ถ้าเลือกได้ใครบ้างอยากมีชีวิตแบบนี้

หัวใจที่มี มันทรมานเพียงใด

ถ้าเลือกได้อยากลบชีวิตตอนนี้ทิ้งไป เพลงถ้าเลือกได้ ของแก้ม วิชญาณี

“ผมชอบเพลงนี้มากเลยครับ ผมจะบอกให้เพื่อนเล่นให้ฟังบ่อยๆ ความหมายมันแทนใจดี” หมอดูประจำร้าน Cook & Coff บอกกับเรา เขามีอาชีพหลักเป็นหมอดู อีกฉากเป็นพนักงานร้านคุกแอนด์คอฟ (Cook & Coff) หลังกำแพงคือผู้ต้องหาประพฤติดี และมีโทษต่ำกว่า 3 ปี 6 เดือน ที่ เรือนจำกลางบางขวาง และใช่,พนักงานที่ร้านแห่งนี้ล้วนคือผู้คนหลังกำแพงเรือนจำ

[1]

Cook & Coff

เราจะนิยามร้านนี้อย่างไรดี ร้านที่เปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้า ขายกาแฟ ขายเครื่องดื่ม ไข่ลวก และไข่กระทะ
ประมาณ 8 โมงเช้า เปิดหม้อขายข้าวแกงในราคาย่อมเยา 25 บาท แต่ปริมาณและวัตถุดิบไม่ย่อมตาม เพื่อให้ญาติที่มาเยี่ยมนักโทษได้เข้าถึงอาหารราคาถูกและคุณภาพดี ถัดจากนั้นไม่นานก็เปิดร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม ขายตั้งแต่ ขนมจีนน้ำยาปู ส้มตำ กุ้งเผา พิซซ่า สเต๊ก ไปจนถึงซูชิข้าวคลุกกะปิ

คุกแอนด์คอฟเปิดอยู่หลายสาขา แต่ที่ใกล้กับกรุงเทพฯ มากที่สุดคือบริเวณตรงข้ามเรือนจำบางขวาง จังหวัดนนทบุรี เปิดให้บริการตั้งแต่กลางปี 2565 เพื่อให้นักโทษได้ฝึกทำงาน หารายได้เพิ่มเป็นเงินทุนหลังปล่อยตัว

“เวลาผู้ต้องขังถูกปล่อยตัว เขาจะออกมาพร้อมกับความฝัน ยกตัวอย่างนักร้องที่ร้านคุกแอนด์คอฟ เขามีความฝัน เมื่อถึงเวลาพ้นโทษเมื่อไร อยากกลับไปเล่นดนตรีเลี้ยงชีพ ความสามารถเขามีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ขาดคือเครื่องมือ กีตาร์สักตัว และการมีเงินสำรองไว้เลี้ยงชีวิตระหว่างหางาน

“ถ้าหากเขามีเงินทุนเราจะสามารถตัดวงจรการขาดเงินไปได้ช่วงหนึ่ง พอได้งาน เขาจะระลึกได้ว่าการเข้ามาอยู่ในเรือนจำมันมีความลำบาก ไม่สะดวกสบาย ก็อาจจะใช้ตรงนี้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว” ยุทธนา นาคเรืองศรี ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวางเล่าให้เราฟัง

[2]

“เมนูแนะนำคือขนมจีนน้ำยาปู ซี่กรง (ซี่โครงหมูย่าง) ซูชิข้าวคลุกกะปิ ส่วนเครื่องดื่มเป็นเปรี้ยวแดน 5 ดาร์คแดน 10 และน้ำหอมจันทร์ครับ”  หนึ่งในพนักงานประจำร้านแนะนำ

เราได้ลองสั่งอาหารหลายอย่างและประทับใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือกมาคือ ซูชิข้าวคลุกกะปิ (69 บาท) เสิร์ฟข้าวคลุกกะปิเป็นคำๆ คล้ายซูชิ เพื่อง่ายต่อการกิน กับซี่กรง (119 บาท) ซี่โครงหมูขนาดใหญ่เกินราคา ถูกย่างมาอย่างดี เมื่อรวมกับรสชาติเข้มข้นของซอสและเนื้อซี่โครงที่นุ่มจึงเป็นความลงตัวอย่างมาก และพิซซ่า (109 บาท) ทุกหน้าราคาเดียวกัน เรามีโอกาสกินพิซซ่าหน้าผักโขม แป้งอร่อย เครื่องหน้าจัดเต็ม เรียกได้ว่ารสชาติและปริมาณเกินราคามากๆ อีกจานที่ขาดไม่ได้คือขนมจีนน้ำยาปู (69 บาท) เมนูนี้ถึงพริกถึงขิงอย่างที่สุด

