ในตอนก่อนหน้า เรามาถึงอูลานบาตอร์ เมืองหลวงของมองโกเลีย แต่ยังไม่ได้เที่ยวชมเมืองสักเท่าไร วันสุดท้าย เรามีเวลาเกือบทั้งวันก่อนไปล่าฝันบนรถไฟสายทรานส์-มองโกเลีย หนึ่งในเส้นทางรถไฟสามพี่น้องตระกูลทรานส์ (Trans-Siberian, Trans-Mongolian และ Trans-Manchurian) เราจองตั๋วโดยสารชั้น 2 แบบ soft-sleeper ปลายทางของเราคือเมืองเอียร์คุตสก์ (Irkutsk) ประเทศรัสเซีย เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘Paris of Siberia’

การจราจรในอูลานบาตอร์ค่อนข้างคับคั่ง เราจึงเลือกเดินเที่ยวชมเมืองแทนการนั่งรถเมล์ไปลงตามหมุดหมายต่างๆ โดยเริ่มจาก Peace Avenue หนึ่งในถนนสายหลักเพียงไม่กี่สายที่มีอยู่ในเมือง ตลอดสองข้างทางค่อนข้างคึกคัก ผู้คนเดินกันขวักไขว่ และบนถนนสายนี้ เราจะพบเห็นรถเปิดท้ายขายของตามข้างทางไปได้เรื่อยๆ สินค้ามีตั้งแต่ผลไม้ อาหารแห้ง ไปจนถึงเสื้อผ้า คุณอาจเดินเข้าไปที่ท้ายรถและทักทายด้วยภาษามองโกลง่ายๆ เช่น ซานบายเหนอะ (Sain baina uu) แปลว่า สวัสดี ซึ่งคงทำให้คนมองโกลแปลกใจไม่น้อย

เราเดินมาจนถึงจัตุรัสกลางเมือง Sukhbaatar Square ที่นี่ เราจะเห็นอนุสาวรีย์ของแดมดิน ชุคบาตาร์ (Damdin Sükhbaatar) นั่งบนหลังม้า เขาเป็นผู้นำมองโกเลียที่ประกาศอิสรภาพจากจีนในปี 1921 ทางทิศเหนือของอนุสาวรีย์เป็นที่ตั้งของอาคารรัฐสภา ซึ่งมีรูปปั้นของท่านเจงกีส ข่าน (Genghis Khan) ขนาดใหญ่เด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้า รายล้อมด้วยพลม้าอยู่รอบอาคารยาวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า รอบนอกจัตุรัสประกอบไปด้วยสถานที่ราชการ เช่น Palace of Culture ที่มีหอศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ อาคารสีชมพูสดใสด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้คือที่ตั้งของ State Opera and Ballet Theater ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอาคารสีเหลืองพาสเทลของ Golomt Bank ที่ตั้งอยู่มุมด้านตะวันตกเฉียงใต้ของจัตุรัส และที่จัตุรัสแห่งนี้ เราจะได้เห็นภาพผู้คนแต่งกายในชุดพื้นเมืองเดินผ่านหน้าร้าน Louis Vuitton ที่ตั้งอยู่ในอาคารรูปแบบทันสมัยติดกับโรงละคร ซึ่งทำให้เมืองแห่งนี้มีการผสมผสานที่ลงตัวอย่างบอกไม่ถูก

เดินชมเมืองกันจนเมื่อยก็ต้องเติมพลังกันบ้าง ที่นี่นับว่าเป็นสวรรค์แห่งหนึ่งของคนชอบกินเนื้อแกะ คุณสามารถหาซื้ออาหารยอดนิยมอย่างข้าวราดสตูว์เนื้อแกะ (Gulysh) หรือเนื้อแกะย่างเสียบไม้ (Mongolian BBQ หรือ Genghis Khan BBQ) ได้ตามฟูดคอร์ตในราคาไม่แพง (6,000-8,500 MNT หรือ 85-130 บาท) โดยรวมแล้ว ค่าอาหารที่นี่ไม่ได้แพงกว่าเมืองไทย

แม้จะอิ่มแล้ว แต่กระเพาะของเรายังมีที่ว่างสำหรับขนมเสมอ และเมืองแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยร้านขนม รวมทั้งร้านกาแฟสไตล์ฝรั่งเศสและเกาหลี หน้าตาดูน่ากินทั้งนั้น

