เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (NASA) เผยแพร่ผลการศึกษาใหม่ 2 ฉบับผ่านวารสาร ‘Nature Astromony’ สรุปผลการตรวจพบโมเลกุลของน้ำบนพื้นผิวดวงจันทร์ด้านสว่างที่แสงอาทิตย์ส่องถึง โดยนับว่าเป็นการค้นพบครั้งสำคัญที่ชี้ว่า ดวงจันทร์อาจมีปริมาณน้ำมากกว่าที่เคยคาดไว้ และอาจเป็นตัวแปรสำคัญต่อการก่อตั้งอาณานิคมมนุษย์บนดวงจันทร์ในอนาคต
รายงานดังกล่าวได้อ้างอิงผลวิเคราะห์จากเครื่องบินสังเกตการณ์ดาราศาสตร์โซเฟีย (SOFIA) ซึ่งเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 747SP รุ่นดัดแปลงที่ติดตั้งกล้องโทรทรรศน์รังสีอินฟราเรด หลังตรวจพบโมเลกุลของน้ำบริเวณแอ่งหลุมคลาเวียส (Clavius Crater) ใกล้กับขั้วใต้ของดาว หนึ่งในหลุมอุกกาบาตที่ใหญ่ที่สุดบนดวงจันทร์ และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พบในบริเวณแสงอาทิตย์ส่องถึง เนื่องจากก่อนหน้านี้ การตรวจพบโมเลกุลของน้ำบนดวงจันทร์ มักพบแต่ในบริเวณขั้วเหนือและขั้วใต้ที่อยู่ในเงามืดเและมักจะอยู่ในรูปแบบของน้ำแข็งเท่านั้น
หนึ่งในนักวิจัยผู้ตีพิมพ์รายงาน แคสซีย์ ฮอนนิบอล ประจำศูนย์อวกาศ Goddard ในสังกัดของ NASA ระบุว่า ปริมาณน้ำที่ค้นพบในครั้งนี้ มีปริมาณราว 12 ออนซ์ หรือ เท่ากับขวดน้ำดื่มขนาดเล็ก ในเนื้อดินทุกๆ 1 ลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ การค้นพบโมเลกุลของน้ำถือเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสำคัญแก่โครงการอาร์เทมิส (Artemis) ของ NASA ที่มีแผนจะส่งมนุษย์กลับไปเหยียบดวงจันทร์อีกครั้งในปี 2024 และโครงการก่อตั้งอาณานิคมมนุษย์บนดวงจันทร์ในอนาคต เนื่องจากจะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถประเมินปริมาณน้ำที่จะต้องใช้ในภารกิจต่างๆบนดวงจันทร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และอาจคิดค้นวิธีที่จะนำน้ำบนดวงจันทร์มาบำบัดเพื่อใช้อุปโภคและบริโภค หรือแม้แต่นำมาผลิตออกซิเจนเพื่อใช้ในการหายใจด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่ทราบว่าโมเลกุลน้ำบนพื้นผิวดวงจันทร์อยู่ในรูปแบบใด และสามารถคงอยู่ในสภาวะไร้บรรยากาศปกคลุมได้อย่างไร แต่มีความเป็นไปได้ว่า โมเลกุลน้ำเหล่านี้เกิดขึ้นระหว่างเหตุการณ์สะเก็ดดาวหรืออุกกาบาตขนาดเล็กพุ่งชนพื้นผิวดวงจันทร์ และถูกกักเก็บอยู่ในเม็ดแก้วเล็กๆ (ice crystals) ที่ปะปนอยู่ในเนื้อดินบนดวงจันทร์
นอกจากนี้ คำถามที่สำคัญที่นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบให้ได้ก็คือ โมเลกุลน้ำเหล่านี้อยู่ลึกลงไปจากพื้นผิวเท่าไร เพราะถ้าหากโมเลกุลน้ำเหล่านี้ฝังตัวอยู่ลึกลงบนพื้นผิวดวงจันทร์เพียงเล็กน้อย นั้นหมายถึงปริมาณน้ำที่น้อยลงด้วยเช่นกัน
ที่มา:
https://edition.cnn.com/2020/10/26/world/moon-water-nasa-announcement-scn-trnd/index.html
https://www.theguardian.com/science/2020/oct/26/water-exists-on-the-moon-scientists-confirm
https://www.bbc.com/news/science-environment-54666328
ภาพ: Nasa
Tags: นาซ่า, Nasa