Photo: Jim Young, Reuters/profile

 

522 วัน เป็นระยะเวลาที่จะว่านานก็นาน จะว่าไม่นานก็ได้ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับความรู้สึกของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน

แต่ระยะเวลาดังกล่าวสำหรับนักกีฬาสักคน มันนานพอที่จะเปลี่ยนแปลงได้หลายสิ่ง หรืออาจจะทุกอย่าง

ที่พูดเช่นนี้เพราะสำหรับนักกีฬา การไม่ได้ลงเล่นหรือลงฝึกซ้อมแค่ 1 วัน หรือ 1 อาทิตย์ สามารถทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการเล่นได้ และอาจต้องใช้ระยะเวลาเพื่อทำการ ‘จูน’ ปรับจังหวะการเล่นให้กลับมาเข้าที่ ให้จำ ‘ความรู้สึก’ เดิมที่เคยเล่น เคยทำได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก

เราได้เห็นบ่อยๆ ครับที่นักกีฬาซึ่งเรื้อสนามไปนาน โดยเฉพาะจากสาเหตุอาการบาดเจ็บ บางครั้งต้องใช้ระยะเวลายาวนานมากกว่าที่จะกลับมาเป็นคนเดิมได้

บ่อยครั้งที่เราได้เห็นยอดนักกีฬาที่ไม่สามารถกลับมาได้เหมือนเดิมอีกเลย

แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น ณ เข็มนาฬิกาเดินไป โลกทั้งใบกำลังร่วมจับตามองการกลับมาอีกครั้งของ ‘พญาเสือ’ ไทเกอร์ วูดส์ ที่ห่างหายไปจากวงการถึงเกือบ 2 ปี โดยจะลงเล่นในรายการ Farmers Insurance Open เป็นรายการแรกในสัปดาห์นี้ ก่อนจะแข่งต่อเนื่องอีก 4 รายการ

การกลับมาของอดีตมือหนึ่งของโลกที่มาพร้อมกับคำถามมากมายครับ

แต่สำหรับ ‘พญาเสือ’ แล้ว เขามีคำตอบที่ชัดเจนเพียงหนึ่งเดียว

ความรักของผมที่มีต่อเกมไม่เคยหายไปไหน จะมีเพียงแค่ร่างกายของผมเท่านั้นที่ห้ามไม่ให้ผมลงเล่น

Photo: Jeff Haynes, Reuters/profile

 

The Chosen One

ผมเชื่อว่ามีน้อยคนที่จะไม่รู้จัก ไทเกอร์ วูดส์ ครับ

นักกอล์ฟอเมริกันที่มีสายเลือดไทยอยู่ครึ่งหนึ่ง เป็นนักกอล์ฟในระดับ ‘ตำนาน’ ของวงการ หากไม่ใช่ก็ใกล้เคียงกับตำนานในอดีตอย่าง ‘ราชานักกอล์ฟ’ อาร์โนลด์ พาลเมอร์ ผู้ล่วงลับ, ‘บุรุษในชุดดำ’ แกรี เพลเยอร์ และ ‘เจ้าหมีทอง’  แจ็ก นิคลอส

ไทเกอร์ วูดส์ กลายเป็น ‘ปรากฏการณ์’ ของโลกในช่วงยุคปี 1990 จนถึง 2000 เมื่อก้าวจากการเป็นนักกอล์ฟระดับสมัครเล่นที่เก่งจนได้การกล่าวขานมากที่สุด มาสู่การเป็นนักกอล์ฟอาชีพที่เก่งที่สุดและดังที่สุดในระยะเวลาอันรวดเร็ว

ในวันเวลาของเขา ไม่มีอะไรที่ ‘พญาเสือ’ ทำไม่ได้

ความมหัศจรรย์ของเขา พรสวรรค์ของเขา ความโดดเด่นของเขา หรือแม้แต่เสื้อสีแดงที่คุณแม่ กุลธิดา (ธิดา) วูดส์ เลือกให้เขาใส่ในทุกวันสุดท้ายของการแข่งขันเพราะเชื่อว่าเป็นสีนำโชค ทำให้เขากลายเป็นคนที่โลกจับตามอง ไม่ว่าจะสนใจในกีฬากอล์ฟ หรือต่อให้ไม่เคยสนใจในกีฬาเลยก็ตาม

