ธุรกิจโคเวิร์กกิงสเปซ (co-working space) ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่เป็นธุรกิจที่น้อยคนจะเข้าใจและทำให้ประสบความสำเร็จ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องทำเลหรือการตกแต่งสวยงาม แต่มีรายละเอียดมากกว่านั้นที่จะทำให้สถานที่หนึ่งๆ มีคนมาใช้งานอยู่ตลอดเวลา
เรามีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม JustCo โคเวิร์กกิ้งสเปซสัญชาติสิงคโปร์สองสาขา คือ ที่ห้าง Marina Square และสาขา Marina One ฝั่ง East Tower พร้อมพูดคุยกับ คง วัน ซิง (Kong Wan Sing) ผู้ก่อตั้ง ถึงเหตุผลที่ทำให้ JustCo เป็นหนึ่งในโคเวิร์กกิ้งสเปซที่ประสบความสำเร็จในสิงคโปร์ และแผนธุรกิจที่อยากขยายสาขาถึง 100 สาขา ใน 13 ประเทศทั่วเอเชีย และเป็นอันดับหนึ่งภายในปี 2020
มากกกว่าสเปซทำงาน คือสร้างชุมชนคนทำงาน
คง วัน ซิง บอกว่า ด้วยโลกของการทำงานที่เปลี่ยนไป สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มมิลเลนเนียลที่เทคโนโลยีมีผลต่อการใช้ชีวิต เดิมที่บริษัทมักมองหาพื้นที่แล้วมาตกแต่งออฟฟิศเอง ปัจจุบันก็หันตั้งบริษัทในโคเวิร์กกิงสเปซซึ่งดูจะคล่องตัวกว่า
“โคเวิร์กกิงสเปซแบบที่คนทั่วไปเข้าใจ คือพื้นที่ที่คนมานั่งทำงานร่วมกันและมีคาเฟ่ แต่จริงๆ แล้วคนทำงานมองหาพื้นที่ที่มากกว่าแค่นั่งทำงาน สิ่งที่เราสร้างคือชุมชนธุรกิจคนทำงานให้เกิดขึ้น มันเป็นเทรนด์ที่บอกว่า ความต้องการของคนทำงานเปลี่ยนไป จากเดิมที่ลูกค้าเช่าออฟฟิศแล้วตกแต่งเอง ก็ต้องการมีพื้นที่ที่ตกแต่งเสร็จแล้ว และแชร์พื้นที่ทำงานด้วยกัน”
แต่การจะสร้างบรรยากาศให้โคเวิร์กกิงสเปซมีลักษณะเป็นชุมชนได้ เรื่องของพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญ เขาบอกว่า JustCo แต่ละสาขา รวมถึงสาขาใหม่ที่จะกำลังจะเปิดต้องมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 3,000 ตารางเมตร ซึ่งรายละเอีนดที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการออกแบบการใช้งานให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไปตามแต่ละทำเล
อย่างเช่น JustCo สาขา Marina Square ซึ่งเป็น JustCo สาขาแรกที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า มีพื้นที่กว้างถึง 5,600 ตารางเมตร ใช้พื้นที่ห้างเดิมซึ่งมีร้านค้าและทางเดิน นำมาตกแต่งใหม่ทั้งหมด ประกอบด้วยห้องประชุมขนาดเล็กและใหญ่ที่รองรับคนได้ถึง 120-150 คน นำทางเดินของห้างซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรมาเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานแบบเดี่ยว มีคาเฟ่ ห้องอาหาร มุมพักผ่อนอย่างโต๊ะปิงปอง ฟุตบอล และกอล์ฟ ไว้ให้เล่น รวมทั้งพื้นที่สำหรับจัดอีเวนต์ต่างๆ ซึ่งบรรยากาศของที่นี่จะเน้นความสนุกสนาน เนื่องจากเน้นกลุ่มลูกค้ารีเทล ผู้ประกอบการรายย่อย กลุ่มคนทำงานสร้างสรรค์ที่ต้องการความสะดวกสบาย จึงมีฟังก์ชั่นและบรรยากาศโดยรวมที่ตอบโจทย์
ขณะที่สาขา Marina One ฝั่ง East Tower มีพื้นที่กว่า 3,700 ตารางเมตร จะมีบรรยากาศที่ค่อนข้างเคร่งขรึมกว่า เนื่องจากอยู่ในตึกออฟฟิศย่านธุรกิจที่รายล้อมด้วยธนาคาร สถาบันการเงิน และสำนักงานกฎหมาย จึงเน้นไปที่กลุ่มคนทำงานในบริษัทใหญ่ๆ และนักธุรกิจ ทำให้ที่นี่จึงเน้นความหรูหราและฟังก์ชั่นการทำงานมากกว่า มีห้องประชุมเล็กใหญ่หลายสิบห้อง และมุมคาเฟ่
จุดเด่นอีกอย่างของ JustCo คือการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ปรับปรุงและพัฒนา มีการเก็บข้อมูลลักษณะการใช้งานของลูกค้า ว่าพื้นที่ตรงไหนมีคนใช้งานมากที่สุด และพื้นที่ตรงไหนมีการใช้งานน้อย โต๊ะ เก้าอี้ มีความสะดวกสบายหรือเปล่า เพื่อนำมาออกแบบประสบการณ์การใช้งานให้กับลูกค้าใน JustCo สาขาใหม่ๆ
