หากคนคนหนึ่งเปรียบได้กับภาชนะที่บรรจุเรื่องราวต่างๆ ที่เรียกว่า ‘ชีวิต’ เป็นสาระที่ก่อรูปก่อร่างเป็นคนคนนั้น
อมรรตยะ เสน เป็นภาชนะที่บรรจุอินเดียในช่วงการเปลี่ยนผ่านไปสู่อิสรภาพจากบริติช และความแตกแยกที่ชัดคมของแนวคิดทางการเมืองระหว่างฮินดูกับมุสลิม ที่นำไปสู่การเกิดของปากีสถานและบังกลาเทศในเวลาต่อมา
อมรรตยะ เสนบรรจุความเฟื่องฟูทางปัญญาในยุคโมเดิร์นอินเดีย การศึกษาเสรีจากศานตินิเกตันท่ามกลางอิสระทางความคิด ตามแนวคิดของ รพินทรนารถ ฐากุร และอารยธรรมเก่าแก่จากคัมภีร์สันสกฤต เขาพาให้เราเข้าใจความเปิดกว้างในวิถีที่หลากหลายของวัฒนธรรมฮินดู เรื่องของประเทศอินเดียที่แตกต่างจากที่เราเคยรู้
ชีวิตของเขามีวิทยาลัยตรินิตี้ เคมบริดจ์ มีรางวัลโนเบล บรรจุการโต้ตอบถกเถียงค้นหาวิธีที่เศรษฐศาสตร์ไม่เป็นไปเพื่อทุนแต่อย่างเดียว แต่ทำเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพคนอย่างเสมอภาค มีผลโอบอุ้มคนธรรมดาสามัญด้วยการคิดค้นจากปัญญาที่มีมนุษยนิยมเป็นแกน
ในหนังสือ Home in The World: โลกคือบ้าน บ้านคือโลก อมรรตยะ เสนมองไปยังผู้คนที่เป็นส่วนประกอบสร้างเขาขึ้นมา บรรดาผู้คนที่เติมให้ภาชนะที่ชื่อ อมรรตยะ เสน
ชคพันธุทา: ครูคณิตศาสตร์ที่ศานตินิเกตัน
เห็นได้ชัดว่า หัวข้อมาตรฐานของวิชาคณิตศาสตร์ที่โรงเรียนไม่น่าสนใจสำหรับอมรรตยะ เขาเคยบอกผมอย่างยโสว่า “ผมรู้นะว่าการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์จะไปตกลงที่ไหน แต่ผมไม่สนุกกับการคำนวณ” ผมต้องยอมแพ้กับความดื้อดึงของเขา หลายครั้งเขาเสนอให้แก้โจทย์คณิตศาสตร์ด้วยวิธีพิลึกพิลั่น ผมจะแนะลำดับการคิดให้อีกวิธีหนึ่ง เขาจะพยายามเอาชนะการให้เหตุผลใหม่ของผมด้วยวิธีที่คิดขึ้นเอง
กณิกา พันเทยปาธัย: ครูสอนขับร้องที่ศานตินิเกตัน
ฉันเคยบอกเขาว่า ทุกคนสามารถร้องเพลงได้ถ้าฝึกฝน แต่ในที่สุดฉันก็ต้องบอกเขาว่า “อมรรตยะ เธอไม่ต้องเข้าเรียนวิชาดนตรีแล้ว”
มหาตามา คานธี: ในวาระการเยือนศานตินิเกตัน เดือนธันวาคม 1945
ข้าพเจ้าขอบคุณเด็กน้อยอายุ 12 ปี ที่เข้ามาบริจาคเงิน 5 รูปี สำหรับกองทุนต่อสู้ความไม่เสมอภาคของระบบวรรณะ ข้าพเจ้าบอกกับเขาว่า การต่อสู้กับระบบวรรณะของเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เขาอ้อยอิ่งอยู่พักหนึ่ง ดูเขาอยากจะคุยกับข้าพเจ้าต่อ ข้าพเจ้าเลยถามไปว่า เคยนึกวิพากษ์อะไรที่เห็นรอบตัวบ้าง เขาบอกว่ามี เห็นได้ชัดว่าเขากระตือรือร้นที่มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความห่วงใยโลกร่วมกัน
กษิติโมหน เสน: ตา
ผมรู้ว่าหลานตอบคำถามเรื่องศาสนาและเลือกหนทางของตัวเองได้แล้ว เขาเลือกที่จะเป็นผู้ไม่มีพระเจ้าหรือโลกายัต ส่วนหนึ่งของความเชื่ออันหลากหลายในศาสนาฮินดู ซึ่งมีจุดยืนเชิงปรัชญา การใช้เหตุผลและความคิดเชิงวิพากษ์มากกว่าเป็นแค่ศาสนาหรือพิธีกรรม
กิรณพาลา: ยาย