ไทเกอร์ วูดส์ ยังเป็นผู้ทลายกำแพง ‘สีผิว’ คนแรกด้วยการเป็นนักกอล์ฟผิวสีคนแรกที่คว้าแชมป์ ยูเอส มาสเตอร์ส เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่คว้า ‘กรีนแจ็กเก็ต’ ได้ด้วยวัยเพียง 21 ปี

เขาจึงมีสถานะเป็น ‘ไอคอน’ ของวงการกีฬาโลก เทียบเท่ากับ ไมเคิล จอร์แดน มูฮัมหมัด อาลี หรือ ดิเอโก มาราโดนา
นิตยสาร Time เคยจัดให้เขาเป็น 1 ใน 25 บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในสหรัฐฯ

แน่นอนครับว่ารายได้จากสปอนเซอร์ของเขานั้นมากมายมหาศาล เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

รอรี แม็กอิลรอย โปรกอล์ฟชาวไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่วงการกอล์ฟยกย่องว่าเป็น ‘ความหวัง’ ของวงการคนใหม่ที่จะขึ้นมาแทนที่ของวูดส์ในช่วงหลายปีหลัง ยอมรับว่าเขาไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตเช่นนั้นได้

มันเป็นชีวิตของคนที่เกิดมาเพื่อเป็นหนึ่งไม่มีสอง

แต่ก็เป็นชีวิตที่ต้องจ่ายด้วยสิ่งแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม

ไทเกอร์ วูดส์ มีชื่อเล่นภาษาไทยว่า ‘ต้น’ (Tont) โดยชื่อเต็มของเขาคือ เอลดริก ต้น ‘ไทเกอร์’ วูดส์

Photo: Jeff J Mitchell, Reuters/profile

 

เสือผู้หลงทาง

 

จากจุดสูงสุดของชีวิตกับการคว้าแชมป์เมเจอร์ 14 รายการ – วูดส์ค่อยๆ ตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย

ทุกอย่างเริ่มต้นจากการบาดเจ็บที่เข่าเมื่อปี 2008 ที่เขาฝืนเล่นเพื่อคว้าแชมป์ ยูเอส โอเพน และทำได้สำเร็จ แต่ ‘ต้นทุน’ ของมันสูงมาก ว่ากันว่าเขาไม่เคยกลับมามีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ได้อีกเลยนับจากนั้น

เป็นระยะเวลากว่า 8 ปีที่เขาเผชิญปัญหาอาการบาดเจ็บเต็มไปหมด ทั้งเข่า ทั้งหลัง ถึงจะมีช่วงที่เริ่มทำท่าว่าจะดี แต่สุดท้ายก็จะมีปัญหาบาดเจ็บใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ

พญาเสือตนนี้บอบช้ำหนักด้วยบาดแผลเต็มกาย เช่นเดียวกับต้นทุนชีวิตของเขาที่หมดไปเพราะความสุขเพียงชั่วคราวกับสาวแปลกหน้าในชีวิตนับสิบคน ที่ทำให้ชีวิตครอบครัวกับ เอลิน นอร์เดเกรน อดีตภรรยาสาวต้องพังพินาศ

ชีวิตของวูดส์ก็พังพินาศตามไปด้วยหลังจากนั้น

ถึงแม้หลังจากนั้นจะพบรักครั้งใหม่กับ ลินด์ซีย์ วอนน์ นักสกีสาวสวย แต่นิสัยไม่รู้จักพอของเขา (บ้างก็ว่าเขาใช้เซ็กซ์เพื่อบำบัดความเครียด) ก็ทำให้ความรักครั้งใหม่พินาศอีกตามเคย

