ภาพพ่อและลูกสาววัย 2 ขวบคว่ำหน้าจมน้ำเสียชีวิต ขณะที่พยายามข้ามพรมแดนเม็กซิโก-สหรัฐอเมริกาไม่เพียงแต่สร้างความสะเทือนใจ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะวิกฤตครั้งล่าสุดจากนโยบายกีดกันคนเข้าเมืองของทรัมป์
“ผมเกลียดมัน” เป็นปฏิกิริยาแรกจากทรัมป์ต่อภาพน่าสลดใจนี้เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน เขายังได้หันไปประณามพรรคเดโมแครตว่าไม่ยอมแก้นโยบายผู้ลี้ภัยจนทำให้ผู้อพยพเข้าเมืองตามชายแดนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์ผู้อพยพจากอเมริกากลางเพื่อหาทางอพยพไปยังสหรัฐอเมริกา บริเวณชายแดนเม็กซิโก-สหรัฐอเมริกาตั้งแต่กันยายน 2018 ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น ทุกเดือนจะมีผู้อพยพที่หนีความยากจน และความรุนแรงในบ้านเกิดข้ามพรมแดนมายังสหรัฐอเมริกานับหมื่นคน โดยเด็กๆ ที่ถูกพรากจากพ่อแม่ต้องมาอยู่รวมกันที่ศูนย์กักกัน (detention center)
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงร้อนแรงในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน นับตั้งแต่คำพูดของอเล็กซานเดรีย โอกาซิโอ-คอร์เตส หรือ AOC ส.ส. พรรคเดโมแครตที่บอกว่าศูนย์กักกันผู้อพยพเข้าเมืองเป็นค่ายกักกัน (concentration camp) ถูกวิจารณ์จากหลายฝ่าย จนเริ่มมีรายงานสภาพภายในศูนย์กักกันผู้อพยพออกมา เด็กและพ่อแม่ที่ไม่มีเอกสารถูกต้องถูกแยกออกจากกัน พักอยู่ในค่ายที่แย่กว่าคุก
ภายในศูนย์กักกันแห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัส ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2012 ณ เมืองคลินท์ ในรัฐเท็กซัส ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเอล ปาโซ ของเม็กซิโก 20 ไมล์ มีเด็กๆ ที่มีอายุน้อยจนถึง 5 เดือนอาศัยอยู่ กลุ่มทนายความที่เพิ่งไปเยือนชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกบริเวณนี้บอกว่าเด็กๆ ที่อยู่ในศูนย์อพยพอยู่ในสภาพเลวร้าย สวมเสื้อผ้าขาด ผ้าอ้อมสกปรก ขาดแคลนอาหาร
บ้านพักแห่งนี้ที่จริงแล้ว ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักชั่วคราวไม่กี่วันสำหรับผู้ใหญ่ ไม่ใช่สำหรับเด็กและการพักอยู่นาน ชาวเมืองคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กับศูนย์นี้บอกว่า เกือบจะเหมือนกับค่ายกักกันของนาซี “พวกเขาไม่ได้ถูกฆ่า แต่ได้รับการปฏิบัติราวกับสัตว์ พวกเขาต้องการความสะอาดขั้นพื้นฐาน”
เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป มีการบริจาคผ้าอ้อมเด็ก และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ส่งมาที่นี่ แต่เจ้าหน้าที่ศุลกากรและป้องกันพรมแดนบอกว่า จะไม่รับสิ่งของจากภายนอก ประชาชนหลายสิบคนขับรถมาที่ทางใต้ของรัฐเท็กซัสเพื่อบริจาคของ และเริ่มประท้วง
หนึ่งในจำนวนผู้ที่ทนไม่ได้กับสภาพความเป็นอยู่ของผู้อพยพคือ พนักงานบริษัทเมย์แฟร์ (Mayfair) เว็บไซต์ขายเฟอร์นิเจอร์ พวกเขาวอล์กเอาท์จากการทำงานในช่วงพักกลางวัน เดินออกจากสำนักงานใหญ่ที่เมืองบอสตันเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน เพื่อประท้วงการขายเตียงนอนและเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ มูลค่า 200,000 เหรียญให้กับศูนย์กักกันเด็กอพยพเข้าเมืองที่เท็กซัส หลังจากที่เมื่อวันศุกร์พนักงานบริษัทเมย์แฟร์ 550 คนส่งจดหมายถึงผู้บริหารบริษัทให้ยุติการทำธุรกิจกับคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องกับค่ายกักกันผู้อพยพ
พวกเขาไม่ต้องการให้บริษัทแสวงหากำไรจากเด็กๆ ที่อยู่ในศูนย์กักกัน และบริจาคเงิน 200,000 เหรียญให้กับครอบครัวผู้อพยพ รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลปิดศูนย์กักกันเด็ก พนักงานคนหนึ่งบอกว่า“เราต้องการทำงานในบริษัทที่เราภูมิใจ เรานั่งอยู่เฉยไม่ได้ ขณะที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่ชายแดน” แต่ผู้บริหารปฏิเสธ แล้วบริจาคเงินให้กาชาด 100,000 เหรียญ
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว บริษัทก็เคยขายเฟอร์นิเจอร์ให้กับศูนย์กักกันผู้อพยพที่เป็นเยาวชน 2,500 คนที่ถูกปิดไปแล้วเมื่อเดือนมกราคม เพราะมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพระดับร้ายแรง
เมื่อวันพุธที่ 26 มิถุนายน สมาชิกพรรคเดโมแครต รวมทั้งอลิซาเบธ วอร์เรน และเบอร์นี แซนเดอร์ ว่าที่ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2020 ได้เดินทางไปศูนย์กักกันเด็กที่อพยพเข้าเมืองในรัฐฟลอริดา ก่อนจะเริ่มต้นดีเบตแรกของพรรค ทั้งนี้วอร์เรนยังประท้วงร่วมกับกลุ่มที่ชุมนุมต่อต้านนโยบายกีดกันคนเข้าเมืองของทรัมป์ด้วย
ที่มา:
https://time.com/5614072/wayfair-protest-border-detention-beds/
https://www.nytimes.com/2019/06/25/us/john-sanders-cbp.html
http://nymag.com/intelligencer/2019/06/the-inhumane-conditions-at-migrant-detention-camps.html
ภาพ: STR / AFP