เมื่อ JustCo บุกไทย
ถ้าใครชอบไปฝังตัวนั่งทำงานอยู่ตามโคเวิร์กกิงสเปซ คงจะได้ยินข่าวเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ว่า JustCo มาเปิดสาขาที่เมืองไทย โดยสาขาแรกอยู่ที่เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ พื้นที่รวมกว่า 3,200 ตารางเมตร และสาขาสองอยู่ที่แคปิตอล ทาวเวอร์ ออลซีซันส์เพลส ถนนวิทยุ บนพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร แต่ยังอยู่ในช่วงซอฟต์ โอเพ่นนิ่ง
คง วัน ซิง เปิดเผยว่า JustCo กำลังมีสาขาที่ 3 ในเมืองไทยที่สามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสบนถนนพระราม 4 ของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ โดยเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2019
“สาเหตุที่เลือกที่นี่เพราะทำเลดี การเดินทางสะดวกสบาย มีเอกลักษณ์และมีโอกาสทางธุรกิจอีกมาก ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนโคเวิร์กกิงสเปซในกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ เนื่องจากเราจะเห็นโคเวิร์กกิงสเปซที่มีพื้นที่แค่ไม่กี่ร้อยตารางเมตร หรือมากสุดก็แค่ 4-5 พันตารางเมตร แต่ที่สามย่านมิตรทาวน์ จะมากถึง 8,000 ตารางเมตร และอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยด้วย น่าจะสร้างสีสันและบรรยากาศที่ดีให้กับคนแถวนั้นได้”
นอกจากนี้ เขายังมีแผนจะเปิด JustCo ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 8 แห่ง ภายในปี 2020 โดยเน้นทำเลย่านในกลางธุรกิจ เช่น สุขุมวิท และพระราม 4 เนื่องจากคาดการณ์ว่าส่วนแบ่งการตลาดของโคเวิร์กกิงสเปซในเมืองไทยจะเติบโตเป็น 5% ใน 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1-2 % ในธุรกิจเช่าพื้นที่สำนักงาน
บุกตลาดทั่วเอเชีย เพื่อเบอร์ 1 ในธุรกิจโคเวิร์กกิงสเปซ
แผนธุรกิจของ JustCo มีเป้าหมายว่าจะขยายสาขาให้ได้ถึง 100 สาขา ใน 13 ประเทศทั่วเอเชีย เช่น สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม จีน และญี่ปุ่น เป็นต้น โดยต้องการเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจ โคเวิร์กกิงสเปซ ภายในปี 2020 ซึ่งจะทำให้ JustCo มีพื้นที่รวมกันกว่า 250,000 ตารางเมตร จากปัจจุบันมีพื้นที่อยู่ 70,000 ตารางเมตร
คง วัน ซิง มั่นใจว่าจะไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากตลาดมีการตอบรับที่ดี เห็นได้จากในสิงคโปร์ ซึ่ง JustCo เติบโตอย่างรวดเร็ว เปิดสาขาใหม่ทุก 3-4 เดือน ทำให้ตอนนี้มีทั้งหมด 8 สาขาด้วยกัน และอีกกลยุทธ์ที่สำคัญในการขยายไปต่างประเทศ คือการจับมือกับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นที่เข้าใจตลาดและช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจได้ด้วย
“ในสิงคโปร์ เรามีคู่แข่ง แต่ความต่างคือ เราเป็นคนสิงคโปร์ เราเข้าใจคนสิงคโปร์ด้วยกัน ส่วนถ้าเราไปลงทุนในต่างประเทศ ก็ต้องหาพาร์ตเนอร์ในที่นั้นๆ เพื่อเข้าใจตลาดในแต่ละท้องถิ่น”
“ความเสี่ยงในธุรกิจนี้ยังไม่มี คือมันไม่ใช่เรื่องแฟชัน แต่เป็นความต้องการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ออฟฟิศแบบเดิม ย้ายมาอยู่โคเวิร์กกิงสเปซกันเยอะมาก มันเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นและอยู่ยาวแน่นอน เมื่อคนมีความต้องการในการใช้พื้นที่แบบใหม่ที่เกิดขึ้น คนที่จะอยู่ได้คือต้องเข้าใจตลาดและทำเป็น” มร. คง วัน ซิง กล่าวทิ้งท้าย
Tags: Co-Working Space, JustCo, โคเวิร์กกิงสเปซ, คง วัน ซิง, โกลด์เดนแลนด์