ประเทศจีนกำลังเผชิญกับ ‘การปราบปรามทางศาสนาที่เลวร้ายที่สุด’ นับตั้งแต่การปฏิวัติวัฒนธรรมในสมัยรัฐบาลเหมาเจ๋อตุง ด้วยการเดินหน้าจับสมาชิกของโบสถ์ ปิดคริสตจักร และจับบาทหลวง พร้อมเตรียมแปลคัมภีร์ไบเบิ้ลใหม่เพื่อสร้าง ‘ความเข้าใจที่ถูกต้อง’
โดยเหยื่อรายล่าสุดของสถานการณ์นี้คือคริสตจักร Early Rain ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งสมาชิกนับร้อยของโบสถ์ถูกจับกุม ตัวโบสถ์จะถูกสั่งปิด พร้อมกับการจับกุมบาทหลวงประจำโบสถ์และภรรยาในข้อหาทางอาชญกรรมที่มีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์สั่งสอบสวนคริสตจักรต่างๆ การบุกเข้าตรวจสอบโบสถ์หลายแห่งของเจ้าหน้าที่ และการแบนสมาชิกของคริสตจักร แที่ไม่ยอมให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด
Lily Kuo จาก The Guardian เชื่อว่าแรงผลักดันที่ทำให้รัฐบาลจีนทวีความรุนแรงในการปรามปราบศาสนามากขึ้น เกิดจากความไม่สบายใจของรัฐบาลต่อจำนวนคริสเตียนในประเทศที่กำลังเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 60 ล้านคน รวมถึงมีความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างคริสต์ศาสนากับโลกตะวันตก โดยเธอเชื่อว่ารัฐบาลจีนไม่ได้มีเจตนาจะทำลายศาสนา เพียงแต่ต้องการ ‘ควบคุม’ เท่านั้น
โดยจะเห็นได้ชัดเจนจากความพยายามที่จะ ‘Sinicise’ ศาสนาหรือพยายามที่จะครอบศาสนาให้กลายเป็น ‘ศาสนาคริสต์จีน’ ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของวัฒนธรรมจีนและอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ การปิดคริสตจักรที่อยู่นอกการอนุมัติของรัฐบาล การสั่งปลดไม้กางเขน สั่งติดธงชาติ และกำหนดให้มีการร้องเพลงชาติจีนในโบสถ์
นอกจากนั้น เชื่อว่าส่วนหนึ่งของความกังวลของรัฐบาลยังมาจากการก่อความไม่สงบในเหตุระเบิดที่เกิดจากผู้มีความเชื่อในศาสนาทั้งคริสต์และอิสลามอย่างแรงกล้าหลายครั้ง รัฐบาลจึงต้องการป้องกันการแทรกซึมทางอุดมการณ์ที่รุนแรงและต้องการจัดระเบียบภาพรวมทางศาสนาของจีนใหม่ทั้งหมด จนถึงขณะนี้รัฐบาลได้เพิ่มข้อกำหนดเกี่ยวกับศาสนา พร้อมทั้งได้ปิดกั้นการขายคัมภีร์ไบเบิ้ลผ่านช่องทางออนไลน์เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวทางศาสนาเชื่อว่าสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น เมื่อรัฐบาลจีนขยายพื้นที่ในการจัดระเบียบและปราบปรามออกไป และเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้คริสตจักร Early Rain ถูกเพ่งเล็งมากกว่าที่อื่น เกิดจากการที่บาทหลวงของโบสถ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านกฎหมาย เพื่อเรียกร้องสิทธิจากรัฐให้กับพ่อแม่ของเด็กที่เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวที่เสฉวน
อันเกิดจากความเป็นคริสเตียนรุ่นใหม่ที่เชื่อมโยงกับขบวนการสิทธิซึ่งได้รับอิทธิพลมากจากความเกี่ยวข้องของประชาธิปไตยและคริสต์ศาสนาในยุโรป และสุดท้ายสิ่งที่รัฐบาลวิตกจริงๆ คือ “ศักยภาพของศาสนาที่อาจจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับสิทธิและค่านิยมสากลในจีน”
ที่มา
https://www.publicpostonline.net/21230
Tags: โบสถ์, ศาสนาคริสต์, จีน, คริสตจักร