สำหรับคนทั่วไป การเล่นกีฬาที่มีการปะทะ ใช้ความฟิตของร่างกาย ช่วงอายุ 30 ปีคงเป็นจุดตัดที่เหมาะสม สำหรับการเลิกท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง และหันมาออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาที่เหมาะสมกับช่วงอายุมากยิ่งขึ้น 

แต่สำหรับ คาซูโยชิ มิอูระ (Kazuyoshi Miura) ในวัย 57 ปีไม่ใช่แบบนั้น

วันที่ 25 มิถุนายน 2024 คาซูโยชิเพิ่งเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับแอตเลติโกซูซูกะ (Atletico Suzuka Club) สโมสรฟุตบอลอาชีพในเจแปนฟุตบอลลีก ลีกระดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่น หลังตลอดปีที่ผ่านมา ได้ลงเล่นให้กับสโมสรโอลิเวียเรนเซ่ (Oliveirense) ทีมในลีก 2 ของโปรตุเกส

สิ่งที่น่าสนใจคือ ตลอดช่วงเวลาการค้าแข่งที่นานกว่า 40 ปี นับตั้งแต่เล่นฟุตบอลในระดับเยาวชน คิงคาซูรักษาสภาพร่างกายให้คงความแข็งแรงเช่นนี้ได้อย่างไร และที่น่าสนใจกว่าคือ อะไรที่ยังทำให้เขาอยากจะเล่นฟุตบอลในระดับการแข่งขันเช่นนี้ต่อ เป้าหมายและแรงบันดาลใจของเขาในวันนี้คืออะไร

หากพูดถึงเส้นทางลูกหนังของคาซูโยชิ ความน่าสนใจคือ เขาเป็นนักกีฬาพรสวรรค์ที่ในระดับเยาวชนเติบโตจากการค้าแข้งในต่างประเทศ 

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะในวันที่เขาเริ่มเล่นฟุตบอล ญี่ปุ่นยังไม่มีการก่อตั้ง เจลีก (J.League) ยังไม่มีอาชีพนักฟุตบอลอย่างเป็นกิจจะลักษณะในเวลานั้น 

คาซูโยชิย้ายไปอยู่ประเทศบราซิลตั้งแต่ช่วงอายุ 15 ปี ตาม โนบุโอะ มิอูระ (Nobuo Miura) พ่อของเขาที่เดินทางไปทำงาน ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเขาคลุกคลีกับฟุตบอลบราซิล โดยเฉพาะลีลาการเล่นของ เปเล่ (Pelé) นักฟุตบอลระดับโลก ที่เขามักดูจากวิดีโอเทปที่พ่อถ่ายบันทึกเอาไว้

ปี 1982 คาซูโยชิในวัย 16 ปี วางแผนทำตามความฝันอันยิ่งใหญ่ ด้วยการกำเงิน 700 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขอเข้าคัดตัวในสโมสรคลับแอตเลติโกยูเวนตุส (Clube Atlético Juventus) ทีมในระบบเยาวชนของสโมสรเซาเปาโล (São Paulo FC) ต้นสังกัดของเปเล่ นักเตะในดวงใจของเขา

แต่ไม่ใช่เพราะเงินจำนวนนั้นที่ทำให้คาซูโยชิได้เล่นฟุตบอล จากคำบอกเล่าของเพื่อนร่วมทีม และสื่อในภายหลัง จุดเด่นของคาซูโยชิคือ ความสามารถเลี้ยงหลอกคู่แข่ง รวมถึงการเปิดบอลและเข้าทำประตูด้วยตนเอง จนเขาได้รับฉายาว่า ‘การ์ริงชาจากญี่ปุ่น’ (Garrincha Japones) ซึ่ง การ์ริงชา (Garrincha) หรือมานูแวล ฟรานซิสโก ดุส ซังตุส (Manuel Francisco dos Santos) ถือเป็นนักฟุตบอลบราซิลที่ได้รับการขนานนามว่า มีทักษะในการเลี้ยงหลบคู่แข่งดีที่สุดคนหนึ่งของโลก 

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก้าวเข้าสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัวกับสโมสรซานโตส (Santos) และสโมสรอื่นๆ ในต่างประเทศ จนกระทั่งในปี 1993 ที่ Japan Professional Football League หรือ J.League ก่อตั้งอย่างเป็นทางการ เขาจึงกลับมาเล่นฟุตบอลที่ประเทศบ้านเกิดเป็นครั้งแรก หลังสโมสรโยมิอุริซอกเกอร์คลับ (Yomiuri Soccer Club) ซื้อตัวเขามาพร้อมกับรุย รามอส (Ruy Ramos) ผู้เล่นต่างชาติรายแรกของฟุตบอลอาชีพญี่ปุ่น