ด้านเครื่องดื่ม เราประทับใจน้ำหอมจันทร์ (50 บาท) เครื่องดื่มชนิดนี้เป็นน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวมีรสชาติลงตัว อีกแก้วที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ดาร์คแดน 10 (50 บาท) เป็นกาแฟผสมโกโก้ที่เข้มและดาร์กถึงใจ

อีกสิ่งที่น่าสนใจคืออาหารมากกว่า 80% ปรุงมาจากหลังกำแพงคุกบางขวาง เนื่องจากพ่อครัวและทีมงานหลายส่วนไม่สามารถออกมาทำงานที่หน้าร้านคุกแอนด์คอฟได้

วัตถุดิบในการประกอบอาหารส่วนใหญ่ก็มาจากเรือนจำ เช่น พืชผักสวนครัว เบเกอรี่ที่วางขายในร้านกาแฟก็มาจากฝีมือพ่อครัวหลังกำแพง

เมื่อร้านคุกแอนด์คอฟมียอดขายเท่าไร ก็จะหักแบ่งปันผลกำไรแก่นักโทษที่ออกมาช่วยงานหน้าร้านทุกคน เช่นเดียวกับนักโทษที่ทำภาคเกษตรปลูกผัก ทำเบเกอรี่ ทำขนมไทย และพ่อครัวหลังกำแพง ต่างก็ได้รับเงินปันผลจากยอดขายแต่ละส่วนเช่นกัน

“หลายคนถามว่าทำไมผมถึงให้โอกาสผู้ต้องขัง เอาเข้าจริงๆ สิ่งสำคัญที่สุดของการให้โอกาสพวกเขาได้ทำงานคือสังคมปลอดภัย คำถามคือเราจะทำอย่างไรให้พวกเขาไม่ออกไปกระทำผิดซ้ำเดิมอีก นั่นคือการทำให้เขามีอาชีพ มีความมั่นคง ที่เหลือคือผลพลอยได้” ยุทธนากล่าว

[3]

“ที่นี่คือคุกแอนด์คอฟ ขอบคุณที่ให้โอกาสสร้างความหวังให้พวกเราก้าวเดิน ที่นี่คือคุกแอนด์คอฟ ที่นี่คือคุกแอนด์คอฟ”

บทเพลงประจำร้านที่แต่งโดยศิลปินหลังกำแพงถูกบรรเลงและขับร้องที่นี่คือคุกแอนด์คอฟ ร้านแห่งนี้มีพนักงานที่มาจากเรือนจำประมาณ 35 คน แต่ละคนมีตำแหน่งหน้าที่แตกต่างกันไป บางคนเป็นบาริสต้า เป็นพ่อครัว เป็นหมอดู และเป็นนักดนตรี

ในแต่ละตำแหน่งผ่านการคัดเลือกหลายรอบ เช่น นักร้องประจำร้านต้องผ่านการออดิชันร้องเพลง คัดเลือกผู้ชนะในแต่ละแดนเสียก่อน หลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังว่ามีคุณลักษณะด้านไหนบ้าง เช่น ร้องเพลงได้ไหม พฤติกรรมและโทษเป็นไปตามกฎเกณฑ์หรือเปล่า บางครั้งจะพิจารณาเลือกคนจากโทษน้อยใกล้ปล่อยตัวก่อน เพื่อให้พวกเขาได้เริ่มปรับตัวเข้าสู่สังคม เมื่อนักโทษคนไหนพ้นโทษก็จะคัดเลือกนักโทษมาแทนเรื่อยๆ เพื่อฝึกอาชีพ มีเงินเก็บ ก่อนออกไปเผชิญสังคมที่แท้จริงหลังการปล่อยตัว

“ที่ผ่านมาผมจัดการประกวดร้องเพลงบ่อย เนื่องจากอยากสร้างความหวังให้ทุกคน อยากสนับสนุนพวกเขา เพราะสิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดเมื่อคุณอยู่ในเรือนจำคือความคิด การที่มีเป้าหมายเป็นการประกวดร้องเพลงก็จะทำให้เขามีจุดหมายในชีวิต และการฝึกซ้อมจะนำเขาหลุดจากความคิดต่างๆ ที่ทำร้ายเขาได้”