เอ็นดา (Enda) ไกด์หนุ่มหน้าเกาหลี เล่าให้ฟังว่าภาคธุรกิจในประเทศนี้ค่อนข้างมีสัมพันธ์อันดีกับยุโรปและเกาหลีใต้ จึงมีสินค้าจากเกาหลีได้ให้พบเห็นได้ทั่วไป ชาวมองโกลนิยมดื่มชาที่เรียกว่า Suutei tsai ซึ่งเป็นชานมรสเค็ม เค็มเพราะใส่เกลือจริงๆ ชานมที่นี่ใช้นมสดจากวัว แพะ หรือม้า คนมองโกลบอกว่าการดื่มชาทำให้ร่างกายอบอุ่นและให้พลังงาน

ก่อนจะได้เวลากลับไปที่สถานีรถไฟ เราแวะช็อปปิ้งตุนอาหารทั้งแบบกึ่งและสำเร็จรูปเตรียมไปปิกนิกบนรถไฟกันอย่างเต็มที่ เมื่อมาถึงสถานี รถไฟเที่ยวเวลา 20:35 น. ก็จอดรออยู่ที่ชานชาลาเรียบร้อยแล้ว เราถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับรถไฟก่อนแสงจะหมด อากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ เมื่อตรวจหนังสือเดินทางและตั๋วโดยสารเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็ให้เราขึ้นรถประมาณสองทุ่มเศษ การเดินทางไปถึงเมืองเอียร์คุตสก์จะใช้เวลาทั้งหมด 32 ชั่วโมง รถไฟจะผ่านชายแดนประเทศมองโกเลีย-รัสเซียในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้

ป้ายที่ตู้รถไฟเขียนว่า Ulaanbatar-Irkutsk หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมตัวหนังสือมองโกเลียและรัสเซียเขียนเหมือนกัน เป็นเพราะว่าอักษรซิริลลิกมองโกเลียนเป็นระบบการเขียนในปัจจุบันของมองโกเลีย ได้รับการรับรองเป็นภาษาเขียนทางราชการตั้งแต่ในปี 1940 ตอนนั้นสาธารณรัฐมองโกลอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียต นอกจากนี้ยังมีความใกล้ชิดทั้งในทางกายภาพและในทางวัฒนธรรมกับรัสเซีย ส่วน Khalkha เป็นภาษาถิ่นของชาวมองโกล และเป็นภาษาราชการ (ภาษาพูด) ของประเทศมองโกเลีย

เช้าวันใหม่ พวกเราถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยแสงแดดอบอุ่น รถไฟจอดที่ Sukhbaatar สถานีสุดท้ายของประเทศมองโกเลีย คุณป้าแม่บ้านประจำตู้เดินมาเก็บพาสปอร์ตและบอกให้พวกเราลงจากรถไปรอข้างล่างประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ ป้าแกพูดมองโกลปนอังกฤษจนพวกเรารู้เรื่อง ระหว่างรอ เราได้มีโอกาสเก็บภาพแสงสีส้มเรื่อๆ ยามเช้ารอบบริเวณสถานีรถไฟ และยังได้เห็นการแยกตู้โดยสารออกจากขบวนรถไฟยาวเหยียดจนเหลือแต่ตู้ที่เรานอนเพียงตู้เดียวที่จะข้ามแดนเข้าไปในรัสเซีย พอได้เวลา คุณป้าแม่บ้านคนเดิมก็เรียกพวกเรากลับขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อ ตอนแรกเราคิดว่าจะต้องทำเรื่องผ่านแดนด้วยตัวเอง แต่พอขึ้นรถแล้ว ป้าแม่บ้านก็แจกพาสปอร์ตคืนพร้อมกับเอกสารขาเข้ารัสเซีย เราจึงรู้ว่าเจ้าหน้าที่รถไฟเป็นธุระให้เรียบร้อยแล้ว

