“การบริการของคนไทยเป็นวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์และเป็นสากล”
ข้อความข้างต้นนั้นเป็นคำกล่าวของ ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้ง ‘โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ’ ที่เชื่อถึงลักษณะที่สำคัญของคนไทย ที่เป็นอีกหนึ่งเบื้องหลังความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ในการบริหารโรงแรมห้าดาวแห่งแรกของเมืองฟ้าอมร
ตลอดเวลากว่า 40 ปี ดุสิตธานี กรุงเทพได้ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์เรื่อยมา จากการเป็นที่รับรองแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยี่ยมเยือน ด้วยความเป็นไทยและการบริการที่เหนือระดับ จึงไม่ยากนักที่จะสร้างความประทับใจผู้เข้ามาพักอาศัย
แต่กาลเวลาที่เดินหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน ย่อมทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึง ‘ดุสิตธานี’ เองก็เช่นเดียวกัน
ในปี 2562 กลุ่มดุสิตตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะพลิกโฉมโรงแรมแห่งนี้ โดยการทุบอาคารโรงแรมหลังเก่า เพื่อรองรับสิ่งใหม่ที่จะตอบโจทย์การพัฒนาพื้นที่และการใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป อย่างโครงการ ‘ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค’ (Dusit Central Park) ที่ร่วมมือกับเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในการสร้างประสบการณ์ และเป้าหมายที่ต้องการให้กรุงเทพฯ เป็น ‘หมุดหมายของการเดินทาง’ ของคนทั่วโลก
หลัง 5 ปีผ่านไป วันนี้ดุสิตธานี กรุงเทพ พร้อมยอดเสาสีทอง แลนด์มาร์กสุดยอดไอคอนนิคกลับมาประดับประดาเคียงคู่สวนลุมพินีอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยการออกแบบในสไตล์ไทยร่วมสมัย ที่มีความโมเดิร์นขึ้นกว่าดุสิตธานีเดิม
หากเดินเข้ามายังพื้นที่ล็อบบี้กลางก็จะพบกับ ‘กลิ่นอาย’ ที่คุ้นเคย ทั้งฝ้าเพดานรูปทรงสามเหลี่ยมสีทอง และเสาที่ออกแบบลวดลายโดย ท่านกูฎ-ไพบูลย์ สุวรรณกูฎ ที่หากใครเคยรับประทานอาหารที่ห้องอาหารเบญจรงค์คงคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งลายเซ็นเช่นนี้ก็จะถูกนำมาประดับและตกแต่ง เพื่อต้อนรับแขกที่เข้าพักในโรงแรมแห่งนี้ด้วย
โรงแรมมีความสูงทั้งหมด 39 ชั้น ในส่วนของห้องพักแบ่งออกเป็น 257 ห้อง ประกอบไปด้วยห้องหลากหลายขนาดให้เลือกสรร ทั้งห้องแบบดีลักซ์ (Deluxe) ดีลักซ์คอร์นเนอร์ (Deluxe Corner) ดูเพล็กซ์ สวีท (Duplex Suite) เทอเรส สวีท (Terrace Suite) และดุสิตธานี สวีท (Dusit Thani Suite)
ภายในห้อง Deluxe และ Deluxe Corner ที่วันนี้ทีม The Momentum ไปเยี่ยมเยือนก่อนจะเปิดให้บริการ มีขนาดราว 50 ตารางเมตร ทันทีที่เดินเข้าไปจะรู้สึกถึงความกว้างขวางและความอบอุ่น ทั้งจากแสงธรรมชาติที่สาดเข้ามาอย่างพอดี รวมถึงการเลือกสีผนังและเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นโทนสีน้ำตาล-เขียวอ่อน สร้างความสบายตาแก่ผู้เข้าพัก
เฟอร์นิเจอร์ภายในที่ถูกติดตั้งจะแสดงให้เห็นถึง ความใส่ใจในทุกรายละเอียดและสอดรับกันอย่างลงตัว ด้านผนังเฮดบอร์ด (Headboard) ออกแบบเป็นรูปสรวงสวรรค์ตามชื่อของ ‘ดุสิตธานี’ ด้วยการทอผ้ากำมะหยี่ร้อยด้วยเส้นด้ายและมุกสีทอง ซึ่งลายตรงผนังพิงนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละห้อง