นอกจากจะขายอาหารและเครื่องดื่มแล้ว หน้าร้านยังมีบริการรับดูดวงจากหมอดูหลังกำแพง และวางขายสินค้างานฝีมือของผู้ต้องขัง เช่น ภาพวาด และงานไม้ต่างๆ อีกเหตุผลที่ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวางบอกกับเรา คือที่บางขวางยังมีคนอีกจำนวนหลักพันเป็นนักโทษไร้ญาติ และนักโทษส่วนใหญ่เป็นคนจน

แน่นอนอยู่แล้วว่าภายในเรือนจำมีข้าวให้กินครบ 3 มื้อ แต่การอุปโภคบริโภคอื่นๆ ย่อมมีค่าใช้จ่ายตามมา เช่น ค่ายาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ หรือแชมพู ผู้บัญชาการยกตัวอย่างง่ายๆ ว่าเป็นธรรมดาที่คนเรากินข้าวเมนูซ้ำๆ มันก็เบื่อ เช่นเดียวกับนักโทษ เมื่อเขาไม่มีเงินก็ต้องไปรับจ้างเพื่อนในเรือนจำด้วยกันเอง สิ่งนี้จะส่งผลต่อความมั่นใจ ทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขาลดลง

“ผมคิดว่าการที่เราเอาตัวเองไปพึ่งพากับคนอื่นมันไม่ค่อยดี เราจึงพยายามสร้างให้เขามีความสามารถทั้งในเรือนจำและในโลกแห่งความจริง อย่างน้อยที่สุดให้พวกเขามีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน” ยุทธนาพูด

[4]

“เดือนที่แล้วผมเพิ่งเบิกเงินไปให้แม่มาครับ จากเมื่อก่อนแม่ต้องส่งเงินมาให้ใช้ในเรือนจำเดือนละ 1,500 บาท ตอนนี้ผมส่งกลับไปให้เขาได้บ้างแล้ว และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผมใกล้ถูกปล่อยตัวแล้ว ตอนนี้กำลังเก็บเงินไปซื้อกีตาร์ เพื่อประกอบอาชีพหลังได้รับการปล่อยตัวครับ” หนึ่งในนักร้องประจำร้านบอกกับเรา

ผู้บัญชาการเล่าให้ฟังต่อว่า อีกความทุกข์คนในเรือนจำคือการที่ไม่รู้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนข้างนอกกำแพง คนข้างในมีข้าวให้กินครบ 3 มื้อ แต่คนข้างนอก คนในครอบครัวมีข้าวให้กินครบทุกมื้อหรือเปล่า? บางเดือนพ่อแม่ส่งเงินมาให้ใช้ คนข้างในมีเงินใช้ แต่คนข้างนอกมีเงินใช้หรือเปล่า เดือนไหนที่บ้านไม่ส่งเงินมาให้ความทุกข์ของพวกเขาก็จะเกิด คือการที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับพ่อแม่เขาบ้าง ทั้งความลำบาก ความขัดสน และความยากจน

“เรื่องนี้ผมพูดประจำตลอดว่า ถ้าไม่มีการทำงานที่คุกแอนด์คอฟ ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ตรงไหนของข้างในกำแพง ความฝันที่มีก็ไม่ได้ต่อยอด ไม่ได้นำเพลงที่แต่งเองมาเล่นให้คนฟัง ถ้าผมได้รับการปล่อยตัว ก็จะเดินบนเส้นทางนักดนตรี จะจริงจังและดีกับมันให้ที่สุดครับ” นักร้องประจำร้านคุกแอนด์คอฟบอกกับเรา

ผู้บัญชาการฯ มีอะไรจะพูดบ้างไหม? – เราถาม

“หากให้ผมพูดว่าต้องให้โอกาสคนหลังกำแพง สิ่งนี้มันพูดไม่ได้หรอกครับ อย่างแรกเราอย่าลืมสถานะของพวกเราคือผู้ต้องขัง การที่เราเข้ามาอยู่ตรงนี้แปลว่าเราทำร้ายสังคมมาจริงๆ แต่เราจะทำอย่างไรต่างหาก ให้ไม่เกิดการกระทำผิดซ้ำ การที่สังคมไม่มีคดีอาชญากรรม คดีสะเทือนขวัญ ไม่เกิดความเสียหายต่อสังคม นี่แหละคือความสุขของคนที่ทำงาน”

Tags: , , , ,