จริงอยู่ครับที่โลกเรานั้นชีวิตใคร ชีวิตมัน และที่สุดแล้ววูดส์เองก็เป็นคนธรรมดาไม่ต่างอะไรจากเราที่พร้อมจะทำความผิดได้เหมือนกัน

แต่มันก็อดเสียดายไม่ได้ที่สุดยอดนักกอล์ฟคนหนึ่งของโลก คนที่ถูกคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นตำนานหมายเลขหนึ่งตลอดกาลที่เหนือยิ่งกว่า ‘ราชาแห่งกอล์ฟ’ อาร์โนลด์ พาลเมอร์ และ ‘หมีทอง’ แจ็ก นิคลอส ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

บางทีก็ชวนให้รู้สึกเหมือน อนาคิน สกายวอล์กเกอร์ ในหนัง Star Wars ผู้ที่เคยได้รับการทำนายว่าเป็น The Chosen One ที่สุดท้ายก็ถูกชักนำจนกลายเป็น ดาร์ธ เวเดอร์ (แม้สุดท้ายจะทำได้ตามคำทำนายก็ตาม!)

ในขณะที่อนาคินหมกมุ่นกับการค้นหาพลังที่จะทำให้หญิงคนรักไม่ต้องตาย แต่วูดส์ลุ่มหลงไปกับผู้หญิงและกามารมณ์จนทำให้ชีวิตวอดวาย

เป็นการใช้ชีวิตที่ ‘ประมาท’ แบบร็อกสตาร์แท้ๆ (และนั่นเป็นเหตุผลที่ รอรี แม็กอิลรอย บอกว่าเขาใช้ชีวิตเช่นนั้นไม่ได้)

สุดท้ายก็กลายเป็น Lost Star หลงทางมากว่า 8 ปี

อย่างไรก็ดี หลังการบาดเจ็บที่หลังในปี 2015 ซึ่งทำให้เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 2 ครั้ง (ไม่นับรวมปี 2014 ที่เคยผ่าตัดที่หลังมาแล้ว) ความพ่ายแพ้ต่อสังขารที่ทำให้หยุดความคิดที่จะกลับมาเล่น จนสุดท้ายต้องพักการเล่นมาถึง 522 วัน และเคยมีกระแสข่าวว่าอาจถึงขั้นลาวงการ – มันทำให้เขานึกถึงอะไรบางอย่างออกอีกครั้งครับ

สิ่งเล็กๆ ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา

ไทเกอร์เคยคว้าแชมป์เมเจอร์ 4 รายการติดต่อกัน เพียงแต่ไม่ได้เกิดขึ้นในปีเดียวกัน (และไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน) จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ไทเกอร์สแลม’

Photo: Reuters Staff, Reuters/profile

 

เสียงคำรามจากหัวใจ

ในบล็อกส่วนตัวของเขาที่ tigerwoods.com วูดส์บอกเล่าถึงเรื่องราวและความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา – ซึ่งความจริงก็เป็นปกติวิสัยของเขาที่ต้องการสื่อสารกับแฟนๆ

สิ่งที่น่าสนใจคือในบล็อกล่าสุด วูดส์พูดถึงเรื่องอาการบาดเจ็บและการกลับมาของเขาด้วย
และมันจับใจครับ

“ความรักของผมที่มีต่อเกมไม่เคยหายไปไหน จะมีเพียงแค่ร่างกายของผมเท่านั้นที่ห้ามไม่ให้ผมลงเล่น”

วูดส์กล่าวต่อว่า “ตอนนี้ร่างกายของผมอนุญาตให้ผมลงเล่นได้อีกครั้ง เมื่อรวมกับกำลังใจมากมายที่ผมได้รับจากผู้คน และความช่วยเหลือจากเพื่อนของผมและนักกอล์ฟคนอื่นๆ มันคือเหตุผลที่ดีมากที่ทำให้ผมมองในแง่ดี”

