กลุ่มบาทหลวงจากทั่วสหรัฐอเมริการ่วมออกแถลงการณ์ถึงรัฐบาล เรียกร้องให้เปิดเผยข้อมูลและทบทวนมาตรการสาธารณสุข เพราะขณะนี้คน แอฟริกัน-อเมริกัน จำนวนมากเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ก่อนที่จะได้รับการรักษาหรือเข้ารับการตรวจหาโรค สะท้อนความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงระบบการแพทย์ของสหรัฐฯ 

“พวกเรารับรู้ถึงมันโดยตรง พวกเราเป็นพยานในความตายของชาว แอฟริกัน-อเมริกัน จากโรคโควิด-19  และยังได้เห็นความปวดร้าวบีบหัวใจของคนในครอบครัวที่ยังอยู่” สาธุคุณ ดร.วิลเลียม เจ บาเบอร์ที่สอง (William J. Barber II) จากโบสถ์กรีนลีฟ ในโกลด์สโบโร รัฐนอร์ธแคโรไลนา และประธานมูลนิธิ Repairers of the Breach หนึ่งในสิบสอง บาทหลวงที่ร่วมลงนามในแถลงการณ์ถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เขากล่าวว่าอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ของคนแอฟริกัน-อเมริกัน ในสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงเชิงนโยบาย และโครงสร้างที่คงความไม่เท่าเทียมทางชาติพันธุ์ เขาเล่าว่ารู้จักชายคนหนึ่งที่มีอาการของโรคโควิด-19 หลายสัปดาห์ แต่ไม่สามารถเข้ารับการตรวจ กระทั่งเสียชีวิต และตอนนี้ครอบครัวของเขาต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังคนรู้จักมีอีกหลายคนที่สูญเสียคนในครอบครัวไปแล้วนับสิบ

แถลงการณ์ดังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้ละเอียดยิ่งขึ้น ทั้งชาติพันธุ์ ฐานะ รวมถึงชุมชนที่อาศัย เพื่อให้มีการวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป เรียกร้องความช่วยเหลือไปถึงกลุ่มที่ขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันทางการแพทย์ เพิ่มการตรวจหาเชื้อ และให้มีการขยายโปรแกรม Medicaid ให้ครอบคลุมอีก 14 รัฐที่เหลือ  

จากข้อมูลการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมาชี้ว่า ในรัฐมิชิแกน ผู้เสียชีวิตเป็นคนแอฟริกัน-อเมริกัน ถึงร้อยละ 50 ขณะที่ประชากรแอฟริกัน-อเมริกัน คิดเป็นเพียงร้อยละ 14 ในพื้นที่ ขณะที่ในหลุยส์เซียนา และมิสซิสซิปปี ซึ่งมีประชากรแอฟริกัน-อเมริกัน ใกล้เคียงกันที่ร้อยละ 30 กลับมีผู้เสียชีวิตเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกันร้อยละ 71 และ 67 ตามลำดับ

ในชิคาโกซึ่งมีประชากร แอฟริกัน-อเมริกัน คิดเป็นร้อยละ 30 กลับพบว่าผู้ติดเชื้อร้อยละ 52 และผู้เสียชีวิตร้อยละ 72 เป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกัน เช่นเดียวกับในเซาธ์แคโรไลนา และแมรีแลนด์ ที่มีประชากร แอฟริกัน-อเมริกัน ราวร้อยละ 30 แต่มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 53 

สาเหตุสำคัญประการหนึ่งคือ คนแอฟริกัน-อเมริกัน ส่วนใหญ่ทำงานพาร์ทไทม์ หรือทำงานอยู่ในภาคส่วนที่ไม่สามารถทำงานที่บ้านได้ เพราะพวกเขาส่วนใหญ่มีรายได้น้อย ไม่มีรถส่วนตัว ต้องพึ่งพาขนส่งสาธารณะ นอกจากนี้พวกเขายังมีปัญหาในการเข้าถึงระบบสวัสดิการของภาครัฐ อาทิ การตรวจหาโรค หรือการรับเงินช่วยเหลือ

นอกจากนี้ จากข้อมูลของสถาบัน Pew Research Center ยังชี้ว่า คนอเมริกันกว่า 60 ล้านครัวเรือนอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันเป็นครอบครัวใหญ่ และมากกว่า 15 ล้านครัวเรือน เป็นครอบครัวของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน มีความเสี่ยงทำให้ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกับกลุ่มเปราะบาง

“ขณะนี้ คนผิวสีทุกกลุ่มได้รับการตรวจน้อยที่สุด แต่กลับมีอัตราการเสียชีวิตสูงสุด” สาธุคุณ ดร.เฟรดเดอริค ดี เฮเนส หนึ่งในผู้ลงนามกล่าวต่อ “เราเรียกร้องให้ผู้นำของรัฐบาลกลางและท้องถิ่นให้ความสำคัญกับมนุษยชน เหนือการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และหวังว่าเราทุกคนจะมีภาพของสังคมที่อยู่ดีกินดีอย่างเท่าเทียมร่วมกัน เพื่อลบภาพของศตวรรษแห่งการเหยียดชาติพันธุ์ที่เคยเกิดขึ้น”

สถานการณ์โรคโคิด-19 ในสหรัฐอเมริกา ล่าสุด (17 เมษายน เวลา 14.37 น.) สถาบันจอห์น ฮอบกินส์รายงานว่า  สหรัฐฯ ทำการตรวจหาเชื้อแล้ว 3,420,394 ครั้ง พบผู้ติดเชื้อ 671,425 ราย และมีผู้เสียชีวิต 33,286 ราย 

 

อ้างอิง:

https://www.vice.com/en_us/article/3a8gbn/black-pastors-plead-for-government-action-on-coronavirus-i-have-two-funerals-to-do-this-weekhttps://www.buzzfeednews.com/article/danvergano/coronavirus-black-americans-covid19

https://action.groundswell-mvmt.org/petitions/sign-on-to-the-letter?

Tags: , , ,