ตั้งแต่สงครามเกาหลีในปี 1950-1953 สิ้นสุดลง ทั้งสองเกาหลีห้ามพลเมืองของตนเองเดินทางไปเยี่ยมญาติที่อยู่ในอีกฝั่งหนึ่ง และห้ามติดต่อกันโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ที่ผ่านมา ในช่วงเวลาที่สถานการณ์ทางการทูตไม่ตึงเครียดนัก รัฐบาลเกาหลีเหนือจะอนุญาตให้มีงานรวมญาติขึ้นเป็นระยะๆ

วันนี้ (20 สิงหาคม) เป็นวัน ‘รวมญาติ’ ที่รัฐบาลเกาหลีเหนือยอมให้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธและระเบิดนิวเคลียร์เพื่อแสดงศักยภาพในการทำลายทวีปอเมริกา เปิดโอกาสให้ครอบครัวเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ที่พลัดพรากได้มาเจอกันเป็นเวลาสั้นๆ หลังจากมีการแบ่งเส้นพรมแดนตั้งแต่สงครามเกาหลีในปี 1950-1953

แต่สำหรับหลายครอบครัว การรวมญาติครั้งนี้อาจจะสายเกินไป

ย้อนไปตั้งแต่ปี 1988 มีประชาชน 132,000 คนลงทะเบียนกับสภากาชาดเกาหลีใต้เพื่อเข้าสู่โครงการรวมญาติ ปัจจุบัน รายชื่อเหล่านี้มีเกินครึ่งที่เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็มีเกือบ 36,000 คนจาก 57,009 คนที่อายุประมาณ 80 ปี และมีมากกว่า 12,000 คนที่อายุมากกว่า 90 ปี

งานรวมญาติรอบนี้ มีคนทั้งหมด 190 คนได้รับเลือก โดยจากใช้วิธีการสุ่มด้วยคอมพิวเตอร์และการตรวจสอบจากทางการเกาหลีเหนือ

สภากาชาดเกาหลีใต้รายงานว่า แต่ละปี ผู้ที่ลงทะเบียนเข้างานรวมญาติประมาณ 3,600 คนเสียชีวิต ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา มีการจัดงานรวมญาติมาแล้ว 20 ครั้ง มีประชาชนเกือบ 20,000 คนได้พบญาติ ช่วงเวลาจัดงานขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของทั้งสองเกาหลีในเวลานั้น

ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคมนี้ จะมีประชาชน 93 คนจากเกาหลีใต้ได้พบกับญาติในเกาหลีเหนือ 88 คน งานรวมญาติจะมีขึ้นสามวัน สำหรับคนส่วนใหญ่ นี่เป็นการพบกันครั้งแรก

การรวมญาติครั้งนี้จัดขึ้นที่รีสอร์ตในเกาหลีเหนือ ซึ่งต้องขับรถออกไป 30 นาทีจากเขตปลอดทหาร ท่ามกลางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและนักข่าวมากมาย

การคุยกันแบบตัวต่อตัวมีได้แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น พวกเขาจะได้กินอาหารกลางวันด้วยกันตามลำพัง ไม่เหมือนกับครั้งก่อนที่เป็นกลุ่มใหญ่

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม ครอบครัวหลายครอบครัวเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการลงทะเบียน หลายคนไม่มีโอกาสติดต่อญาติเลย เช่น ลี กึม ชิม ต้องอยู่แยกกับลูกชายวัย 4 ขวบตั้งแต่ปี 1950 เธอจำไม่ได้แล้วว่าเขามีหน้าตาอย่างไร ไม่แน่ใจว่าจะจำเขาได้ไหม

กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้กล่าวว่า โครงการนี้ยังสร้างทางที่ทำให้เดินน้อยที่สุด เพราะผู้ที่เข้าร่วมโครงการไม่สะดวก บางคนต้องนั่งรถเข็น

สำนักข่าวอัลจาซีราสัมภาษณ์ฮวาง วูซอก (Hwang Woo-seok) พ่อวัย 93 ปีที่จะได้พบกับลูกสาวที่พบกันครั้งสุดท้ายตอนที่เธออายุ 3 ขวบ เขาบอกว่า “ผมออกจากบ้านเกิดมาเพราะต้องเข้ารับการรักษาอาการป่วย ถ้าผมรู้ว่าเกาหลีจะถูกแยกออกนานขนาดนี้ ผมจะไม่ปล่อยให้เธออยู่ลำพัง เราไม่รู้ว่ามันจะนานขนาดนี้”

“ผมสมัครเข้าร่วมโครงการรวมญาติตั้งแต่ 30 ปีก่อน จากนั้นพ่อผมก็เสียชีวิตตอนที่เขาอายุ 60 ปี แม่เสียชีวิตตอนอายุ 77 ปี น้องสาวของผมเสียชีวิตเมื่อ 2 ปีก่อน ผมเศร้ามากเมื่อคิดถึงสิ่งที่ผมสูญเสีย”

การพบกันนี้ ผู้เข้าร่วมงานจะถูกจับจ้องจากเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือและนักข่าวเกาหลีใต้อีกจำนวนมาก

ในการรวมญาติครั้งก่อน สภากาชาดเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้จัดงานได้ออกคู่มือที่บอกว่าชาวเกาหลีใต้ควรทำและไม่ควรทำอะไรบ้าง เช่น ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำเกาหลีเหนือและสภาพเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ เพราะอาจทำให้สมาชิกครอบครัวตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากได้

ขณะที่มีคนที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมงาน อีกหลายพันคน มีเวลาเหลือน้อยลงทุกที

“ผมสมัครตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่เคยได้รับเลือกแม้แต่ครั้งเดียว” นัมกิวยอง (Nam Gyu-hyeong) วัย 80 ปีกล่าวเมื่อต้นปีนี้  “ขณะที่ฉันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการรวมญาติ ฉันคิดว่าทางการควรจะดำเนินการก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ไม่มีเวลาเหลือแล้ว ครอบครัวของฉันในเกาหลีเหนือ 5 คนจาก 9 คน เสียชีวิตแล้ว”

 

 

ที่มา:

Tags: , , ,