ความตื่นเต้นและความท้าทายที่รออยู่ บวกกับความตื่นตาตื่นใจ ชักพาให้เหล่านักเดินทางออกมายืนที่หน้าต่างริมทางเดินเพื่ออิ่มเอมกับภูมิประเทศซึ่งค่อยๆ เปลี่ยนจากเนินเขาสีน้ำตาลเป็นป่าสนไทกา สถานี Sukhbaatar ของมองโกเลียกับสถานี Naushki ของรัสเซียอยู่ห่างกัน 21 กิโลเมตร

ไม่นาน เราก็เห็นธงชาติมองโกเลีย ทหารในชุดลายพรางสีทะเลทราย และแนวรั้วลวดหนามยาวเหยียดลึกเข้าไปในป่าสนไกลโพ้น อันเป็นสัญญาณว่าเรากำลังบอกลามองโกเลียดินแดนฟ้าใสอย่างเป็นทางการ

ภาพความทรงจำมากมายในช่วงเวลาสั้นๆ ในประเทศแห่งนี้ผุดขึ้นในความคิด ภาพเหล่านั้นสวยงามราวกับความฝัน มองโกเลียเป็นประเทศหนึ่งที่เรากล้าพูดได้ว่าสวยงามจนอยากจะมีวันลาอีกสัก 2 อาทิตย์ เพื่อไปขี่อูฐค้นหาเสน่ห์เร้นลับที่ซ่อนอยู่ในทะเลทรายโกบี

ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกหรือไม่ แต่เชื่อเถอะว่าประสบการณ์ในมองโกเลียจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งในชีวิตของเราไปตราบนานเท่านาน

 

FACT BOX:

  • เส้นทางรถไฟทรานส์-มองโกเลีย เริ่มต้นจากปักกิ่ง (ประเทศจีน) ถึงเมืองอูลานอูเด (ประเทศรัสเซีย) ระยะทางทั้งหมด 2,083 กิโลเมตร
  • หากต้องการนั่งรถไฟสายทรานส์-มองโกเลีย สามารถเลือกเดินทางได้หลายรูปแบบ เช่น เริ่มจากปักกิ่ง Train no. 23 Express ออกเดินทางวันอังคาร ถึงอูลานบาตอร์วันพุธ ในฤดูร้อน ช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม มีเที่ยวเดินทางในวันจันทร์ด้วย ราคาเริ่มต้น $300 สำหรับ 2nd class การสำรองที่นั่งสำหรับรถไฟที่จะเดินทางออกจากปักกิ่ง ต้องผ่านเอเจนซี่เท่านั้น ไม่สามารถซื้อเองที่สถานีรถไฟ หากออกเดินทางจากซามิน-อุด (Zamiin-Uud) ไปอูลานบาตอร์ มีเที่ยวรถออกเดินทางทุกวัน ค่าโดยสาร 35,000 MNT ซื้อตั๋วโดยสารที่สถานีรถไฟซามิน-อุดเท่านั้น
  • เส้นทางอูลานบาตอร์-อูลานอูเด หรือเอียร์คุตสก์ในประเทศรัสเซีย สามารถเลือกรถไฟได้ 2 ขบวน (Train No.263, 005) ราคาค่าโดยสารเริ่มต้นตั้งแต่ $160 หากซื้อผ่านเอเจนซี่ แต่ก็สามารถซื้อเองโดยตรงที่สถานีรถไฟอูลานบาตอร์ได้เช่นกัน ราคาจะถูกกว่ามาก แลกกับการต้องลุ้นว่าจะมีตั๋วหรือไม่
  • สาธารณรัฐมองโกเลียอยากให้คนไทยไปเที่ยวมองโกเลีย โดยให้สิทธิ์ฟรีวีซ่าประเภทท่องเที่ยวเป็นเวลา 30 วัน (ไม่รวมเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน หรือ Inner Mongolia ที่อยู่ในเขตปกครองของจีน อันเป็นพื้นที่ชายแดนระหว่างจีน มองโกเลีย และรัสเซีย)
  • ทริปไปเที่ยวชมเกอร์ มีทั้งแบบ Day Tour 2 วัน 1 คืน และ 2 คืนขึ้นไป โปรแกรมทัวร์จะรับ-ส่งที่อูลานบาตอร์ ค่าบริการเริ่มต้นตั้งแต่ $50 ต่อวัน

 

Tags: , , , , , , , , , , , , ,