ก่อนหน้านี้เราได้พูดคุยกันไปถึง ‘ข้อจำกัดการทำงานของบล็อกเชนทั้ง 3 ประการ’ หรือ Blockchain Trilema  และการแก้ปัญหาในการขยายขอบเขตการทำธุรกรรม (Scalability) ด้วย Layer 2 ของบล็อกเชน ทำให้ดูเหมือนว่าการนำบล็อกเชนมาใช้งานในวงกว้างจะเป็นที่พูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่การที่โลกกำลังหันเหเข้าสู่ โลกดิจิทัลที่กำลังกลายเป็นความจริงเสมือนอีกใบหนึ่งนั้น อาจทำให้มองข้ามประเด็น ‘ความเป็นส่วนตัว’ (Privacy) ที่อาจกลายเป็นข้อจำกัดด้านที่ 4  ของบล็อกเชน

หนึ่งในลักษณะเด่นของบล็อกเชนคือ ความโปร่งใสที่ทุกคนสามารถตรวจสอบการทำธุรกรรม และที่มาที่ไปของเหรียญที่ใช้โอนระหว่างกัน แต่การที่เปิดให้ผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเข้าไปจะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น และขัดกับหลักมนุษยธรรมหรือไม่ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ต้องคิดต่อว่าการใช้งานบล็อกเชนโดยที่ไม่ยอมสูญเสียลักษณะสำคัญทั้ง 4 ไปนั้นจะเป็นไปได้จริงๆ หรือ

ความเป็นส่วนตัวนั้นสำคัญต่อวงการบล็อกเชนอย่างไร? ยกตัวอย่างเช่น การกู้เงินในแพลตฟอร์ม DeFi อย่าง Compond นั้น จะให้วงเงินในการกู้ตามหลักประกันของผู้ที่มายื่นเรื่องขอกู้  โดยจะให้วงเงินต่ำกว่าหลักประกันที่เอามาคำ้ไว้ ซึ่งแตกต่างจากโลกการเงินยุคดั้งเดิมที่สามารถขอกู้เงินเต็มวงเงินได้ เนื่องจากมีระบบ Credit Score ที่ช่วยตรวจสอบว่าผู้ที่มาขอกู้นั้นเป็นใครมาจากไหน ซึ่งหากนำระบบดังกล่าวมาใช้งานกับบล็อกเชนจะทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้กู้ถูกเปิดเผยในทันที ดังนั้นหากเรายังสามารถกู้ยืมเงินเต็มจำนวนได้ และยังคงข้อมูลความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ไว้ได้ จะทำให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินเกิดขึ้นอีกมากมายสำหรับวงการคริปโตเคอร์เรนซี่

ในปัจจุบันจึงมีบล็อกเชนที่มุ่งเน้นทางด้านความเป็นส่วนตัวอย่างเช่น Monero (XMR) Oasis Network (ROSE) หรือแม้กระทั่ง Firo เหรียญคริปโตฯ ฝีมือคนไทยที่ถูกสร้างขึ้นโดย ‘ปรมินทร์ อินโสม’ เจ้าของกระดานเทรดชื่อดังอย่าง SatangPro ที่พยายามจะแก้ไขปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรม ของผู้ใช้งาน

หนึ่งแนวคิดที่น่าสนใจคือ Zero-Knowledge-Proof ซึ่งคือแนวคิดในการพิสูจน์ความจริง โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงให้อีกฝ่ายทราบ ซึ่งเป็นระบบที่ทาง Zcash ใช้เพื่อซ่อนข้อมูลว่าใครสามารถที่จะโอนหาใครได้บ้างในจำนวนเงินเท่าไร โดยระบบ สามารถพิสูจน์ได้อย่างถูกต้องโดยที่ไม่จำเป็นต้องรับรู้ถึงข้อมูลที่แท้จริงผ่านการใช้สมการทางคณิตศาสตร์ชั้นสูง

แม้ว่าเทคโนโลยีของบล็อกเชนจะสามารถตัดตัวกลางออกจากระบบ และก่อให้เกิดการใช้งานบล็อกเชนในรูปแบบใหม่ๆ แก่โลกนี้ แต่ปัญหาทางด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลก็ยังคงไม่ได้รับการใส่ใจที่จะแก้ไขในวงกว้าง ถึงขั้นขนาดที่ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน (Edward Snowden) ที่ปรึกษาทางด้านความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว ผู้เปิดเผยความลับของ NSA ในปี 2013  ยังได้ให้ความเห็นว่า “แม้ว่า ‘บิตคอยน์’ จะน่าสนใจสักเพียงใด แต่หากไม่มีความเป็นส่วนตัว  มันก็ยังคงไม่ปลอดภัยอยู่ดี”

การที่เทคโนโลยีบล็อกเชนมี Use Case การใช้งานใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในหลายปีให้หลังนั้น หากผนวกกับเทคโนโลยีที่สามารถรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้ จะช่วยปลดล็อค และสร้างคุณค่าทางการเงินใหม่ๆ ให้กับโลกใบนี้ได้อย่างมหาศาล จึงเป็นที่จับตาดูกันว่า ความเป็นส่วนตัว และบล็อกเชนนั้นจะเดินทางไปด้วยกันได้หรือเปล่า

ภาพ: https://tokeneo.com/zcash-zec-what-is-it-how-to-mine-zec/ 


ที่มา:https://www.facebook.com/100603449056645/photos/a.101305985653058/130220952761561/ 

https://blog.harmony.one/harmony-keynote-scaling-privacy-secure-staking-radical-fairness/ 

https://firo.org/about/research/ 

https://medium.com/flipay/zero-knowledge-proof-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81-71a6cb0314d9 

https://siamblockchain.com/2017/09/30/edward-snowden-zcash-is-most-interesting-bitcoin-alternative/