อยมากกับสิ่งที่เขาจะต้องเจอ เพราะในอดีตก็มีนักการเมืองหลายคนโดนดำเนินคดีเพราะความสำส่อนของตัวเอง แต่คนในสังคมก็ไม่ได้สนใจมากนัก กะอีแค่นักการเมืองเจ้าชู้นอกใจเมีย ไม่ได้ทำให้คะแนนความนิยมลดลงไปเท่าไหร่

แต่ปัญหาที่ทรัมป์จะต้องเจอต่อจากนี้สาหัสกว่ามาก

เริ่มจากคดีวันที่ 6 มกราคม 2021 ที่มีมวลชนฝ่ายขวาจัดบุกรัฐสภา เพื่อหวังล้มการรับรองผลเลือกตั้งที่ทรัมป์แพ้ อันนี้เป็นคดีใหญ่ เพราะมีคนติดคุกกันไปหลายคนแล้ว

การสืบสวนยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการ บ้านเราเรียกว่าอยู่ในสำนวน แต่มันมีเค้าลางเป็นไปได้ว่าอาจจบที่ทรัมป์อาจรู้เห็นเป็นใจ อยู่เบื้องหลังความพยายามล้มล้างการเลือกตั้ง ซึ่งหากหลักฐานสาวถึง รับรองได้ว่าโทษทางอาญาของทรัมป์จะหนักหนายิ่งกว่าเดิม

อีกคดีที่รอทรัมป์อยู่คือ การสืบสวนของอัยการรัฐจอร์เจีย ซึ่งมีหลักฐานว่า ทรัมป์พยายามใช้กำลังภายในให้เจ้าหน้าที่รัฐยอมรับคะแนนเสียงที่ไม่มีอยู่จริง ทรัมป์พยายามกดดันว่าคะแนนผีเหล่านี้มีจริง และจะทำให้ผลเลือกตั้งการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในรัฐจอร์เจีย เมื่อปี 2020 ซึ่งเดโมแครตชนะ พลิกผันว่ารีพับลิกันชนะ และทรัมป์จะได้คะแนนผู้แทนในรัฐนี้ จนอาจเปลี่ยนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีทั้งประเทศได้เลย

แน่นอนว่ามีบันทึกบทสนทนาทางโทรศัพท์ของทรัมป์ต่อเจ้าหน้าที่รัฐจอร์เจีย ให้พลิกผลการเลือกตั้ง หลักฐานตรงนี้ชัดเจนมาก และยังอยู่ระหว่างการสืบสวน ซึ่งอาจไม่ได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ทว่ามันก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ช้าๆ แต่มั่นคง

ความผิดตรงนี้ อาจทำให้ทรัมป์โดนแจ้งข้อหาทางอาญาเพิ่มอีกด้วย

วิบากกรรมของทรัมป์จากเรื่องสำส่อน เซ็กซ์สวาทนอกใจ เป็นเพียงหนทางหนึ่งในการเอาผิดอดีตประธานาธิบดี ที่อาจเป็นผู้นำสูงสุดของสหรัฐอเมริกาคนแรก ที่มีชีวิตบั้นปลายจบที่การติดคุกเป็นคนแรกก็เป็นได้

ช่างเป็นชีวิตที่มีสีสันอย่างยิ่ง

 

4

บทเรียนจากเรื่องนี้ ไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงอย่างไร แต่ก็สะท้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่บากบั่นลุยเอาผิดเมื่อพบหลักฐานแจ้งว่านักการเมืองละเมิดต่อกฎหมาย ดังที่บอกว่าไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน ช่วงมีอำนาจอาจจัดการไม่ได้

แต่เมื่อลงจากหลังเสือ สุดท้ายก็ต้องเคารพกฎหมาย โดนจับจนได้

ในอดีตสหรัฐอเมริกา เคยมีกรณีการจับกุมประธานาธิบดีมาแล้วครั้งหนึ่ง เหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นเมื่อปี 1872 ประธานาธิบดี ยูเลซิส เอส. แกรนต์ (Ulysses S. Grant) อดีตแม่ทัพฝ่ายเหนือที่ชนะสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ จนมีชื่อเสียง และก้าวไปเล่นการเมืองจนได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ถูกตำรวจในเมืองหลวงจับในข้อหาขับรถม้าเร็ว เพราะต้องการแข่งกับเพื่อน

ทางเจ้าหน้าที่ได้โบกให้หยุด และแกรนต์ยอมรับกฎหมาย ไปถูกปรับที่โรงพักเป็นเงิน 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ตำรวจที่จับกุมเรื่องนี้ ได้พูดประโยคลือลั่นไว้ว่า “ผมเสียใจด้วยครับ ท่านประธานาธิบดี แต่ก็จำเป็นต้องทำ ตัวท่านนั้นเป็นถึงผู้นำประเทศ ส่วนตัวผมนั้นไซร้ แค่ตำรวจ แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ครับ ผมเลยต้องจับท่าน”

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า ชาติที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เกิดจากอะไร นอกจากหลักการแห่งความเที่ยงธรรมของกฎหมาย ทุกคนเท่าเทียมต่อหน้าสถาบันตุลาการอันล้ำค่า

นั่นจึงเป็นบทสรุปทั้งมวลแห่งวิบากกรรมของทรัมป์

เพราะหน้าที่ก็คือหน้าที่ ท้ายที่สุด บุรุษมากสีสันผู้สร้างความโกลาหลให้กับคนทั้งโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา จะรวยล้นฟ้า มีอำนาจมากแค่ไหน หากทำผิดกฎหมาย

สุดท้ายก็ต้องถูกจับในที่สุด

 

อ้างอิง

https://www.nytimes.com/2023/03/30/opinion/president-trump-indictment-democracy.html?searchResultPosition=1

https://www.reuters.com/world/us/who-is-stormy-daniels-what-did-she-say-happened-with-trump-2023-03-30/

https://www.washingtonpost.com/nation/2023/03/31/who-is-stormy-daniels

https://www.gq.com/story/donald-trump-stormy-daniels-karen-mcdougal-tahoe-weekend

https://www.nytimes.com/live/2023/04/04/nyregion/trump-arrest-arraignment

https://www.nytimes.com/2023/03/31/nyregion/alvin-bragg-trump-investigation.html

https://youtu.be/K1K8s-tQGqY

Tags: , , , ,