อีกหนึ่งความพิเศษของการออกแบบโรงแรมที่ลืมเล่าไปคือ การออกแบบให้ทุกห้องพักหันหน้าไปทิศทางเดียวกัน หรือที่เรียกว่า ‘Single Corridor’ เพื่อรับทิวทัศน์สวนลุมพินีแบบพาโนรามา ที่มีตึกสูงเรียงรายประกอบฉากหลังอีกทีหนึ่ง ด้วยทัศนะเช่นนั้นทำให้กระจกกว้างราว 5 เมตร ทำหน้าที่เสมือนภาพวาดชิ้นโบว์แดงของศิลปินชื่อดัง
วิวเช่นนี้จึงนับว่าเป็น ‘ไม้เด็ด’ ของโรงแรม อันเป็นอีกมุมที่ผู้เขียนคิดว่า ผู้เข้าพักคงอดใจไม่ไหวที่จะต้องล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา บันทึกความทรงจำอันงดงามนี้อย่างแน่นอน
สำหรับการออกแบบภายใน ยังคงไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นไทยและได้สอดแทรก ‘ชิ้นส่วน’ ของวัฒนธรรมแทรกซึมไปกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว เช่น พื้นที่ติดตั้งโทรทัศน์จะได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจาก ‘ฝาปะกน’ อันเป็นเอกลักษณ์ของเรือนไทยสมัยก่อน รวมไปถึงชั้นวางเวลคัมดริ้ง (Welcome Drink) และเครื่องดื่มต่างๆ ที่ได้แรงบันดาลใจแสนน่ารักอย่าง ‘ตู้กับข้าว’ มาออกแบบโดยการลดลวดลายและบิดทรงให้โค้งเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความโมเดิร์นให้เหมาะกับบรรยากาศโดยรวม
ส่วนภายในห้องน้ำก็ยังไม่ทิ้งความเป็นเอกลักษณ์ของตนไป บานประตูห้องน้ำได้รับแรงบันดาลใจจากรั้วของโรงแรมเดิมที่ถูกทุบทิ้งไป มาแกะสลักเป็นลวดลายบานประตู เมื่อเดินเข้าไปก็จะพบกับอ่างแช่น้ำขนาดมาตรฐานสำหรับคู่รัก ตั้งเป็นประติมากรรมลอยตัวอยู่กลางห้อง พร้อมกับอ่างน้ำแบบ Double Sink ที่ทำจากหินอ่อนผ่านการออกแบบเฉพาะตัว
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ขาดไปไม่ได้ นั่นคือห้องอาหาร โดยห้องอาหารที่เคยสร้างชื่อให้กับดุสิตธานี กรุงเทพ ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารไทยอย่าง ‘เบญจรงค์’ หรือห้องอาหารเวียดนาม ‘เธียนดอง’ ก็กลับมาเปิดโอกาสให้ผู้เข้าพักและนักชิมอาหารทั้งหลายเข้าไปลิ้มลอง โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนต่อขยาย (Expansion Area) บริเวณ ‘บ้านดุสิตธานี’ ที่ทางโรงแรมจะมีบริการรถยนต์ไฟฟ้าคอยไปรับ-ส่งผู้เข้าพักได้อย่างสะดวกสบาย
ดังนั้น การกลับมาครั้งนี้ของ ‘ดุสิตธานี กรุงเทพ’ จึงถือเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ ในภาพลักษณ์ที่ทันสมัยมากขึ้น แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งหัวใจของความเป็นไทยที่พร้อมบริการอย่างเหนือระดับ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ไม่มีใครเหมือน
และเป็นการกลับมาเพื่อประกาศอีกครั้งว่า ‘โรงแรม’ แห่งนี้พร้อมที่ทำหน้าที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และหวนคืนเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยอีกครั้งหนึ่ง
Fact Box
- พบกับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ โฉมใหม่พร้อมกัน ในวันที่ 27 กันยายน 2567 พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ ‘An Icon Reimagined’ ด้วยราคาห้องพักเริ่มต้น 12,000+ บาท พร้อมเครดิตพิเศษมูลค่า 2,700 บาทสุทธิ สำหรับทุกคืนที่เข้าพักให้ได้เพลิดเพลินในบริการอาหารและเครื่องดื่ม หรือสปาของโรงแรม โดยสำรองได้ผ่าน dusit.com ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2567 สำหรับการเข้าพักตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2567 ถึง 31 มีนาคม 2568
- สอบถามรายละเอียดและรับชมข้อมูลโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ dusit.com/Bangkok