หลังจากนั้นชีวิตคาซูโยชิก็ดำเนินอย่างที่นักฟุตบอลควรจะเป็น คือมีโอกาสลงเล่นให้กับสโมสรทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงรูปแบบการเล่นก็เริ่มเปลี่ยนไปมากขึ้นคือ จากเล่นในแดนหน้า มีสไตล์การเล่นที่เน้นความเร็วและพละกำลัง คาซูโยชิในวัย 30 กว่าปีก็เริ่มขยับมาเล่นในแดนกลาง และใช้ประสบกาณ์เล่นฟุตบอลในการส่งบอลมากยิ่งขึ้น ไม่เก็บลูกบอลไว้กับตัวนานจนเกินไป อย่างนักฟุตบอลมากประสบการณ์ส่วนใหญ่ทำ เช่น อันเดรีย ปีร์โล (Andrea Pirlo) หรือโทนี โครส (Toni Kroos) 

แต่ทุกอย่างเริ่มไม่ปกติตรงที่แม้จะล่วงเลยวัย 30 ปีแล้ว เขาก็ยังคงเล่นฟุตบอลอยู่ 

ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2017 สโมสรโยโกฮามา (Yokohama FC) ต้นสังกัดของคาซูโยชิในขณะนั้น จัดงานวันเกิดครบรอบ 50 ปีให้กับเขา ในวันนั้นสื่อมวลชนยิงคำถามอย่างตรงไปตรงมาว่า ในช่วงวัย 50 ปี มีความคิดที่จะแขวนสตั้ด (เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ) บ้างไหม

“ไม่มีเลยครับ” เขากล่าวเพียงสั้นๆ พร้อมเป่าเทียนที่เค้กอย่างเรียบง่าย 

อ้างอิงจากงานวิจัยจากสถาบัน Barça Innovation Hub ระบุว่า ค่าเฉลี่ยของนักฟุตบอลระดับอาชีพในปัจจุบันอยู่ที่ 26.5 ปีเท่านั้น ดังนั้นในวันนี้ คาซูโยชิถือว่าเลยช่วงพีกไทม์ (Peak Time) มาแล้วเกือบ 20 ปี 

ขณะเดียวกัน งานวิจัยยังระบุอีกว่า ผู้เล่นที่อายุมากกว่า 30 ปี จะมีระยะทางในการวิ่งรอบสนามลดลง รวมถึงมีความเร็วในการเคลื่อนไหวลดลง 5-30% และจะยิ่งน้อยไปกว่านั้นเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป แต่สิ่งที่จะมาทดแทนและทำให้นักฟุตบอลยืนระยะได้คือ ประสบการณ์ เทคนิค และความเข้าใจแผนการเล่น โดยข้อมูลระบุว่า ผู้เล่นที่อายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไปจำนวน 3-5% มีอัตราการส่งบอลสำเร็จสูงกว่าผู้เล่นที่มีอายุ 16-29 ปี รวมถึงมีการตัดสินใจและการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและรวดเร็วกว่า

แต่นั่นใช่ว่าร่างกายจะไม่สำคัญเลย เพราะการยืนระยะมาได้นานขนาดนี้ สิ่งที่คาซูโยชิทำมาตลอดคือ การรักษาสภาพร่างกายให้ฟิตพร้อมอยู่ตลอดเวลา 

“มันยากมากเลยกับการทำให้ตัวเองยังดูแข็งแรงตลอดเวลา ผมมีกิจวัตรในการฝึกซ้อมเดิมๆ ซ้ำๆ ต้องตื่นมาตั้งแต่ตี 5 เพื่อเริ่มโปรแกรมซ้อม ที่ในแต่ละวันมีถึง 3 โปรแกรม ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อฝืนกฎธรรมชาติ และทำให้ผมยังเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้อยู่” คาซูโยชิเล่า

แม้ปัจจุบันคาซูโยชิไม่ใช่นักเตะตัวหลักของสโมสร ทว่าตัวเขาเปรียบเสมือนตัวแทนของความพยายามเสียมากกว่า ในการเป็นแรงบันดาลใจให้กับมนุษย์ทุกคนว่า หากมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำอะไรแล้วก็ไม่สิ่งใดจะหยุดยั้งได้

ดังนั้นในวันนี้ที่มีหลายคนยังสอบถามชายผู้นี้ว่า จะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพเมื่อไร เขาก็จะยังคงตอบเช่นเดิมว่า ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัว พร้อมทั้งกล่าวเสริมอีกว่า ตั้งแต่วันแรกที่ลงเล่นให้กับ แอตเลติโกยูเวนตุสในวัย 15 ปี วันนี้ในวัย 57 ปี เขาก็ยังคงเป็นคนเดิมที่มีแพสชัน เป้าหมาย และความฝัน ในสิ่งที่เรียกว่า ‘ฟุตบอล’ อยู่เสมอ

Tags: , , , , ,