ในเบื้องต้น ผู้เขียนต้องออกตัวก่อนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการกินอาหารพม่า และผู้เขียนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร แต่ด้วยรสนิยมส่วนตัวมองว่าร้าน Kalyana Restaurant อ่านได้ทั้ง ‘กัลยาน่า’ และ ‘กัลยานะ’ คล้ายคำว่ากัลยาณมิตรในภาษาไทย เป็นร้านอาหารพม่าที่คงรสดั้งเดิมและรับประทานง่าย

ภายใต้บรรยากาศร้านเรียบง่ายผ่อนคลาย ดูสะอาดหูสะอาดตา และเต็มไปลูกค้าที่เข้ามากินข้าวกันอย่างครึกครื้น อีกทั้งยังมีเมนูละลานไปด้วยอาหารประจำภาคของประเทศพม่า ไม่ว่าจะเป็นอาหารต้นตำรับกะฉิ่น อาหารต้นตำรับไทใหญ่ อาหารต้นตำรับมอญ และอาหารต้นตำรับยะไข่

หากเป็นคนที่เคยกินอาหารพม่ามาก่อน หรือพอผ่านตามาบ้าง จะเห็นว่า อาหารพม่ามีความเป็น ‘พหุวัฒนธรรม’ สูงมาก เพราะประเทศพม่าประกอบด้วยผู้คนมากกว่า 100 เชื้อชาติ หากเรียงตามปริมาณประชากรโดยแบ่งออก 8 กลุ่ม จะมี พม่า ไทใหญ่ กะเหรี่ยง ยะไข่ จีน มอญ อินเดีย และชนกลุ่มน้อย โดยมีกลุ่มเชื้อชาติพม่าแบ่งอาณาเขตออกเป็น 7 รัฐ และ 7 เขต จึงส่งผลให้พม่ามีความหลากหลายทางวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก

เท่านั้นไม่พอ หากมองดูเมนูอาหารอย่างข้าวหมก ที่คล้ายกับอาหารอินเดีย หรืออาหารบังกลาเทศ และหลายเมนูก็คล้ายอาหารจีน

สาเหตุเพราะพม่ามีพรมแดนติดหลายประเทศทั้ง อินเดีย บังกลาเทศ และจีน อาหารหลายจานจึงได้รับอิทธิพลมาจากเพื่อนบ้านเหล่านี้ และแน่นอนว่าอาหารในแต่ละพื้นที่ของพม่า ต่างเป็นภาพสะท้อนของวัฒนธรรมรวมถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่เป็นอย่างดี 

อาหารพม่าส่วนใหญ่จะใช้ ‘พืชผัก’ เป็นส่วนประกอบหลัก ตามด้วยบรรดาสัตว์เล็ก เช่น ไก่ เนื้อปลา และอาหารทะเล เนื่องจากคนพม่าไม่ค่อยนิยมกินเนื้อสัตว์ใหญ่ หรือพวกสัตว์สี่เท้า โดยเฉพาะผู้หญิง เพราะถือว่าสัตว์เหล่านี้มีบุญคุณต่อมนุษย์ 

Out and about สัปดาห์นี้ The Momentum ลองจิ้มเลือกเมนูแนะนำประจำร้าน และเมนูที่ผู้เขียนอยากจะลองเพื่อมาแบ่งปันประสบการณ์ และขยายภาพความเป็น ‘พหุวัฒนธรรม’ บนมื้ออาหารของคนพม่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง

 จานแรกเริ่มต้นด้วย ละเพ็ตโตะ (Laphet Thoke)

ละเพ็ตโตะ สลัดใบชาดอง หรือยำใบชา เป็นจานที่พนักงานร้าน Kalyana Restaurant มายำให้ถึงโต๊ะ ในจานประกอบด้วย ใบชาดอง ถั่วทอดกรอบ เช่น ถั่วลูกไก่ ถั่วปากอ้า ถั่วเหลืองฝาซีก กะหล่ำปลี งาคั่ว กระเทียม และมะเขือเทศ คลุกกับซอสปรุงรส ตบท้ายด้วยมะนาว พริกสด และกุ้งแห้งทอด 

จานนี้ช่วยเรียกความสดชื่นและสัมผัสใหม่ๆ บนโต๊ะอาหารได้เป็นอย่างดี ผู้เขียนมองว่า แต่ละคำที่กินให้ความรู้สึกแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบที่ตักได้ (ยิ่งถั่วเยอะยิ่งอร่อย) คิดว่าเป็นจานที่มือใหม่หัดกินอาหารพม่าสามารถสั่งมาลองได้ 


ข้าวหมกดิน (Maya Oh Biryani) 

ข้าวหมกดินใช้ข้าวบาสมาติของประเทศพม่าที่เม็ดเรียวยาวหอมเครื่องเทศ เสิร์ฟคู่กับแป้งนาน ในจานนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังกินอาหารอินเดียหรืออาหารบังกลาเทศ รสชาติของเครื่องเทศแน่นๆ มาคู่กับไก่เนื้อนุ่มชุ่มซอสส่งผลให้จานนี้กลมกล่อมเป็นอย่างมาก และเป็นหนึ่งในเมนูที่สะท้อนการเป็นพหุวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าเหมาะกับมือใหม่หัดลองกินอาหารพม่า

ซุปปลาแห้ง (Vegetable Dry Fish Soup)

ความรู้สึกแรกหลังกินให้ความรู้สึกคล้ายกินแกงฟักที่มีกลิ่นหอมปลาแห้ง  รสชาติไม่เผ็ดมาก แต่น้ำแกงมีความกลมกล่อมและความมันในตัว หากทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ อาจเพิ่มความอร่อยขึ้นเท่าตัว 

ผัดใบกระเจี๊ยบใส่หน่อไม้ (Stir Fried Roselle Leaf With Bamboo Shoot)

จานนี้ต้องยอมรับก่อนว่ากินไม่เป็นและไม่ค่อยถูกปากผู้เขียนนัก (รสนิยมขึ้นอยู่แต่ละบุคคล) ด้วยความที่ไม่ชอบกลิ่นหน่อไม้ดองและความมันของน้ำมัน แต่ลองสั่งจานนี้เพราะเป็นหนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของพม่า ไหนๆ ก็มากินแล้วจึงไม่อยากพลาด ใครมีโอกาสลองก็บอกกันด้วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ปลาย่างใบชา (Grilled Butter With Tea Leaf)

หอมเนยกรุ่นเครื่องเทศ รสอร่อยกินง่าย มาพร้อมกับสลัดเคียงจานช่วยตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงใบชาที่ถูกย่างบนเนื้อปลาก็มีความกลมกล่อมและไม่เลี่ยนจนเกินไป

ชุดขนมหวานพม่า (Myanmar Mix Dessert)

จบของคาวต่อด้วยของหวานกับชุดขนมหวานพม่า นับเป็นรสที่คุ้นเคยเพราะคล้ายขนมไทย เช่น ขนมต้ม หรือ สาคู

ปิดท้ายด้วยของหวานชื่อดังอย่าง พาลุดา (Falooda) 

คล้ายลอดช่องและรวมมิตร หากดูให้ดีขนมประเภทนี้มีหลายชาติในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ และเวียดนาม ช่วยเพิ่มความสดชื่นและเติมความหวานได้ดีมาก 

หากใครสนใจอยากลองกินอาหารพม่า สามารถมาได้ที่ร้าน Kalyana Restaurant เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น.

Tags: , , ,