นับเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สถานการณ์การเมืองในสหรัฐอเมริกามีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะเพียง 10 วันหลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งปลดรักษาการรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม แซลลี คิว. เยตส์ (Sally Q. Yates) หลังเธอปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งบริหารห้ามประชาชน 7 ประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐอเมริกา พร้อมกล่าวหาเธอว่า พยายามขัดขวางเป้าหมายของเขาด้วยเหตุผลทางการเมือง และทรยศต่อฝ่ายบริหารเมื่อคืนวันจันทร์ เยตส์ออกคำสั่งไม่ให้กระทรวงยุติธรรมทำตามคำสั่งบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยให้เหตุผลว่าเธอไม่เชื่อในความถูกต้องตามกฎหมายของคำสั่งดังกล่าว
พร้อมเขียนจดหมายถึงเจ้าหน้าที่ในกระทรวงยุติธรรม ระบุข้อความว่าเธอมีความรับผิดชอบในการทำให้แน่ใจว่าบทบาทการทำหน้าที่ในศาลยุติธรรมจะยังคงไว้ซึ่งภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันที่แสวงหาความยุติธรรมและหยัดยืนต่อความถูกต้องเสมอ
“ฉันยังไม่เชื่อว่าการปกป้องคำสั่งนี้สอดคล้องต่อหน้าที่นั้น และไม่เชื่อว่าคำสั่งจะถูกต้องตามกฎหมาย”
นอกจากนี้เธอยังกล่าวอีกว่า ตราบใดที่เธอยังดำรงตำแหน่งในกระทรวงยุติธรรมจะไม่เปลี่ยนแปลงท่าทีใดๆ เพื่อปกป้องคำสั่งบริหารฉบับนี้ เว้นเสียแต่จนกว่าเธอจะเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเหมาะสม
ไม่นานนักหลังเธอถูกทรัมป์ไล่ออก ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวถึงเยตส์ว่า เป็นคนที่อ่อนหัดในประเด็นพรมแดน และอ่อนหัดยิ่งกว่าในประเด็นผู้อพยพที่ผิดกฎหมาย
รักษาการ รมต.กระทรวงยุติธรรมรายนี้ถูกแต่งตั้งขึ้นในยุครัฐบาลโอบามา และเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเธอรับคำร้องขอจากประธานาธิบดีทรัมป์ให้อยู่ในตำแหน่งนี้จนกว่าวุฒิสมาชิก เจฟ เซสชันส์ (Jeff Sessions) จะได้รับการยืนยันจากคณะกรรมาธิการวุฒิสภาให้ขึ้นรับตำแหน่งนี้แทน โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในวันที่ 31 มกราคมนี้ อย่างไรก็ตาม หลังคำสั่งปลดครั้งนี้ ทรัมป์ได้แต่งตั้ง ดานา เจ. โบเอนเต (Dana J. Boente) อัยการศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประจำเขตตะวันออกรัฐเวอร์จิเนีย ให้รักษาการแทนไปก่อน
การตัดสินใจของเยตส์เป็นการหักล้างคำพิจารณาของสำนักงานที่ปรึกษากฎหมายประจำกระทรวงยุติธรรมที่อนุมัติคำสั่งบริหารห้ามประชาชน 7 ประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐอเมริกา
สตีเฟน มิลเลอร์ (Stephen Miller) ที่ปรึกษานโยบายอาวุโสของทรัมป์ ประณามการตัดสินใจของเยตส์ โดยระบุว่า การเมืองมีอำนาจมากเสียจนทำให้คนปฏิเสธที่จะบังคับใช้กฎหมาย เช่นเดียวกับทรัมป์ที่ทวิตโจมตีเดโมแครตว่าพยายามทำให้การเลือกคณะรัฐมนตรีล่าช้าออกไปด้วยเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้พิพากษารัฐบาลกลาง 4 ราย ระงับผลบางส่วนของคำสั่งบริหารฉบับนี้ไป เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลส่งตัวผู้รับผลกระทบกลับบ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศหลายรายรวมตัวกันส่งจดหมายแสดงความไม่เห็นด้วยต่อแผนปิดพรมแดนตามคำสั่งบริหารฉบับนี้ ที่กีดกันคนมากกว่า 200 ล้านคนออกไปเพื่อขัดขวาง ‘ผู้ก่อการร้าย’ เพียงหยิบมือ
นายฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาวออกแถลงถึงเหตุการณ์นี้ว่า ประธานาธิบดีมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนคือการผลักดันประเทศก่อน พร้อมโต้กลับว่ามีการพูดขยายผลคำสั่งให้เกินจริง และชี้ว่าเจ้าหน้าที่ผู้ไม่เห็นด้วยต่อเป้าหมายประธานาธิบดีทรัมป์ควรลาออกไป
อ้างอิง:
– https://www.nytimes.com/2017/01/30/us/politics/trump-immigration-ban-memo.html
Tags: USA, DonaldTrump