มีผู้คนที่อดอยากราว 1 แสนคน เดินทางผ่านศานตินิเกตันเพื่อไปยังหัวเมืองใหญ่ เสียงอ้อนวอนขอความช่วยเหลือดังระงม ฉันอนุญาตให้อมรรตยะใช้กระป๋องดีบุกใส่บุหรี่ตวงข้าวสารให้คนที่มาขออาหาร แต่บอกเขาว่า ไม่ว่าจะสงสารแค่ไหน ก็ให้มากกว่าคนละกระป๋องไม่ได้นะ เพราะเราต้องช่วยคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฉันเล่าให้เขาฟังถึงหญิงผู้หนึ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นขณะกินอาหารที่ได้รับมาจากที่ไหนสักแห่งแทนที่จะป้อนลูกซึ่งผอมแห้งบนตัก หญิงคนนั้นบอกฉันว่า “เราไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เรากลายเป็นสัตว์”
อาศุโตษะ เสน: พ่อ
บทสนทนาในครอบครัวที่อมรรตยะได้ฟัง วนเวียนอยู่กับประเด็นชนชั้น ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ชาตินิยม ปลดปล่อยอินเดีย และรอยแยกระหว่างฮินดูกับมุสลิม ที่อมรรตยะผู้ซึ่งชอบอ่านวรรณคดีสันสกฤตมักเล่าความคิดของเขาที่ได้รับอิทธิพลจากกษิติโมหน ตาของเขาว่า ในวรรณกรรมและคัมภีร์ฮินดูนั้นไม่เดียดฉันท์ผู้ศรัทธาอื่นๆ แต่กลับเต็มไปด้วยแนวคิดที่แตกต่างหลากหลาย เป็นปรัชญาที่เปิดกว้าง
ชโยติรมัย เสนคุปตะ: ลุง
ตอนที่ผมถูกตัดสินลงโทษ ผมตัดสินใจรับการจองจำระดับเข้มงวดถึงขั้นใส่โซ่ตรวน ถึงแม้ว่าตามวรรณะของผมจะมีการผ่อนผันตามระบบเรือนจำบริติชอินเดีย ผมบอกอมรรตยะเวลาที่เขามาเยี่ยมผมกับแม่ของเขาว่า สุขสบายดีมาก
เราคุยกันเนืองๆ เรื่องเอกภาพของอินเดีย ความระหองระแหงทางการเมืองจากการแบ่งแยกระหว่างฮินดูกับมุสลิม
กังกรมามา: ลุง
ในเรือนจำตอนที่ผมได้ย้ายมาอยู่ห้องที่ข้างนอกมีต้นไม้ซึ่งผมไม่ได้เห็นมาพักใหญ่ ผมบอกอมรรตยะที่มาเยี่ยมว่า มองแล้วชื่นใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเตือนให้ระลึกว่า ยังมีโลกปกติอยู่หลังกำแพงสูงของคุกนี้ โลกที่ใบไม้จะผลิในฤดูใบไม้ผลิ
สุขมัย จักราวรตี: เพื่อนร่วมเรียนสาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาลัยเพรสิเดนซี
ผมชวนอมรรตยะ ทำไมไม่ไปเรียนเศรษฐศาสตร์กับผมล่ะ เศรษฐศาสตร์สัมพันธ์ใกล้ชิดกับความสนใจทางการเมืองของคุณและผมมากกว่า และมันเปิดโอกาสสำหรับการใช้เหตุผลเชิงวิเคราะห์และเชิงคณิตศาสตร์ที่คุณชอบ เช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้นนะอมรรตยะ เศรษฐศาสตร์คือมนุษย์
จอห์น ฮิกส์: เพื่อนร่วมงานจากวิทยาลัยออลโซลส์ออกซ์ฟอร์ด
ตอนที่เขาบอกว่าอ่านหนังสือของผม ผมบอกเขาไปว่า อมรรตยะทีนี้ผมรู้แล้วว่า ความคิดเพ้อเจ้อทางเศรษฐศาสตร์ของคุณหยั่งรากลึกแค่ไหน
ตาปัส มชุมทาร: อาจารย์เศรษฐศาสตร์ วิทยาลัยเพรสิเดนซี
อมรรตยะบอกผมว่า เนื้อหาของบทความที่ผมเพิ่งบรรยายไปมีข้อผิดพลาด ผมก็บอกเขาไปว่า ถ้ามันดูไม่ถูกต้องสำหรับคุณ เป็นไปได้ว่าคุณตามเหตุผลไม่ทัน ผมอยากให้เขาลองย้อนถามตัวเองดู แต่อีกแง่หนึ่งอาจเป็นได้ว่า ข้อโต้แย้งที่แม้จะเป็นความเข้าใจพื้นๆ ที่คิดว่าถูกต้องนั้น จริงๆ แล้วมันอาจจะผิดก็ได้ ผมว่าผมคงทำให้ความแน่วแน่ในการโต้เถียงของเขาหนักแน่นยิ่งขึ้น
ปิสิมา: พี่สาวของพ่อ
