ขณะที่กองกำลังอิสราเอลยิงและสังหารผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ที่ต่อต้านการเปิดสถานทูตสหรัฐอเมริกา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 คน และบาดเจ็บเกือบสองพันคนบริเวณชายแดนระหว่างอิสราเอลและฉนวนกาซา ห่างออกไป 60 ไมล์ แขกระดับสูงของทำเนียบขาว 800 คนเข้าร่วมพิธิเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อวันจันทร์ที่ 14 พ.ค. ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งประเทศอิสราเอล

การย้ายสถานทูตจากกรุงเทล อาวีฟ มายังเยรูซาเล็ม เป็นหนึ่งในคำสัญญาที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศไว้ ในพิธีเปิด แขกสำคัญที่มาร่วมงาน ที่ทำให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ คือบาทหลวง 2 คนที่เป็นผู้นำสวดภาวนาในพิธีเปิด และให้พรปิดท้าย

หนึ่งในนั้นคือ โรเบิร์ต เจฟเฟรสส์ (Robert Jeffress) บาทหลวงนิกายอีแวนเจลิคัล ที่ปรึกษาทางศาสนาคนสำคัญของทรัมป์ ซึ่งเคยเป็นผู้สวดภาวนาในพิธีเปิดในการเทศนาเมื่อปี 2010 เขาพูดว่า ศาสนาอย่างมอร์มอน อิสลาม ยูดาย ฮินดู ไม่ใช่แค่นำพาให้คนห่างไกลจากพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังพาคนแยกออกจากพระเจ้าให้ไปนรก

ในเว็บไซต์ของโบสถ์ที่เขาอยู่ เขาเรียกศาสนาอิสลามว่าเป็น “ศาสนาที่ผิดพลาด” มีฐานมาจาก “หนังสือที่ผิดพลาด” ซึ่งนำพาศาสนิกไปนรก

ส่วนจอห์น เฮกี (John Hagee) ผู้ก่อตั้ง Christians United for Israel ซึ่งเป็นผู้กล่าวให้พร ก็เคยพูดไว้ในช่วงทศวรรษ 1990 ว่า ฮิตเลอร์เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพระเจ้า เพื่อให้ชาวยิว ‘กลับไปยังดินแดนของอิสราเอล’

ขณะเดียวกัน อิวานกา ทรัมป์ และ จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกสาวและลูกเขยของทรัมป์ยังเลือกที่จะรับพรจากแรบไบ ยิตซักห์ โยเซฟ (Yitzhak Yosef) ที่เพิ่งบอกว่า คนดำเป็นลิงในการเทศนาเมื่อปีนี้

รองเลขาธิการทำเนียบขาว ราช ชาห์ (Raj Shah) บอกว่า เขาไม่รู้จริงๆ ว่า บาทหลวงทั้งสองคนและแรบไบ ซึ่งเคยแสดงความคิดเห็นรุนแรง จะเข้าร่วมพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐอเมริกาในเยรูซาเล็มด้วย และเสริมว่า เจฟเฟรสมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับคนในรัฐบาลทรัมป์และสมาชิกพรรรเดโมแครต

ขณะที่บริเวณชายแดนกำลังปะทะกันรุนแรง เบนยามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กลับกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันดีสำหรับสันติภาพ คุณสามารถสร้างสันติภาพได้จากความจริง และความจริงที่ว่าเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลมากว่า 3,000 ปีแล้ว”

ส่วนเดวิด ฟรีดแมน (David Friedman) ทูตสหรัฐฯ ประจำอิสราเอลเปิดงานด้วยคำประกาศรัฐอิสราเอล เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1948 ของนายกรัฐมนตรีคนแรกของอิสราเอล “เจ็ดสิบปีต่อมา สหรัฐอเมริกาก้าวไปอีกขั้นด้วยการย้ายสถานทูตมาที่เยรูซาเล็ม”

ราเนีย มูฮาเรบ (Rania Muhareb) นักวิจัยด้านกฎหมายของกลุ่มสิทธิของปาเลสไตน์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอัลจาซีราว่า การย้ายสถานทูตมาตั้งที่เยรูซาเลมเป็นหนึ่งในมาตรการถอนชาวปาเลสไตน์ออกจากเมืองของอิสราเอล

สันนิบาตอาหรับซึ่งมีชาติอาหรับ 22 ประเทศเป็นสมาชิก เรียกร้องให้ชุมชนนานาชาติต่อต้านการตัดสินใจของสหรัฐฯ ครั้งนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการครอบครองเยรูซาเล็มของอิสราเอล

ขณะที่สหภาพยุโรปเรียกร้องให้อิสราเอลเคารพหลักการใช้กําลังทางทหารที่ได้สัดส่วน (principle of proportionality in the use of force) หลังจากที่ทหารอิสราเอลกราดยิงและสังหารชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจากทวีปยุโรปหลายประเทศแสดงความเห็นว่า การตัดสินใจของทรัมป์ไม่ฉลาดนัก และอาจยิ่งเพิ่มความตึงเครียดอีก

องค์การสหประชาชาติแสดงความกังวลต่อจำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แอนโตนิโอ กูเทอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติให้สัมภาษณ์ว่า เหตุนองเลือดในกาซ่าแสดงให้เห็นว่า ต้องใช้การเมืองแก้ปัญหา

“ไม่มีแผนสองในการแก้ปัญหาระหว่างสองรัฐนี้เพื่อทำให้ชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์อยู่อย่างสันติ”

 

ที่มา:

Tags: , , , ,