เนื้อหาในบล็อกยังเล่าถึงหัวใจที่พองโตในระหว่างการได้รับเชิญให้ร่วมทีมสหรัฐฯ ในศึกกอล์ฟ ไรเดอร์ คัพ แม้จะไม่ได้ลงแข่งขันก็ตาม การต้อนรับจากพี่น้องนักกอล์ฟ การได้ใช้วันเวลาร่วมกัน ของขวัญจาก ริกกี ฟาวเลอร์ และดัสติน จอห์นสัน

และการที่สมาชิกในทีมไรเดอร์ คัพ สหรัฐฯ ทุกคนลุกขึ้นยืนก่อนรูดซิปเสื้อแจ็กเก็ตลง ก่อนที่วูดส์จะเห็นว่าทุกคนนั้นสวมเสื้อยืดสีแดงที่มีข้อความว่า “MAKE TIGER GREAT AGAIN”​สำหรับใครสักคนที่เคยยืนบนจุดสูงสุด และตกต่ำลงถึงจุดต่ำสุดของชีวิต

‘กำลังใจ’ เหล่านี้สำคัญมากครับ

สำหรับการกลับมาครั้งนี้ของวูดส์ ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะกลับมาได้แค่ไหน เพราะในวงการกอล์ฟมีการพูดกันว่า ‘River of no Return’ หรือสายน้ำที่ไม่มีวันหวนกลับ ในความหมายถึงว่านักกอล์ฟที่เคยเล่นได้ดีแล้วหลุดฟอร์มไปจะไม่มีวันกลับมาเล่นได้เหมือนเดิมอีก

แต่อย่างน้อยแค่การกลับมาของชายที่ชื่อ ไทเกอร์ วูดส์ ก็ทำให้แฟนกอล์ฟทั่วโลกที่หัวใจแห้งเหี่ยวมานานกลับมาเต้นด้วยเสียงระรัวอีกครั้ง

ไม่ต่างอะไรจากตัวเขาที่เฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน

รางวัล เกียรติยศ ชื่อเสียง และเงินทอง ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกแล้ว – อย่างน้อยก็ในเวลานี้

เพราะแค่ได้กลับมาทำในสิ่งที่เขารักอีกครั้งก็ดีมากแล้ว

หลักฐานบนใบหน้า รอยยิ้มกว้างถึงหางตา มันแทนความรู้สึกของหัวใจได้ชัดเจน

Cover: Edgard Garrido, Reuters/profile

DID YOU KNOW?

  • ไทเกอร์ วูดส์ มีชื่อเล่นภาษาไทยว่า ‘ต้น’ (Tont) โดยชื่อเต็มของเขาคือ เอลดริก ต้น ‘ไทเกอร์’ วูดส์
  • ไทเกอร์ เป็นชื่อที่พ่อ (และครูกอล์ฟผู้ยิ่งใหญ่) ของเขา เอิร์ล วูดส์ ตั้งให้เป็นเกียรติแก่ เหวื่อง ดัง ฟง เพื่อนรักชาวเวียดนามของพ่อและเคยเป็นผู้ช่วยชีวิต ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘ไทเกอร์’
  • แม้จะเกิดและเติบโตที่สหรัฐอเมริกา แต่คุณแม่กุลธิดาก็เลี้ยงดูลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอแบบ ‘ไทยๆ’ และไทเกอร์เองก็กลัวแม่มากกว่าพ่อด้วย
  • ไทเกอร์ วูดส์ นับถือศาสนาพุทธตามคุณแม่ และเขาคิดว่าคำสอนของศาสนาพุทธเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ
  • เขาเคยครองอันดับหนึ่งของโลกยาวนานต่อเนื่องถึง 465 สัปดาห์ คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์มาครองได้ 14 รายการ (สถิติสูงสุด แจ็ก นิคลอส 18 รายการ) และคว้าแชมป์ตลอดชีวิตการเล่นถึง 79 รายการ (สถิติสูงสุด แซม สนีด 82 รายการ)
  • ไทเกอร์เคยคว้าแชมป์เมเจอร์ 4 รายการติดต่อกัน เพียงแต่ไม่ได้เกิดขึ้นในปีเดียวกัน (และไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน) จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ไทเกอร์สแลม’
Tags: , ,