ในการฉายรังสีรักษามะเร็งชนิดสความัสคาร์ซิโนมาในช่องปากให้กับอมรรตยะ ฉันให้วัตถุสีเงินแต้มสีชาดที่ได้ประสาทพรมาให้เขาเพื่อช่วยนำโชค ฉันไปขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกหนทาง ฉันว่าอมรรตยะต้องการโชคอย่างยิ่ง
มิสซิสแฮงเกอร์: เจ้าของบ้านเช่าบนถนนไพรออรี
ฉันถามเสนประโยคแรกเลยว่า สีเธอจะตกไหมเวลาอาบน้ำ เวลาเจอน้ำร้อนมากๆ เขาบอกฉันว่า สีผิวของเขาติดแน่นทนทาน แต่ฉันก็ยังเป็นห่วง เขาผอมเกินไป ฉันก็เลยสั่งนมชนิดมันเนยเต็มพิกัดให้เขาดื่ม กำชับเขาให้ดื่มทุกวัน ฉันบอกเขาว่าเห็นแก่ฉันเถอะ อย่างน้อยวันละแก้ว เธอต้องมีเนื้อมีหนังกับเขาบ้าง
ปิเอโร สรัฟฟา: อาจารย์ผู้กำกับดูแลการเรียนที่เคมบริดจ์
บทสนทนาของเรามีริสเทรตโตทำให้รื่นรมย์ ผมบอกเขาว่า ตอนนี้คุณมายังที่ที่นักเศรษฐศาสตร์หลงใหลการเสนอทฤษฎีใหม่ตลอดเวลา ซึ่งอาจจะดีและไม่ดีก็ได้ แต่คุณต้องเข้าใจว่า ไม่มีนักเศรษฐศาสตร์เคมบริดจ์คนไหนคิดว่างานของตนลุล่วง จนกว่าทฤษฎีของเขาและเธอจะเคี่ยวงวดจนเหลือแค่สโลแกน 1 บรรทัด
ศาสตราจารย์ เจ.เอส.มิทเชลล์: ศาสตราจารย์เรเจียสด้านเวชศิลป์ ประจำศูนย์รังสีบำบัด
ผมเตือนอมรรตยะเรื่องไม่ควรกินของทอด ไม่ควรดื่มชาเข้ม ควรใส่นมเยอะๆ เขาถามผมว่า มันจะช่วยป้องกันไม่ให้มะเร็งกลับมาหรือเปล่า ผมบอกเขาว่า เปล่า แต่มันจะช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพอื่นที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ผมให้เขาตรวจสุขภาพอย่างละเอียดเป็นประจำ ให้แน่ใจว่าไม่มีมะเร็งทุติยภูมิพัฒนาขึ้นมาในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
ศยาม สุนทร เท: นักศึกษาสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าที่เบอร์ลิน
ผมเจออมรรตยะที่สถานีรถไฟอีสต์เบอร์ลิน เห็นเดินเกร่อยู่เลยเข้าไปแนะนำตัวกับเขา เขากำลังมีปัญหาเรื่องตั๋วรถไฟ ผมก็เลยหาตั๋ววันให้เขาเที่ยวเบอร์ลินตะวันตก พาเขาไปเลี้ยงข้าว พาไปนอนที่เกสต์เฮาส์ของวิทยาลัย แล้วก็มาส่งเขาขึ้นรถไฟไปวอร์ซอ ผมเกรงว่าเขาจะมีปัญหาเรื่องเงินอีก ผมเลยยัดเงินใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตเขาไป
มูลนิธิโนเบล: บันทึก
อมรรตยะ เสนได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ในปี 1998 เขามอบวัตถุ 2 ชิ้นที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับงานของเขามาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์โนเบล วัตถุ 2 ชิ้นนั้นคือ หนังสืออารยภฏียะ หนึ่งในงานภาษาสันสกฤตอันยิ่งใหญ่ว่าด้วยคณิตศาสตร์จากปี 499 กับจักรยานคันเก่าที่อยู่กับเขาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน
(หมายเหตุ: ข้อความจากบุคคลต่างๆ ที่กล่าวถึงนี้ เขียนขึ้นใหม่จากข้อความที่อมรรตยะ เสนเขียนไว้ในหนังสือ โดยนำเสนอจากมุมมองของบุคคลที่อมรรตยะ เสนกล่าวถึง)
Fact Box
โลกคือบ้าน บ้านคือโลก (Home in the World), ผู้เขียน: อมรรตยะ เสน (Amartya Sen), สายพิณ กุลกนกวรรณ ฮัมดานี แปล, สำนักพิมพ์ openbooks, ราคาปก 716 บาท